หุ้น KTB-TTB วิ่ง! รับกระแสข่าว ซูเปอร์ดีล 'ควบรวม' สู่ 'Super Bank'

หลังกระแสข่าวเกี่ยวกับ "ซูเปอร์ดีล" การควบรวมกิจการระหว่าง ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น และภาคการเงินไทย  แต่อย่างไรก็ตาม ณ ปัจจุบันยังไม่มีการยืนยันข้อมูลดังกล่าวอย่างเป็นทางการ

แต่อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น ทั้งหุ้น KTB และ TTB  ช่วงเช้าเปิดตลาดวันนี้ (21 ม.ค.68) จนถึง ณ เวลา 11.00 น. ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB อยู่ที่ระดับ 1.98 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 3.13% สูงสุดที่ระดับ 2.02 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.97 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 955.24 ล้านบาท

ทางด้านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB อยู่ที่ระดับ 23.60 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.43% สูงสุดที่ระดับ 23.70 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 606.25 ล้านบาท

นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง มีมุมมองต่อกระแสข่าว "KTB x TTB ซูเปอร์ดีล กลุ่มแบงก์"  หากเกิดจะเป็นเหรียญ 2 ด้าน ทั้งด้านบวก และด้านลบ ดังนี้ 

ด้านบวก: ลดค่าใช้จ่าย fixed cost ที่ซ้ำซ้อน และขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้น มี Economy of scales และ cost of fund เฉลี่ยลดลง

ด้านลบ : ช่วงแรกจะยังต้องจัดการ ค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อนก่อน ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 ปี และแนวโน้ม ROE ของ KTB (หากเป็นผู้ซื้อ TTB) จะลดลงจาก 9.6% มาที่ 9.2% (TTB มี ROE ต่ำกว่า) และต้องรอ Benefits บวกในระยะยาว 

หากไม่เกิด กรณีนี้ น่าจะเป็นเพราะหากคิดแล้ว synergy ไม่มากเท่าเหมือนกรณี TMB รวมกับ TBANK (ลูกค้าคนละกลุ่ม)  เพราะ KTB ปัจจุบัน ก็มีลูกค้ากระจายตัวอยู่แล้ว 

" หากข่าวนี้เป็นจริง เรามองว่าเป็นกลาง ต่อ KTB (synergy ต้องรอระยะกลางถึงยาว) ส่วน TTB จะได้ sentiment บวกในระยะสั้น จากมุมมองตัวเลขการเงินที่จะดีขึ้นชัดกว่าหลังรวม" 

จากข้อมูลที่รวบรวมได้ มุมมองของโบรกเกอร์ต่อข่าวการควบรวมกิจการระหว่าง KTB และ TTB มีทั้ง ศักยภาพในการเป็น "Super Bank" และ การควบรวมกิจการครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างธนาคารที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อรองรับการให้สินเชื่อแก่บริษัทขนาดใหญ่ และดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ

รวมถึงการควบรวมจะส่งผลให้ธนาคารใหม่มีขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้น เพิ่มอำนาจในการแข่งขัน และสร้างโอกาสในการเติบโตในอนาคต

ทางด้านผลกระทบต่อเศรษฐกิจ  โดยการควบรวมกิจการจะส่งผลดีต่อการลงทุนของบริษัทขนาดใหญ่ และรองรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย  อีกทั้งการควบรวมจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว

แต่ในทางกลับกัน ซูเปอร์ดีลนี้ เผชิญความท้าทาย ไม่ว่าจะเป็นการควบรวมกิจการอาจส่งผลกระทบต่อการแข่งขันในตลาดธนาคาร  และผลกระทบจากมาตรการแก้หนี้ของภาครัฐต่อกลุ่มธนาคาร

บรรดาโบรกเกอร์มองว่าการควบรวมกิจการระหว่าง KTB และ TTB จะสร้างธนาคารที่มีความแข็งแกร่ง และมีศักยภาพในการเติบโต แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์