หุ้นไทยเช้านี้เปิดร่วง 48.44 จุด เทรดวอร์จีน - สหรัฐทวีความรุนแรง โบรกเกอร์ ชี้แนวรับแรก 1,080 จุด 

ความเคลื่อนไหวตลาด "หุ้นไทย" เปิดภาคเช้า ณ วันที่ 8 เม.ย.2568 ตลาดอยู่ที่ 1,077.21 จุด ลบ 48.44 จุด หรือลดลง 4.30% มูลค่าการซื้อขาย 7,313.20 ล้านบาท

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า สงครามการค้ายังคงมีความกังวลอยู่ และมองว่ายังคงทวีความรุนแรงหลังจีนตอบโต้จะขึ้นภาษีอีก 34% ขณะที่ทรัมป์ไม่สนใจปรับเพิ่มขึ้นอีก 50% เพราะฉะนั้นภาพเช่นนี้เป็นลบต่อการลงทุน โดยมองแนวรับแรก 1,080 จุด หากยืนได้ แต่ถ้ายืนไม่ได้ต้องไปรอที่ 1,050 จุด  และก่อนเจอ Circuit Breaker ที่ 1,035 จุด เพราะฉะนั้นกลยุทธ์การลงทุนวันนี้ หากนักลงทุนเข้าซื้อสามารถทำได้ และรีบขายออกในช่วงบ่าย เพราะฉะนั้นตัวที่ลงมาแรงๆ อย่าง GULF หลุด 40 - 39.50 บาท เข้าซื้อ หรือหุ้นแบงก์อย่าง KBANK เข้าซื้อได้ และ BAM ที่ราคา 5.10 บาท ส่วนกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม และส่งออกควรหลีกเลี่ยงก่อน 

"ภาคการค้ายังไม่ค่อยดีสักเท่าไร แม้หากใครเจรจาได้เร็วอาจจะได้ประโยชน์แต่ทว่าก็ยังไม่ได้ผลเท่าที่ควร ยกตัวอย่าง เวียดนามได้เข้าไปเจรจา แต่สหรัฐก็ยังไม่พอใจ หากยกเลิกสินค้าของเวียดนามทั้งหมดเป็น 0% ที่เวียดนามก็ดีแต่ยังไม่เพียงพอ จึงทำให้มีความทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ทำให้หลาย ๆ ประเทศในอาเซียนโดนไปด้วย"

วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ดัชนี Dow Jones ในระยะสั้นปรับตัวลดลงแรง 3 วันติดต่อกัน ตอบรับความกังวลภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่มีความเสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะถดถอยมากยิ่งขึ้น หลังสถานการณ์ประเด็นภาษีนำเข้ายังคงยืดเยื้อ และรุนแรงขึ้น โดยล่าสุดทางกระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศจะเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐ เพิ่มอีก 34% โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เม.ย.68 นี้ ส่วนด้านทรัมป์ ตอบโต้โดยการขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน เพิ่มขึ้นอีก 50% หากจีนไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีสินค้าสหรัฐเพิ่มเติมภายในวันนี้ (8 เม.ย.68) ดังนั้นยังแนะติดตามการตอบโต้ภาษีอย่างใกล้ชิด

ส่วน SET วันนี้คาดแกว่งผันผวน ท่ามกลางความเสี่ยงที่เร่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดีทางด้าน ตลท. มีการออกมาตรการห้าม Short sell ชั่วคราว ในช่วง 8-11 เม.ย.นี้ คาดจะช่วยจำกัด Downside ยิ่งขึ้น ผสานกับวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์มีการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปไทย เดือนมี.ค. ที่ +0.84%y-y ชะลอจาก ก.พ. ที่ +1.08% และต่ำกว่าคาดที่ +1.0% เช่นเดียวกับเงินเฟ้อพื้นฐาน +0.86%y-y ชะลอจาก +0.99% และต่ำกว่าคาดที่ +1.0% เช่นกัน โดยจากตัวเลขเงินเฟ้อไทยที่ต่ำ คาดผสานภาพรวมเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นที่เผชิญกับความเสี่ยงประเด็นภาษีตอบโต้ของทรัมป์ รอการเจรจาก่อนกำหนดเส้นตาย 9 เม.ย.นี้ คาดจะเพิ่มโอกาสที่ กนง. จะตัดสินใจลดดอกเบี้ยไทยอีก 0.25-0.5% ในช่วงที่เหลือของปี คาด SET วันนี้ผันผวนในกรอบ 1,100-1,130 จุด

หุ้นแนะนำวันนี้ BDMS คาดกำไรไตรมาส 1/68 ยังเติบโตได้ทั้ง q-q และ y-y จากการเติบโตของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ และชาวไทย รวมทั้งผลกระทบจากเดือนรอมฎอนที่ไม่มากนัก

ส่วนภาพรวมปีนี้คาดกำไรเติบโตราว +10%y-y ส่วนภาพระยะยาวมีแนวโน้มเชิงบวกจากแผนการเพิ่มจำนวนเตียงที่มากขึ้น ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเทียบเคียงใกล้ระดับ -2.0SD ถือว่าเป็นระดับที่น่าทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 30 บาท 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์