WHA ยันหุ้นร่วงไม่รู้สาเหตุ แจง Spin off บริษัทลูก WHAID เข้า IPO เพื่อเติบโต

WHA ยันไม่รู้สาเหตุหุ้นร่วงเฉียด 20% ชี้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่อง แจง Spin off บริษัทลูก WHAID เข้า IPO เพื่อสร้างการเติบโต ย้ำส่งผลดีระยะยาว
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า มองว่าราคาหุ้น WHA ที่ร่วงลงกว่า 20% ในวันนี้ (24 ก.พ.2568) เป็นแรง Panic Sell แต่ไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดว่าจะเป็นเพราะกระแสข่าวความผิดหวังงบไตรมาส 4 ปี 2567 ที่ออกมาต่ำกว่าคาด และความกังวลแผนการ Spin-off ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมภายใต้ WHAID เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) หรือไม่
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2567 รายได้ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีการโอนสินทรัพย์เข้ากอง WHAIR ซึ่งรับรู้เป็นกำไร แต่การมูลค่าขายสินทรัพย์น้อยลงกว่าปีก่อน รวมทั้งมีการรับรู้ขาดทุนจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ เก็คโค่-วัน
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการทั้งปี 2567 บริษัทมีกำไรปกติ 4,526 ล้านบาท ทำสถิติใหม่ New Record High แม้ช่วงกลางปีบริษัทตัดสินใจชะลอการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART เนื่องจาก Sentiment ตลาดไม่ค่อยดี แต่ท้ายปีมีการขายสินทรัพย์เข้ากอง WHAIR ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 67 ปรับสูงขึ้นเป็น 61.9% จาก 26.4% ในปี 66 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจที่ดินอยู่ที่ 61.0% เพิ่มขึ้นจาก 54.9% ในปี 66 หลังจากปรับราคาขายที่ดินในประเทศให้สูงขึ้น
ขณะที่ไตรมาส 4 ปี 2567 บริษัทมียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) แล้ว 1,535 ไร่ ซึ่งจะมารับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้บริษัทได้เซ็นสัญญาซื้อที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่กว่า 1,000 ไร่ ซึ่งมีการบันทึกรายได้ไปแล้วในปี 67 กว่า 500 ไร่ และจำนวนที่เหลือจะทยอยบันทึกภายในไตรมาส 1-2/68 นอกจากนี้ในปี 67 บริษัทมี EBITDA Margin ที่ 58% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 40% และดีกว่าปี 66
ทั้งนี้ มองว่าในสถานการณ์ประเทศแบบนี้แต่กลุ่ม WHA ก็ยังสามารถเติบโตได้เป็นที่น่าพอใจ พร้อมย้ำเป้าหมายปี 2568 รายได้ และส่วนแบ่งกำไร 2 หมื่นล้านบาท และคงอัตรากำไร EBITDA Margin มากกว่า 45% โดยมี Net IBD/E น้อยกว่า 1.2 เท่า โดยมีความมั่นใจว่าจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง
"เวลาดูผลประกอบการช่วยดูทั้งปี ถ้าดูรายไตรมาสจะงง เพราะธุรกิจเราไม่ใช่ Consumer Product เรายังเติบโต และปันผลเพิ่มขึ้น ถ้าดูทั้งปีจะเข้าใจธุรกิจ"
ขณะที่ WHA ยังย้ำแผนการดำเนินงาน 5 ปี (2568-2572) บริษัทตั้งงบลงทุน 1.19 แสนล้านบาท เพื่อหนุนให้มีรายได้รวม และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น 2.9 เท่าแตะ 41,900 ล้านบาท ซึ่งเป็นการประเมินตาม Sentiment ตลาด หากมีการเปลี่ยนแปลงก็อาจจะไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนทั้งหมดตามที่ตั้งไว้ นอกจากนี้เป้ารายได้ที่ตั้งไว้ยังไม่รวมการลงทุนอื่นๆ นอกแผนที่บริษัทอาจจะมีการลงทุนในอนาคต
สำหรับแผนการนำ บมจ.ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ (WHAID) ซึ่งทำธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมที่เป็นธุรกิจหลักของกลุ่ม WHA เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้น นางสาวจรีพร ยืนยันว่า บริษัทมีการวางแผนมาอย่างดีแล้วก่อนหน้านี้ โดยประเมินว่าแนวโน้มธุรกิจนิคมฯ จะเติบโตได้ดีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ และเติบโตต่อเนื่องในอีกหลายปี ซึ่งบริษัทมีการลงทุนในเวียดนาม และยังมองหาโอกาสลงทุนในประเทศอื่นๆ อีก
ส่วนความกังวลว่า WHA จะถือหุ้นธุรกิจนิคมฯ ลดลงหลัง Spin-off WHAID นั้น นางสาวจรีพร กล่าวว่า WHA ยืนยันจะถือหุ้น WHAID ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 75.95% แม้ว่าจะลดลงจากเดิม 98% และเกิด dilution แต่ด้วยสัดส่วนหุ้นที่ถืออยู่ยังบันทึกในงบการเงินรวมเหมือนปัจจุบันไม่ได้เปลี่ยนแปลง และบริษัทยังมีรายได้ส่วนอื่น ๆ เข้ามาเสริม
“ย้ำว่า การ Spin-off ครั้งนี้ถือเป็นผลดีต่อ WHA Group ในระยะยาว โดยหลัง IPO คาดว่าจะทำให้ WHA มี Net IBD/E ลดลงน้อยกว่า 0.7 เท่า จากปัจจุบัน 1.2 เท่า ทั้งนี้บริษัทจะประเมินสภาวะตลาดรวมทั้งหลายปัจจัยประกอบการ หากตลาดไม่เอื้อไม่จำเป็นต้องเข้าเทรดในปีนี้ ”
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์