เยียวยาด้วย'ธรรมชาติบำบัด' ช่วง Work from Home

เยียวยาด้วย'ธรรมชาติบำบัด' ช่วง Work from Home

"ธรรมชาติบำบัด" ไม่ได้เน้นเรื่องการกินผักผลไม้อย่างเดียว ยังรวมถึงความเข้าใจเรื่องสมดุลของร่างกาย และตัองรู้ว่า กินอาหารแบบไหนเป็นพิษต่อร่างกาย

เมื่อพูดถึงธรรมชาติบำบัด หลายคนก็เข้าใจดีว่า ต้องกินอาหารที่ปรุงแต่งน้อยที่สุด หรือแทบจะไม่ปรุงแต่งเลย เป็นอาหารธรรมชาติ ไม่มีสารพิษ และใช้สิ่งที่มีอยู่ในธรรมชาติเยียวยาร่างกาย

จำได้ว่า เมื่อมีโอกาสเข้าคอร์สธรรมชาติบำบัดหลายสำนัก ได้คุยกับผู้รู้ด้านนี้หลายคน แม้กระบวนการบางอย่างจะไม่เหมือนกัน แต่หลักๆ คือ ใช้ธรรมชาติเยียวยาร่างกาย

  • สมดุลร่างกายแบบธรรมชาติบำบัด

ต้องตระหนักรู้ว่า สภาพร่างกายและอาการของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงไม่ควรฟันธงว่า เมื่อหันมาดูแลร่างกายตามแนวทางนี้จะหายป่วย แต่ที่เห็น ก็คือ ช่วยรักษาสมดุลให้ร่างกายได้

เจค็อบ วาทักกันเชรี นักธรรมชาติบำบัดจากอินเดีย เคยเล่าให้ฟังว่า ร่างกายของเรารู้จักสร้างสัญญาณเพื่อบ่งบอกเรา เมื่อเรากำลังจะป่วย แต่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจสัญญาณจากร่างกายตนเอง

 สิ่งสำคัญที่มีโอกาสได้เรียนรู้จากเจค็อบ คือ ความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายกับจิตใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มีความเชื่อมโยงกัน แล้วทำไมเราไม่สนใจ

"การที่เราไอ จาม มีน้ำมูก แปลว่าร่างกายพยายามขับสารพิษ ของเสียออกมา การจาม คือการปล่อยสิ่งสกปรกออกมา แต่คนทั่วไปกลับคิดว่า เป็นโรคอย่างหนึ่ง

ถ้าไม่มีการขับสารพิษออกไปก็จะมีปัญหา เพราะร่างกายของเรา มีวิธีการขับสารพิษ ทั้งการหายใจออก ทางเหงื่อ ปัสสาวะ และอุจจาระ และการหายใจที่ถูกต้อง ต้องหายใจเข้าให้เต็มปอด และหายใจออกให้ยาวเพื่อขับพิษ แม้กระทั่งการอาบน้ำ แล้วใช้แป้งทาก็จะไปอุดตันตามรูขุมขน ทำให้ร่างกายไม่สามารถขับพิษออกมาทางต่อมเหงื่อ "

                   

ในส่วนของอาหารแนวธรรมชาติบำบัด เน้นอาหารที่เรียบง่าย สดใหม่ ไม่ผ่านการปรุงแต่งหรือกระบวนการใดๆ หรือผ่านการปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เน้นอาหารผักและผลไม้สด ตามฤดูกาล ปลอดสารพิษ

162184487191

บางคอร์สให้ดื่มน้ำหยวกกล้วย น้ำฟักเขียว น้ำยอดข้าวสาลีปั่น น้ำมะพร้าว ส่วนใหญ่จะให้งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด เพราะแนวธรรมชาติบำบัดมีมุมมองว่า เป็นพิษต่างร่างกาย เนื่องจากร่างกายมนุษย์ถูกสร้างมาให้เหมาะกับการกินผักผลไม้มากกว่าเนื้อสัตว์

เนื่องจากสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า โดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ เมื่อเกิดความกลัวจะดิ้นรนเพื่อปกป้องชีวิต จากนั้นจะขับฮอร์โมนที่เป็นพิษออกมา

นอกจากนี้แนวทางธรรมชาติบำบัดยังให้งดอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป พวกบะหมี่สำเร็จรูป อาหารแช่แข็ง อาหารจานด่วน และงดเว้นอาหารที่ทำจากน้ำตาลขาว และแป้งขัดขาว พวกคุกกี้ เค้ก ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ฯลฯ ซึ่งมีแคลอรีเกินกว่าความต้องการของร่างกาย

ยิ่งกินมาก ร่างกายยิ่งต้องเร่งกระบวนการเผาผลาญมากขึ้น เกิดอนุมูลอิสระมากยิ่งขึ้น และอาหารเหล่านี้ไม่มีวิตามินและเกลือแร่ รวมถึงสารต้านอนุมูลอิสระ

ส่วนอาหารเย็นจัด จำพวกไอศครีม โยเกิร์ต เครื่องดื่มเย็นจัด ทำให้เพดานในปากช็อค ส่วนอาหารร้อนจัด ก็ไม่ควรบริโภคเยอะ นอกจากนี้พวกชา กาแฟ และสารกระตุ้นทุกชนิด ก็เป็นของต้องห้ามสำหรับแนวทางนี้ เนื่องจากจะทำให้กระดูกเปราะได้เร็วขึ้น

 

  • กินผลไม้แนวทาง"ธรรมชาติบำบัด" 

ไม่ว่ามื้อเช้าหรือเย็น จะให้เลือกกินได้มากกว่าหนึ่งชนิด แต่ไม่เกิดสามชนิด โดยมีหลักเกณฑ์ว่าให้เลือกผลไม้รสชาติเดียวกัน ถ้าจะรับประทานรสหวาน อาทิ กล้าวน้ำว้า มะละกอ หรือ รสเปรี้ยว จำพวก มะม่วงสุก แก้วมังกร ก็ให้เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง

นั่นก็คือ ถ้าจะกินผลไม้รสหวาน ก็หวานทั้งหมด เปรี้ยว ก็เปรี้ยวทั้งหมด แต่สามารถนำผลไม้รสกลาง พวก ฝรั่ง ชมพู มารับประทานร่วมกับรสหวานและเปรี้ยวได้

แต่อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงฤทธิ์ร้อนหรือฤทธิ์เย็นด้วย ไม่ควรรับประทานผลไม้สุกเกินไป เพราะมีฤทธิ์ร้อนเกินไป เนื่องจากให้พลังน้อย แก๊สมาก มีผลทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ควรเน้นผลไม้ห่ามๆ อาทิ กล้วยห่ามๆ มะละกอห่ามๆ

นอกจากกินอาหารธรรมชาติแล้ว เพื่อเพิ่มพลังชีวิตที่สดใหม่ให้กับร่างกาย การล้างพิษก็สำคัญ ในกลุ่มธรรมชาติบำบัด จะมีกระบวนการอดอาหาร แล้วแต่หลักสูตรจะให้อดกี่วัน

  • อดอาหารขับพิษ

ช่วงที่อดอาหารให้ดื่มน้ำเปล่า หรืออาจดื่มน้ำผลไม้ แต่ต้องไม่เกินวันละสี่แก้วต่อวัน และควรอดให้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง เนื่่องจากเป็นช่วงที่ร่างกายขับพิษ อาจมีอาการปวดหัว แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงผ่อนคลายแล้ว ร่างกายจะมีพลังมากขึ้น

                   

ว่ากันว่า การอดอาหาร เป็นกระบวนการล้างพิษที่สะสมในร่างกาย เนื่องจากความไม่สมดุลของธาตุในร่างกาย อันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมเป็นพิษและการบริโภคอาหารปนเปื้อนสารพิษที่ก่อให้เกิดสารอนุมูลอิสระที่มีผลต่อระบบอวัยวะภายใน

 การอดอาหาร ก็เพื่อให้ตับได้พักจากการทำงานหนัก และทุกชาติทุกศาสนา ก็มีเรื่องการอดอาหาร อาทิ อิสลามให้มีช่วงถือศีลอด ซึ่งการอดอาหารเป็นการทำตามสัญชาติญาณ เพราะเวลาเราป่วย เราจะเบื่ออาหาร


ตามหลักวิทยาศาสตร์ เมื่อเรากินอาหาร เราต้องใช้พลังงานในการย่อยอาหาร แต่เมื่อเราอดอาหาร ร่างกายก็ใช้พลังงานในการขับสารพิษ

เนื่องจากตอนที่เรารับประทานอาหารเข้าไป เส้นทางการย่อยอาหารจากปากจนถึงทวารหนักใช้เวลา 24-48 ชั่วโมง จากนั้นสารพิษจะถูกดูดซับโดยตับ แล้วขับออกมากับน้ำดี น้ำดีเข้ามาผสมกับกากอาหารที่เหลือจากการย่อย

หากร่างกายมีสารพิษเยอะ ก็จะทำให้เราป่วย เป็นโรคต่างๆ ดังนั้นจึงต้องมีการเยียวยาด้วยการอดอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติบำบัด

เนื่องจากกระบวนการธรรมชาติบำบัดมีหลายขั้นตอน นอกจากอดอาหาร กินผลไม้และผักปลอดสารพิษแล้ว ยังมีการอาบแดด แช่สะโพก แช่หลัง พอกโคลน ฯลฯ

และไม่ใช่แค่บำบัดร่างกาย ยังรวมถึงการปรับสภาวะจิตใจ ต้องทำให้โปร่ง โล่ง สบาย ไม่สะสมความกังวล ความเครียด ความทุกข์ นั่นก็คือการเข้าสู่โหมดความสงบตามแนวทางพุทธ

.....................

 หมายเหตุ : เรียบเรียงจากประสบการณ์การเข้าคอร์สธรรมชาติบำบัด และข้อมูลส่วนหนึ่งจากแนวการประยุกต์หลักพุทธธรรมเพื่อการดูแลรักษาสุขภาพ ในโครงการธรรมชาติบำบัดเพื่อชีวิตเป็นสุขของเสถียรธรรมสถาน โดย แม่ชีกาญจนา เตรียมธนาโชค