ดีเดย์ 15 ต.ค.นี้ 'บัตรทองกทม.'รับบริการผ่าน 'เป๋าตังสุขภาพ'
สปสช.-ธ.กรุงไทย นำร่อง กทม. 15 ต.ค.นี้ “เป๋าตังสุขภาพ” จองคิวส่งเสริมสุขภาพ-ยืนยันตัวตน เพิ่มความสะดวกประชาชนเข้ารับบริการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า ในวันที่ 15 ตุลาคม นี้ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ร่วมกับ ธนาคารกรุงไทย เตรียมเปิดตัว “โครงการพัฒนาระบบบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ภายใต้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ด้วยกรุงไทย ดิจิทัล แพลตฟอร์ม (Krungthai Digital Platform)” ผ่าน “กระเป๋าตังสุขภาพ” หรือ “Health Wallet” บน แอปพลิเคชันเป๋าตัง นำร่องในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนทุกสิทธิ ทั้งสิทธิสวัสดิการข้าราชการ สิทธิประกันสังคม และสิทธิบัตรบัตรทอง รวมถึงสิทธิรักษาพยาบาลอื่นๆ ในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ รวมทั้งส่งเสริมการใช้ข้อมูลให้เกิดประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 และ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 กำหนดให้คนไทยทุกคนมีสิทธิเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม ซึ่งปัจจุบันคนไทยทุกคนได้รับสิทธิบัตรทองอย่างครอบคลุมแล้ว แต่การเข้ารับบริการที่หน่วยบริการอาจมีปัญหาหรือข้อติดขัดบางประการได้ ดังนั้นเพื่ออำนวยความสะดวกการเข้ารับบริการให้กับประชาชน
สปสช. จึงได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย พัฒนาระบบ Digital Health Platform ผ่าน “กระเป๋าตัง สุขภาพ” หรือ “Health Wallet” บน แอปพลิเคชันเป๋าตัง เพื่อให้กับประชาชนสิทธิบัตรทองทุกช่วงอายุสามารถเข้าถึงสิทธิบริการด้านสุขภาพของรัฐบาลได้อย่างสะดวกและปลอดภัย เบื้องต้นเป็นการนำร่องในส่วนสิทธิบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคก่อนที่ครอบคลุมดูแลคนไทยทุกคน ทุกสิทธิการรักษาพยาบาล
ด้วยระบบ “กระเป๋าตังสุขภาพ” ประชาชนสามารถรับบริการ อาทิ ตรวจสอบข้อมูลสิทธิและเงื่อนไขการเข้ารับบริการ นัดหมายเพื่อเข้ารับบริการล่วงหน้ากับหน่วยบริการ ค้นหาหน่วยบริการที่อยู่ใกล้ แจ้งเตือนนัดหมายการเข้ารับบริการ และยืนยันตัวตนแทนบัตรประชาชนในการเข้ารับบริการ เป็นต้น ทั้งนี้เป็นบริการเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้สิทธิส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคก่อนรักษา และยังเป็นข้อมูลภาพรวมสุขภาพให้กับหน่วยงาน เพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการระบบสุขภาพได้ นอกจากนี้บริการในระบบนี้ยังช่วยให้หน่วยบริการจัดบริการอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความแออัด สามารถให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการ และความพึงพอใจของประชาชน
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับโครงการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคตามกลุ่มวัยภายใต้สิทธิระบบบัตรทอง 16 บริการ ดังนี้
1. วัคซีน
- วัคซีนป้องกันโรคตามฤดูกาล
- การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคด้วยวัคซีนในเด็กอายุแรกเกิดถึง 14 ปี
- การสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ด้วยวัคซีนในผู้ใหญ่
2. การคัดกรองความเสี่ยงในกลุ่มภาวะโรคเมตาบอลิก
3. การตรวจคัดกรองมะเร็งสตรี
- การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม โดยเจ้าหน้าที่
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกโดยวิธี Pap Smear
- การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี HPV DNA
4. การให้สุขศึกษา ความรู้ และคำแนะนำด้านสุขภาพ
5. การดูแลเฝ้าระวังโรคซึมเศร้าในผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ผู้สูงอายุ และผู้พิการ
6. วางแผนครอบครัว คุมกำเนิด
7. การตรวจคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้น)
8. ตรวจคัดกรอง ประเมินพัฒนาการ และการกระตุ้นพัฒนาการเด็ก
9. การฝากครรภ์
10. การตรวจสุขภาพหญิงหลังคลอด
11. การตรวจคัดกรองภาวะพร่องไทรอยด์ฮอร์โมนในทารกแรกเกิด
12. คลินิกผู้สูงอายุครบวงจร
13. คัดกรองสุขภาพในกลุ่มแรงงานนอกระบบ ในกลุ่มผู้ขับขี่รถ
14. การคัดกรองภาวะซีด
15. คัดกรองความสามารถในการประกอบกิจวัตรในผู้สูงอายุ ตาม ADL
16. บริการคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
ซึ่งเป็นบริการสุขภาพที่ประชาชนสิทธิบัตรทองสามารถเข้ารับบริการโดยนัดหมายเพื่อจองคิวรับบริการพร้อมเลือกหน่วยบริการล่วงหน้าผ่าน “เป๋าตังสุขภาพ” ได้ และก่อนหน้านี้ได้มีการนำร่องบริการจองฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล สำหรับผู้ที่อายุ 65 ปีแล้ว โดยร่วมกับโรงพยาบาลศิริราช
“สปสช. ได้พัฒนาระบบบัตรทอง โดยได้ร่วมมือกับองค์กรต่างๆ ที่เป็นมืออาชีพมาร่วมให้บริการกับประชาชนภายใต้สิทธิบัตรทอง ในครั้งนี้เป็นความร่วมมือ สปสช. กับธนาคารกรุงไทย ที่เล็งเห็นความสำคัญของสุขภาพประชาชนร่วมกัน โดยนำเทคโนโลยีมาร่วมดูแล เบื้องต้นนำร่องในพื้นที่ กทม. ก่อนที่จะขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ต่อไป” รองเลขาธิการ สปสช. กล่าว