ไก่และไข่ดีๆ ต้องดีตั้งแต่เลี้ยง เรื่องดีๆ ที่'แทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์ม'
ทำไมคนทำ "ฟาร์มเลี้ยงไก่" ทางเลือกคนนี้ อยากให้มีฟาร์มแบบนี้เยอะๆ และไม่หวงความรู้ เพราะที่นั่นทำมากกว่าเลี้ยงไก่ให้อารมณ์ดี และคิดทุกอย่างในกระบวนการผลิต ไม่อยากให้มีของเหลือที่ไร้ประโยชน์
สำหรับ อำนาจ เรียนสร้อย ถ้าจะเลือกทำงานบริษัทดีๆ หรือเป็นอาจารย์สอนหนังสือ ก็ย่อมได้ แต่เขาเลือกที่จะเป็นเกษตรกร ทำฟาร์มเลี้ยงไก่ แทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์ม และไม่ได้ทำใหญ่โต
ก่อนหน้านี้ เขาทำงานที่จีนอยู่หลายปี จากนั้นลาออกกลับมาเมืองไทย เพื่อทำนาโดยไม่ใช้สารเคมี และเรียนปริญญาโท ภาควิชาสัตวบาล สาขาวิชาโภชนศาสตร์และเทคโนโลยีอาหารสัตว์ คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกําแพงแสน จังหวัดนครปฐม
เมื่อทำนามา 3-4 ปี เห็นว่าปลายข้าว เปลือกข้าว กองทิ้งไว้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ประกอบกับเรียนมาด้านโภชนศาสตร์สัตว์ เข้าใจเรื่องปศุสัตว์เป็นอย่างดี ก็เลยทำฟาร์มเลี้ยงไก่ และไม่ได้แค่เลี้ยง ยังเป็นวิทยากรเผยแพร่ความรู้ให้เกษตรกรทำอาหารสัตว์ออร์แกนิค เพื่อลดต้นทุน นอกจากนี้สิ่งที่เขาทำทั้งหมด ใครจะก็อปปี้ไปทำ เขาไม่หวง อยากให้มีฟาร์มเลี้ยงไก่ทางเลือกเยอะๆ
ทำไมเลือกทำนาปลูกข้าวก่อนจะมาทำฟาร์มเลี้ยงไก่
ผมเห็นพ่อแม่ทำนาแบบเดิมมานานกว่า 30 ปี และพึ่งพิงตนเองไม่ได้เลย ถูกเอาเปรียบ ถูกยกมาเป็นเหตุผลทางการเมืองทุกยุคทุกสมัย ถูกมองว่า ไม่มีความเข้มแข็ง ทำไมทำนาต้องรอขายข้าวให้โรงสี รอประกันราคา ปลูกข้าวแต่ซื้อข้าวกิน ทำไมไม่ขายข้าวเอง ปลูกข้าวแล้วกินข้าวที่ปลูก ผมเกิดคำถามมากมาย ผมเป็นลูกคนสุดท้าย พี่ชายพี่สาวก็เข้าสู่ระบบลูกจ้าง ผมไม่อยากเป็นอย่างนั้น ผมอยากยกระดับการเป็นชาวนา นั่นคือ จุดเริ่มต้นของการเป็นชาวนาที่ไม่ใช้สารเคมี
แรกๆ ผมก็ไม่ได้คิดเรื่องออร์แกนิค คิดแค่ลดปัจจัยในการผลิต ไม่ใช่ซื้อทุกอย่าง ผมเรียนรู้การทำนาไม่ใช้สารเคมีจากอ.เดชา ศิริภัทร มูลนิธิข้าวขวัญ ผมทำนาเองทุกขั้นตอน เพราะข้าวเป็นพืชที่ปลูกแล้วไม่ต้องใช้เวลาเยอะ ช่วงนั้นผมเรียนปริญญาโทด้วย จึงเป็นชาวนาวันหยุด
เมื่อมองว่าอาชีพเกษตรกรพึ่งพิงตนเองไม่ได้ แล้วทำอย่างไร ?
การทำนาสำหรับผมไม่ได้ทำเป็นธุรกิจ ผมทำเพื่อตอบโจทย์ว่า เป็นชาวนาที่สามารถพึ่งพิงตนเองได้ ต้องหลุดจากวงจรเดิมของชาวนาแบบเดิมๆ ของประเทศนี้ได้ ผมสามารถปลูกและขายข้าวของผมเองหมด มีคนจองข้าวจ่ายเงินล่วงหน้าภายในหนึ่งปี กำหนดราคาเองได้ โดยไม่ต้องรอนโยบายรัฐบาล ผมมองว่า การผลิตอะไรสักอย่าง ถ้าหาคนที่ใช่สำหรับเราไม่เจอ ทำยังไงก็ไม่ได้
เราเป็นลูกหลานเกษตรกร มีหน้าที่ต้องสานต่ออาชีพนี้ให้ดีขึ้นกว่าเดิม ถ้าทำแล้วแย่กว่าเดิม ผมคงไม่ทำ ผมทำนาสิบไร่ที่นครปฐม และทำนากับครอบครัวภรรยาผม จังหวัดกาญจนบุรี 30 ไร่ ตอนนี้ผมฟาร์มเลี้ยงไก่สองแห่ง ที่อ.บางเลน จ.นครปฐม และจ.กาญจนบุรี
อยากให้เล่าถึงจุดเริ่มต้นการทำฟาร์มไก่ออร์แกนิคสักนิด
ช่วงที่ทำนา หลังสีข้าวมีปลายข้าวกองเต็มโรงสีและแกลบไหลลงบ่อน้ำ เกิดปัญหาน้ำเน่าเสีย เราไม่ได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงต้องจัดการอะไรบางอย่าง ไม่อยากให้มีของเหลือของเสียออกจากระบบ เมื่อผมพร้อมแล้ว ผมตัดสินใจทันทีว่าต้องเลี้ยงไก่ ถ้าผมไม่ได้เรียนเกษตร คงมาไม่ถึงจุดนี้ โดยเฉพาะเรื่องปศุสัตว์ ผมตั้งแทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์ม ในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม ผมเริ่มจากเลี้ยงไก่ไข่ 100 ตัว จากนั้นเลี้ยงไก่เนื้อ ผมพยายามจะใช้สิ่งที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด
การทำฟาร์มกับการเกษตรเชื่อมโยงกันอย่างไร
ผมอยากใช้ปศุสัตว์ทางเลือกหรือปศุสัตว์อินทรีย์ในการขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงระบบการเกษตร หรืออาหารที่ยั่งยืนของประเทศไทย คำว่าอาหารยั่งยืนคือ ผลิตจากเกษตรกรรายย่อยได้ด้วย ไม่จำเป็นต้องเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ ถ้ามีการผลิตพืชไร่เกษตรอินทรีย์มากขึ้น และลดการนำเข้าสารเคมี ก็จะทำให้ผู้บริโภคได้ประโยชน์ ซื้อในราคาถูกลง เพราะอุตสาหกรรมปศุสัตว์ใช้ทรัพยากรการเกษตรมากที่สุด มีข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง และข้าว มากกว่าร้อยละ 70
การทำฟาร์มเลี้ยงไก่มีต้นทุนสูง แล้วฟาร์มเล็กๆ ของคุณ จัดการอย่างไร
ตอนนี้ผมไก่ไข่เลี้ยงไว้ห้าร้อยตัว ไก่เนื้อพันตัว มีไข่ไก่ห้าพันฟองต่อสัปดาห์ เนื้อไก่ 300-400 ตัวต่อสัปดาห์ ถ้ามองในภาคอุตสาหกรรม คนจะมองว่า ผมคงอยู่ไม่ได้ เพราะต้นทุนการผลิตสูง แต่ฟาร์มที่ผมทำเป็นแบบออร์แกนิค มีความปลอดภัยสูง รสชาติไก่ดีกว่าระบบอุตสาหกรรม ทั้งๆ ที่ไก่ที่ผมขาย ราคาแพงกว่าสามเท่าตัว แต่คนยอมจ่าย ถ้าผมขายคนทั่วไปก็คงขายไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ผลิตไม่ทัน เพราะผมทำอาหารไก่เอง ผมทำเพื่อขับเคลื่อนเปลี่่ยนแปลงอะไรบางอย่าง
เพราะทุกวันนี้เรากินไก่กินไข่จากผู้ผลิตไม่กี่ราย ทำไมพืชผักผลไม้ข้าวมีหลายแบรนด์ได้ เพราะเราถูกครอบคลุมด้วยเงื่อนไขบางอย่าง ผมอยากขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้ ผมไม่ได้อยากให้แทนคุณ ออร์แกนิคฟาร์มเป็นบริษัทใหญ่โต เราอยากเป็นโมเดลธุรกิจปศุสัตว์ทางเลือกที่เกษตรกรที่ไหนก็ได้ สามารถก็อปปี้สร้างตลาดในพื้นที่ตัวเองได้ เราเชื่อว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้คนเดียว แต่ถ้ามีคนเหมือน
เรา จะสามารถเปลี่ยนได้
องค์ความรู้ที่คุณมีสามารถทำให้คุณรวยได้ แล้วทำไมเลือกแบ่งปันความรู้ให้คนอื่น
สองสามปีที่ผ่านมา ผมเดินทางไปทั่วประเทศ เอาองค์ความรู้ที่ผมมีไปช่วยคน อาทิ ที่อำเภอ ปัว จังหวัดน่าน บางพื้นที่เป็นเขาหัวโล้น พวกเขาปลูกข้าวโพดเก่งมาก แต่เมื่อคิดจะเลี้ยงไก่ ต้องซื้ออาหารไก่จากเรา และราคาแพงกว่าที่เขาปลูกข้าวโพด ผมจึงไปสอนวิธีทำอาหารไก่ เขาลดต้นทุนได้ทันที ทุกวันนี้เขาสามารถผลิตไข่ส่งมาขายกรุงเทพฯ
ถ้าผมไม่เป็นเกษตรกร ผมมีโอกาสอีกมากมาย เคยมีคนเสนอให้ผมไปเรียนต่อปริญญาโทและปริญญาเอกต่างประเทศ ด้านโภชนศาสตร์สัตว์ คนเรียนด้านนี้สามารถออกสูตรอาหารสัตว์ ทำงานบริษัทใหญ่ๆ
ธุรกิจปศุสัตว์กำไรที่ได้มากที่สุดมาจากอาหารสัตว์ ซึ่งเป็นจุดแข็งของฟาร์มผม ในประเทศไทยที่ทำได้ถึงขั้นเรายังไม่มี ผมทำอาหารสัตว์ออร์แกนิกเอง สืบเสาะวัตถุดิบเอง เชื่อมโยงกับเครือข่ายเกษตรกร เพราะวัตถุดิบบางอย่างไม่มีขายในเครือข่ายอุตสาหกรรม
คุณเชื่อมโยงกับเครือข่าย ผลักดันเรืื่องเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างไร
ผมมีโอกาสทำงานเชื่อมโยงกับประมงพื้นบ้าน พวกเขามีเปลือกกุ้ง เปลือกปู เหลือไม่สามารถขายได้ แทนที่จะทิ้ง เอามาขายให้ผมผสมในสูตรอาหารสัตว์ มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น เพราะผมคำนวณคุณค่าทางโภชนาการสัตว์ได้
อย่างผู้ประกอบการอาหาร ร้านโบลาน มีเศษอาหาร พวกเปลือกปู เปลือกหอย เปลือกกุ้ง ก้างปลา อบแห้งตากแห้งส่งมาที่ฟาร์ม เราก็เอามาทำอาหารไก่ เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เล็กๆ ถ้าทุกคนทำเยอะขึ้น มันทำได้จริง
ต้องคิดต่างจากการทำปศุสัตว์แบบเดิม ?
เราไม่ได้เติบโตมาจากคนที่มีเงินเยอะๆ แต่เรารู้ว่า จะทำธุรกิจยังไงให้อยู่ได้ ผมอยากสร้างเครือข่ายเกษตรกรปลูกพืชไร่ เพื่อนำมาทำอาหารสัตว์ เพราะเกษตรกรที่ปลูกแนวออร์แกนิคมีน้อยมาก แต่มีความต้องการอาหารสัตว์แบบนี้เยอะ และเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ตอนผมทำฟาร์ม จะขายไก่ตัวแรก ยากมาก ผ่านไปหนึ่งปี ผมขายได้เป็นเท่าตัว