ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 มี.ค.) ลดลง 2.46 จุด กังวลภาษีทรัมป์ 2 เม.ย.

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 มี.ค.) ลดลง 2.46 จุด กังวลภาษีทรัมป์ 2 เม.ย.

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (27 มี.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,187.90 จุด ลดลง 2.46 จุด หรือ -0.21% โบรกฯ ชี้ ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลดลงในช่วงบ่ายเนื่องจากกังวลภาษี Reciprocal Tarrifs ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันที่ 2 เม.ย.

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (27 มี.ค.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,187.90 จุด ลดลง 2.46 จุด หรือ 0.21% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,193.96 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,185.20 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 27,601.04 ล้านบาท

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (27 มี.ค.) ลดลง 2.46 จุด กังวลภาษีทรัมป์ 2 เม.ย. ภาวะหุ้นไทยวันนี้ (27 มี.ค.)

หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. KBANK ราคาปิด 164.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 1.23% มูลค่าซื้อขาย 1,508,810.90 ล้านบาท
  2. KTB ราคาปิด 24.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.41% มูลค่าซื้อขาย 1,214,693.51 ล้านบาท
  3. BBL ราคาปิด 150.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.67% มูลค่าซื้อขาย 1,174,996.55 ล้านบาท
  4. CPALL ราคาปิด 50.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,084,841.58 ล้านบาท
  5. DELTA ราคาปิด 72.25 บาท ลดลง 1.25 บาท หรือ 1.70% มูลค่าซื้อขาย 981,173.40 ล้านบาท

 

 

ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงในช่วงบ่าย

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า "ตลาดหุ้นไทยวันนี้"เปิดในแดนบวกช่วงเช้า แต่ปรับตัวลดลงในช่วงบ่าย โดยมีสาเหตุหลักมาจากความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% ซึ่งสร้างความกังวลต่อการประกาศมาตรการภาษีเพิ่มเติมที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เม.ย. 2568 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่ค่อนข้างต่ำทำให้การเคลื่อนไหวของตลาดยังไม่มีนัยสำคัญชัดเจน ส่วนใหญ่นักลงทุนกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่จะมีการประกาศเร็วๆ นี้

สำหรับแนวโน้มตลาดในวันพรุ่งนี้ (28 มี.ค.) คาดว่าตลาดจะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideways ต่อไป โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,180 จุด และแนวต้านอยู่ที่ 1,200 จุด ถึงแม้ว่าตลาดเริ่มตั้งหลักได้หลังจากปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนหน้า แต่ยังไม่มีปัจจัยบวกชัดเจนที่จะผลักดันตลาดให้ปรับตัวขึ้น จึงคาดว่าตลาดจะยังคงเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ไปจนกว่าจะมีความชัดเจนในประเด็นสำคัญ

ในส่วนของคำแนะนำการลงทุน นายอภิชาติแนะนำให้เน้นหุ้นที่มีปันผลดี โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคาร เช่น KBANK และ TTB กลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP ซึ่งได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวขึ้น รวมถึงกลุ่มโรงไฟฟ้าอย่าง EGCO และ GPSC ที่มีการจ่ายเงินปันผลดี

นอกจากนี้ ยังแนะนำให้พิจารณาหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว เช่น บริษัทที่มีโครงการซื้อหุ้นคืน ทั้งนี้ นักลงทุนควรรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ในวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งอาจไม่รุนแรงเท่าที่ตลาดกังวล และอาจเปิดโอกาสให้มีการเจรจาต่อรองได้

โดยภาพรวม ตลาดยังไม่มีทิศทางชัดเจน แต่ไม่ได้มีแนวโน้มเป็นลบมากนัก นักลงทุนควรติดตามความชัดเจนของมาตรการภาษีจากสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม นายอภิชาติ มองว่า ผลกระทบอาจไม่รุนแรงเท่าที่ตลาดกังวล และเมื่อมีความชัดเจนแล้ว อาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยที่ได้ปรับตัวลงมาค่อนข้างมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา