คนไทยเริ่มการ์ดตก พฤติกรรมป้องกันโควิด-19 ลดกว่า 10%
ผลสำรวจล่าสุด คนไทยเริ่มการ์ดตก พฤติกรรมป้องกันตนเองแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง จี้คกก.โรคติดต่อจังหวัดขยับรณรงค์ประชาชนคงมาตรการให้ได้ 90%
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า พฤติกรรมการป้องกันสุขภาพส่วนบุคคลเป็นเรื่องสำคัญมากในการป้องกันโรคโควิด -19 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้ทำการสำรวจพฤติกรรมประชาชนผ่านช่องทางอสม.ออนไลน์ ซึ่งจะบอกได้ว่าเทรนด์ในการป้องกันตนเองของประชาชนเป็นอย่างไร โดยสามารถทำให้รู้ข้อมูลสะท้อนกลับมาได้จากทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด เพื่อให้ทราบว่าพื้นที่ไหนการ์ดตกหรือต้องพัฒนาตรงจุดไหนหรือไม่ ทั้งนี้ ภาพรวมของผลการสำรวจครั้งล่าสุด พบว่า พฤติกรรมป้องกันสุขภาพเริ่มลดลงจาก 90% เหลือ 79% ขอให้ประชาชนการ์ดยังไม่ตก เพราะไม่ว่าโรคจะมาอย่างไร แต่ถ้าประชาชนคงมาตรการป้องกันส่วนบุคคลได้ก็จะช่วยป้องกันตนเองได้
กรณีของสถานที่กักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine) โดยเฉพาะในพื้นที่ 3 โรงแรมที่ทหารสหรัฐอเมริกาเข้าพักนั้น นพ.ธเรศ กล่าวว่า มีการเข้มงวดเป็นพิเศษทั้งระบบของโรงแรม การห้ามออกจากพื้นที่และมีทหารติดตามเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งระบบที่ทำไว้ไม่ให้ผู้ถูกกักกันเพื่อดูอาการออกนอกพื้นที่ เพราะฉะนั้น ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจและผลการตรวจล่าสุดไม่พบเชื้อโรคโควิด-19 ทุกราย อีกทั้ง สถานพยาบาลที่เป็นคู่สัญญากับทั้ง 3 โรงแรมมามาตรกาที่สูงโดยจะทำการตรวจเชื้อ 3 ครั้ง และมีทีมติดตามจากกองทัพเข้าไปเป็นพิเศษ เพื่อให้เกิดความมั่นใจกับประชาชนว่าจะไม่ออกนอกพื้นที่กักกัน
นพ.ภาณุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรมสบส. กล่าวว่า การสำรวจ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” รอบการสำรวรจ 17-31 กรกฎาคม 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีมาตรการผ่อนปรนมากขึ้น การสอบถามจึงเน้นเรื่องของการปรับตัวกับวิถีชีวิตใหม่ โดยอาสามัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) เป็นผู้ชักชวนให้ประชาชนเข้าตอบแบบสอบถามออนไลน์ ทั่วประเทศมีผู้ตอบทั้งสิ้น 63,619 ราย เป็นเพศชาย 24.5% เพศหญิง 75.3% ที่เหลืออื่นๆ อายุเฉลี่ย 50 ปี
ผลการสำรวจพบว่า พฤติกรรมที่ประชาชนปฏิบัติสม่ำเสมอได้ดี เป็นเรื่องการป้องกันตัวในชุมชน ทำได้ 89.7% พฤติกรรมป้องกันตนเองของคนไทย อยู่ที่ 79% ซึ่งลดลงจากการสำรวจก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 80.7% และแนวโน้มลดลงมาเรื่อยๆจากที่สูงสุดอยู่ที่ 87.2% ส่วนการรวมกลุ่มทางสังคม พบอยู่ที่ 43.3% เพิ่มขึ้นจากสำรวจครั้งก่อนที่อยู่ที่ 40.7% และการออกนอกจังหวัด อยู่ที่ 24.8% ลดลงจากครั้งก่อนที่อยู่ที่ 29.6%
ทั้งนี้ ในส่วนของพฤติกรรมป้องกันตนเองนั้น พบว่า ภาพรวมพฤติกรรมป้องกันตนเอง 79% ใส่หน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้าตลอดเวลา 86.6% กินอาหารร้อนและใช้ช้อนกลางของตนเอง 86.5% ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ 84.2% ระวังไม่อยู่ใกล้คนอื่นในระยะน้อยกว่า 2 เมตร 72.1% และไม่จับบริเวณหน้า จมูก ปาก 62.8% นอกจากนี้ การลงทะเบียนไทยชนะ พบว่า เคยไม่ลงทะเบียนไทยชนะ/ลงชื่อในสมุดลงทะเบียน 22.3% โดยสาเหตุ 4 อันดับแรก คือ ลืม ทางร้านไม่มีคิวอาร์โค้ดหรือสมุดลงชื่อไว้ให้ ใช้ไทยชนะไม่เป็น และไม่มีสมาร์ทโฟนหรืออินเทอร์เน็ต
“การสำรวจมีข้อสรุปที่สำคัญ คือ พฤติกรรมป้องกันตนเองมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องทั้งในภาพรวมและรายพฤติกรรมการในช่วงเดือนพ.ค.-ก.ค. 2563 การรวมกลุ่มทางสังคมมีแนวโน้มพิ่มสูงขึ้นตลอดการสำรวจ การเดินทางออกนอกจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนพ.ค.-มิ.ย.และลดลงเล็กน้อยในเดือนก.ค. และมีประชาชนส่วนน้อยราว 22% ที่เคยไม่ลงทะเบียนในไทยชระเพื่อใช้บริการ จึงเสนอให้คณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัด ดำเนินการตั้งเป้าและรณรงค์ประชาชนใส่หน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า บริโภคอาหารร้อนใช้ช้อนส่วนตัว และล้างมืออย่างสม่ำเสมอ ให้ได้อย่างละ 90% รวมถึง ให้ผู้ประกอบการมีแอปพลิเคชั่นหรือเว็บไทยชนะ และประชาชนลงะเทียนใช้งานให้ได้ 90%” นพ.ภาณุวัฒน์กล่าว