ตลท.หนุน Thi ESG กองใหม่เพิ่มเงื่อนไขเน้นลงทุนหุ้น ช่วยดันดัชนีหุ้นไทย

“ตลท.” หนุน Thai ESG เพิ่มกฎเกณฑ์ การลงทุนในหุ้น หลังจากปีก่อน เงินลงทุนปีก่อน 3-4 หมื่นล้านเข้า พันธบัตรจำนวนมาก พร้อมหนุนออก ETF -ผลิตภัณฑ์ใหม่ ยัน ให้ความสำคัญความโปร่งใส บริษัทจดทะเบียน
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงาน 33 Years of Activating Infinite Opportunities จัดโดย "บลจ.วรรณ" วันนี้ (13 ก.พ.) ว่านโยบายของ รัฐบาลในการสนับสนุนตลาดทุนของไทยว่าในส่วนของนโยบายที่มีการเพิ่ม ทางเลือกในการลงทุนกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ว่าถ้ารัฐบาลจะเพิ่มการลงทุน Thai ESG อีกต้องเป็นมาตรการที่เน้นการลงทุนในตลาดหุ้นเพราะปีที่แล้วเม็ดเงินที่เข้ามา 3-4 หมื่นล้าน นั้นเป็นเงินที่ไปลงในกองทุนที่เป็นพันธบัตร
โดยเราจะผลักดันให้ทางเลือกถ้ามีมาตรการที่เป็น "Thai ESG 2" เราจะเน้นว่าควรจะลงทุนในหุ้น ซึ่งในไตรมาสที่สองนั้นน่าจะเห็นความชัดเจนหลังจากที่กระทรวงการคลังนั้นทำงาน ร่วมกับหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องนี้อยู่
นายอัสสเดชกล่าวด้วยว่าตลาดหลักทรัพย์ไทยที่ผ่านมามีการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากกว่า 50 ปีประเทศเราเป็นประเทศที่ดีและมีสภาพคล่องในตลาดสูงที่สุดตลาดหนึ่งต้องยอมรับว่าระยะสั้นสั้นที่ผ่านมาประสิทธิภาพไม่ได้สูงมากเท่าไหร่มีปัจจัยหลายหลายอย่าง สิ่งหนึ่งที่ได้เรียนรู้จากอดีตจากกองทุนต่างๆต้องกลับมาที่พื้นฐานบ้านเราในวันนี้พื้นฐานยังถือว่ามีโอกาส อย่างที่รองนายกฯ ได้พูดถึงที่เราสามารถที่จะก้าวกระโดดที่จะใส่ในบางมิติได้ซึ่งเรื่องของพื้นฐานถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆกับตลาดทุน
นอกจากนั้นในเรื่องของ ความเชื่อมั่นในตลาดทุนหากสามารถที่จะมองในแง่บวกได้ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นในตลาดนั้นเพิ่มขึ้น ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาประมาณ 10 ปีบริษัทจดทะเบียนของไทยนั้นมีการเติบโตเฉลี่ยแค่ประมาณ 3% เท่านั้นซึ่งยังไงถ้าเกิดตลาดหลักทรัพย์จะเติบโตขึ้นก็ต้องทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนนั้นเติบโตขึ้นซึ่งในส่วนนี้ก็ต้องร่วมมือกันหลายหลายฝ่ายในการให้บริษัทจดทะเบียนทำแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพของตัวเอง แล้วมาดูว่ามีมาตรการอะไรที่จะเข้าไปช่วยเสริมได้หลังจากที่มีแผนแล้วซึ่งเป็นแผนในระยะสองถึงสามปีและสามารถที่จะไปสื่อสารและจูงใจให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น ซึ่งอันนี้จะสอดคล้องกับแผนที่ตลาดหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนนั้นจะมีการเป็นโรดโชว์ในต่างประเทศ
“ณ วันนี้โลกมีความสลับซับซ้อนมากขึ้นเยอะอะไรที่เป็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเร็วมากข้อมูลที่นักลงทุนต้องวิเคราะห์มีมากมายเหลือเกินแม้ว่าเราจะมี AI ช่วยแต่ความเชี่ยวชาญในการลงทุนก็เป็นเรื่องที่สำคัญตลาดหลักทรัพย์พยามที่จะสนับสนุนผู้จัดการกองทุนที่มีมีประสบการณ์ในการที่จะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ใหม่ที่ลงทุนผ่านตลาดมากขึ้น อย่างเช่นกองทุน ETF ให้มีเพิ่มขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและมีมาตรฐานที่ลงทุนได้ทั่วโลก”
นอกจากนี้นโยบายของความเป็นธรรมเป็นนโยบายที่มีความไม่แน่นอนสูงมากอยากให้บริษัทจดทะเบียนนั้นดูเรื่องของนโยบายและมีการตอบสนองให้ทันถ้าดูตั้งแต่นโยบายของทรัมป์ในสมัยแรกการเคลื่อนย้ายของเงินทุนที่เข้ามายังเอเชีย 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐประเทศไทยนั้นได้ประมาณแค่ 10% ซึ่งในรอบนี้จะทำยังไงให้ไทยนั้นสามารถที่จะได้เงินลงทุนเพิ่ม จากการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาในเอเชียเพิ่มขึ้น ซึ่งก็น่าจะเป็นโอกาสของประเทศไทย
ในปี 2025 ตลาดหลักทรัพย์ต้องเน้นในเรื่องของความเท่าเทียมของข้อมูลและความโปร่งใสรวมทั้งความเร็วในเรื่องของการนำข้อมูลมาให้กับนักลงทุนทำอย่างไรที่จะให้ทุกคนเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็วและเท่าเทียมซึ่งเป็นบทบาทที่ตลาดหลักทรัพย์พยายามจะทำอยู่ เราจะให้โบรกเกอร์ทุกเจ้าไปวาง Saver ในตลาดหลักทรัพย์ได้ฟรียังไม่มีค่าใช้จ่าย ลูกค้าของโบรกเกอร์ที่ต้องการรับข้อมูลอย่างรวดเร็วก็จะสามารถรับข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้นซึ่งเป็นแผนในระยะสั้นที่เราจะสร้างความเท่าเทียม
ส่วนแผนเรื่อง Bond Connect เรามีความตั้งใจที่จะให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงการซื้อขายพันธบัตรโดยเฉพาะพันธบัตรของรัฐบาลได้มากขึ้นโดยเฉพาะในส่วนที่จะเป็นนักลงทุนรายย่อย สิ่งที่เราคาดหวังในการที่คนจำนวนมากจะเข้าถึงได้มากขึ้นซึ่งตอนนี้กำลังดูรูปแบบหนึ่งการซื้อขายได้ต้องการใช้เงินสองคือเป็นหลักประกันในการที่จะลงทุนเพิ่มเติมในตลาดทุนตอนนี้กำลังที่จะมีการพัฒนาอยู่ซึ่งอยากจะทำในตลาดหลักและตลาดลองซึ่งจะออกมาภายในไตรมาสสามและสี่ของปีนี้