ตลท.เตรียมเสนอแก้กฎหมาย พ.ร.ก.ฟื้นความเชื่อมั่น เล็งเปิดโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทยเน้นลงทุนระยะยาว

ตลท.เตรียมเสนอแก้กฎหมาย พ.ร.ก.ฟื้นความเชื่อมั่น หลายฉบับ และเล็งเปิดโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทยเน้นลงทุนระยะยาว “TISA” หรือ Thailand Individual Saving Account เป็นโมเดลจาก NISA Nippon Individual Savings Account ซึ่งเป็นโมเดลของประเทศญี่ปุ่นที่ตลาดได้เข้าไปศึกษาดูงานมา เน้นเก็บออม และยกเว้นสิทธิทางภาษี
ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยที่มีความผันผวนขณะนี้ ไม่ใช่แค่ตลาดหุ้นไทยที่เดียว แต่ทว่าเกิดจาก Geopolitics ซึ่งตลาดก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับตลาดทุน เพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ที่จะนำบริษัทจดทะเบียนที่มีอยู่ให้ดีขึ้น โดยโครงการใหม่ ๆ โดยการมีกองทุนออมเพื่อซื้อหุ้นไทย หลัก ๆ คือ ตลาดทุนไทยจะมีโครงการ JUMP+ เพื่อบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าต่ำกว่าราคาปกติ หรือ ราคาต่ำบุ๊ค เพื่อให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยการให้บริษัทจดทะเบียนเข้ามาสมัคร และมีการเขียนแผนในการเติบโตอย่างไร คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไร ทั้งนี้ กระทรวงการคลังได้รับเรื่องไว้พิจารณา หากเกิดทำได้มีรายได้ที่เพิ่มขึ้นก็จะลดภาษีให้ Dividend ในส่วนนี้จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนภาษีได้เพิ่มเติม ซึ่งเป็นบริษัทที่มีอนาคตที่จะขยายกิจการไปยังภูมิภาคในการเพิ่มรายได้
ขณะที่โครงการ New S-Curve Economy เช่น ธุรกิจ Healthcare หรือ เทคโนโลยี บริษัทที่อยู่ในปัจจุบันและบริษัทอยู่ต่างชาติให้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมถึงบริษัทที่ขอรับการส่งเสริมจาก BOI ซึ่งได้รับความร่วมมือในการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี และมาตรการจูงใจอื่น ๆ และสร้างกลไกในการได้รับประโยชน์ไม่สูญเสียอำนาจ โดยการจัดให้มี Dual-Class Shares สิ่งเหล่านี้จะทำให้ ยกตัวอย่างประเทศไทยมีอัตราสูงมากในส่วนของ Healthcare ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียนในบริษัทจดทะเบียน รวมถึงบริษัทในไทยไปลงทุนในโกลบอลคอมปานี เป็นต้น
และอีกโครงการคือ การซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock Buyback) ของบริษัทจดทะเบียน ที่จะทำให้เงื่อนไขการซื้อหุ้นคืนปลดล็อกจากเดิมที่มีข้อจำกัดกำหนดให้ซื้อหุ้นคืนได้ไม่เกิน 10% ของทุนจดทะเบียน ให้เร็วขึ้น ซึ่งจะมีการแก้ไขกฎหมายบริษัทมหาชน
รวมถึงกรณีที่รัฐบาลให้นโยบายกฎหมายหลักทรัพย์ให้ ก.ล.ต.สามารถฟ้องคดีได้เอง หากมีการแก้ไขกฎหมายปกติจะให้เวลาค่อนข้างมาก แต่ทว่าเราแก้ไขกฎหมายแบบเร่งด่วน (Omnibus Law) คือเป็นการแก้ไขทีเดียวหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็น กฎหมายหลักทรัพย์ กฎหมายมหาชน พรบ.ส่งเสริมการลงทุน หรือแม้กระทั่งกฎหมายการให้ต่างชาติเช่าที่ดิน 99 ปี ซึ่งรัฐบาลกำลังพิจารณา ซึ่งหากทำได้ก็จะทำให้ความเชื่อมั่นตลาดทุนเร็วขึ้น และหากทำอย่างจริงจังคาดว่าจะสามารถแก้ไขกฎหมายและเห็นผลสำเร็จได้ภายใน 3-6 เดือน แต่ทว่าก็ไม่ได้นิ่งนอนตลาดทุนก็ยังมีการแก้ไขกฎระเบียบภายในในการทำควบคู่กันไปเพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ตลาดหลักทรัพย์มีการส่งเสริมการลงทุนระยะยาวกับโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทย “TISA” หรือ Thailand Individual Saving Account เป็นโมเดลจาก NISA Nippon Individual Savings Account ซึ่งเป็นโมเดลของประเทศญี่ปุ่นที่ตลาดได้เข้าไปศึกษาดูงานมา โดยการเก็บออมเป็นหุ้น และยกเว้นสิทธิทางภาษี ให้กับนักลงทุนที่ได้เข้ามาซื้อหุ้นตามจำนวน ขณะที่ตลาดกำลังศึกษาแนวทางใกล้จะสำเร็จ โดยใช้หากโครงการดังกล่าวสามารถทำสำเร็จ จะทำให้ประชาชนคนไทยทุกคนสามารถเก็บสะสมหุ้นได้ และเงินลงทุนในโครงการนี้เน้นลงทุนระยะยาวจะได้สิทธิทางภาษี เป็นการสะสมโดยตรงโดยไม่ซื้อผ่านกองทุนรวม และมีความแตกต่างจากกองทุน RMF และ กองทุน LTF และอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดร่วมกับกระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ก.ล.ต. และ CMDF ก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว
"หากโครงการออมเพื่อซื้อหุ้นไทยเราทำสำเร็จก็จะเสนอไปยังกระทรวงการคลัง จะแบ่งเหล่าในการลงทุนตรงนี้ที่ไม่ต้องเสียภาษี กระทรวงการคลังมีความคิดเห็นอย่างไร ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่น่าจะมีปัญหา หากทำได้ในการเสนอกฎหมายน่าจะมีการเสนอไปพร้อม ๆ กัน หรือแยกกันก็ได้"
สำหรับปัญหาหุ้นไทยที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่อง ต้องยอมรับว่าไม่ใช่แค่ประเทศไทยประเทศเดียว แต่เป็นไปทั่วโลก ซึ่งเกิดจากเศรษฐกิจโลก Geopolitics และเศรษฐกิจไทยที่จีดีพีไม่ค่อยได้เติบโต เพราะฉะนั้นหุ้นที่ดีปรับตัวลงมาต่ำกว่าราคาบุ๊คเยอะมาก นักลงทุนต้องใจเย็นในการศึกษา อย่างไปแพนิค และไม่เล่นหุ้นตามข่าวลือ ควรเลือกหุ้นที่มีงบการเงินที่ดีและถูกต้อง