‘กูรู’ลุ้นแรงขาย ‘LTF’ ชะลอ หลัง ‘พิชัย’ จ่อพลิกฟื้นตลาดทุน หวังหยุด ‘หุ้นไทย’ ดิ่ง 

‘กูรู’ลุ้นแรงขาย ‘LTF’ ชะลอ หลัง ‘พิชัย’ จ่อพลิกฟื้นตลาดทุน หวังหยุด ‘หุ้นไทย’ ดิ่ง 

‘กูรู’ลุ้นแรงขาย‘แอลทีเอฟ’ชะลอ หลัง ‘พิชัย’ จ่อพลิกฟื้นตลาดทุน หวังหยุด ‘ดัชนีหุ้นไทย’ ดิ่ง มองครึ่งแรก “หุ้นไทย” ยังมีความหวัง หาก ธปท. ลดดอกเบี้ยอาจกระตุ้นเซนติเมนต์ได้

 “กูรู” คาดหากรัฐยังไม่สามารถสร้าง “ความเชื่อมั่น” กลับคืนมาได้ คาดว่า “กองทุนแอลทีเอฟ” มีโอกาสที่จะขายออกอย่างหนัก สะท้อนผ่านเดือนม.ค. ขายออก 1.8 หมื่นล้าน เหตุหาช่องทางใหม่ ๆ ที่เพิ่มโอกาสในการลงทุน ล่าสุด “คลัง” เตรียมพิจารณาเกณฑ์ใหม่ หวังนักลงทุนชะลอขายกองทุน 

‘กูรู’ลุ้นแรงขาย ‘LTF’ ชะลอ หลัง ‘พิชัย’ จ่อพลิกฟื้นตลาดทุน หวังหยุด ‘หุ้นไทย’ ดิ่ง 

หุ้นไทย” ยังคงประสบกับปัจจัยหลายด้านรุมเร้า ทั้งนอกและในประะเทศ ส่งผลให้นักลงทุน “ขาดความเชื่อมั่น” เทขายออกหุ้นต่อเนื่อง ยังพบนักลงทุนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดในปี 2568 ต่างทยอยขายออกอย่างหนัก ตั้งแต่เดือนม.ค. ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบันมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านบาท 

ล่าสุด “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า คลังเตรียมพิจารณาปรับปรุงกองทุน LTF

ที่กำลังจะหมดอายุลงปีนี้ว่ามีแนวคิดจะถ่ายโอนเม็ดเงิน LTF ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณ 180,000 ล้านบาท มาอยู่ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือ Thai ESG แทน ดังนั้น ขอให้นักลงทุนชะลอดูนโยบายก่อนที่จะตัดสินใจขายกองทุน LTF ซึ่งความคืบหน้าของการปรับปรุงกองทุน LTF กำลังอยู่ระหว่างพิจารณาจะให้ประโยชน์ต่อเนื่อง ระยะเวลา 5 ปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะพิจารณาโดยเร็ว

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า นักลงทุนที่ถือกองทุน LTF ที่ในปีนี้ครบกำหนดตามเกณฑ์และสามารถไถ่ถอนออกมาได้ ทำให้ในช่วงตั้งแต่สิ้นเดือน ม.ค. 2568 เป็นต้นมา นักลงทุนในกองทุนดังกล่าวเริ่มทยอยขายออกมาค่อนข้างมาก และคาดว่าจะมีการขายกองทุน LTF ออกอีก ซึ่งถือว่ามีโอกาสสูงมาก ถือเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่เคยประสบมาก่อน มีคงค้าง 200,000 กว่าล้านบาท

ทั้งนี้ ถือเป็นบรรยากาศการลงทุนของความเสื่อมที่เข้ามาเกาะกุม หากย้อนไปเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ที่กองทุน LTF ครบกำหนดในปี 2558 ขณะนั้นมองว่า มีข่าวร้ายเกิดขึ้นและคาดว่าจะมีการเทขายกองทุน LTF ออกมา แต่เกินคาดขณะนั้นไม่มีนักลงทุนขายออกมา แต่ปัจจุบันในประเทศไม่ได้มีข่าวร้าย แต่ทว่าก็มีนักลงทุนเทขายออกมา ทำให้ดัชนีหุ้นไทยดิ่งหนักและคาดจะเทขายออกมาอีก

สำหรับ เมืองไทยมองมีความเสื่อมในทุกอย่าง ไม่ว่าจีดีพีไม่ดี กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไม่ดี รวมถึงธรรมาภิบาล หุ้นราคาแพง ทำให้ภาพรวมประเทศไม่มีการเติบโต หรือหากการเติบโตได้ค่อนข้างยาก จึงเป็นปัจจัยสำคัญทำให้เงินโยกย้าย รวมถึงความผันผวนตลาดหุ้นทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งแรกปี 2568 หุ้นไทยยังมีความหวัง หากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ลดดอกเบี้ยอาจจะกระตุ้นเซนติเมนต์ได้ หากหุ้นไทยขึ้นมาระดับ 1,300 จุด อาจจะยังมีโอกาส แต่ทว่าหุ้นไทยยังลงต่อเนื่องต่อไป ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กองทุน LTF อาจเร่งตัวขายออกไป ขณะเดียวกันรัฐมีแนวที่จะฟื้นตัวกองทุน LTF กลับมาก็จะสามารถช่วยตลาดได้ เนื่องจากนักลงทุนอาจจะชะลอขายกองทุน

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมากองทุน LTF ไหลออกต่อเนื่อง ทำให้สภาพคล่องหดหาย โดย NAV ณ สิ้นเดือน ม.ค.2568 อยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาท ลดลง 2.2 แสนล้านบาท ณ ช่วงสิ้นปี 2567 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากผลกระทบจากดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงมา และอีกส่วนมาจากเงินไหลออกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ แนวโน้มยังคงไหลออกอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนที่ถือกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอาจจะสลับไปที่กองทุน TESG ซึ่งยังคงได้รับผลประโยชน์ทางภาษี แต่ทว่า อาจจะมีนักลงทุนบางกลุ่มที่ไม่อยากลงทุนก็อาจจะเทขายออกมา เพราะปัจจุบันอัปไซด์ยังมีจำกัด เพราะนักลงทุนยังทยอยออกอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนในกลุ่มนี้อาจจะเลือกไปลงทุนในต่างประเทศได้ ซึ่งก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

“แนวโน้มตลาดหุ้นยังเป็นการแกว่งตัว ยังไม่มีปัจจัยใหม่กระตุ้นขับ ซึ่งทุกคนรู้ว่า Valuation หุ้นไทยค่อนข้างอยู่ในโซนถูก แต่อาจจะถูกลงไปอีก หลังจากที่ไม่มีปัจจัยใหม่มากระตุ้น ต้องรอตัวเลขเศรษฐกิจจะสามารถผลักดันให้เติบโตได้มากกว่า 3% หรือไม่”

นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย ให้ข้อมูลต่อไปว่า เดือนม.ค. 2568 กองทุน LTF ไหลออกประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับ ม.ค.2567 ไหลออกประมาณ 5,000 ล้านบาท เท่ากับว่า ไหลออกไปกว่า 4 เท่าตัว ถือว่าเยอะมาก ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น นักลงทุนครบกำหนด 7 ปี ได้สิทธิทางภาษีครบก็อยากขายหน่วยลงทุนเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหาคือ เมื่อผู้จัดการกองทุนได้รับคำสั่งการขายมาก็ต้องขายเพื่อนำเงินไปคืนผู้ถือหน่วยลงทุน

ทว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ มูลค่าในตลาดหุ้นไทยต่ำ ทำให้ไม่มีสภาพคล่องมารับ ส่งผลให้หุ้นตกลงมาแรง และคาดว่า นักลงทุนที่ถือกองทุน LTF มีโอกาสที่จะขายออกไปอย่างต่อเนื่องแน่นอน หากไปดูมูลค่าการขายกองทุน LTF อยู่ที่ 3.8 หมื่นล้าน แต่ในปีนี้เดือนเดียวกองทุน LTF ออกไป 1.8 หมื่นล้าน นั่นแสดงว่า นักลงทุนน่าจะมีการไหลออกไปอีก