มองการฟ้องศาลของเขตการศึกษาในสหรัฐอเมริกา

มองการฟ้องศาลของเขตการศึกษาในสหรัฐอเมริกา

ตลอดเดือนนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ในด้านการเมืองอย่างต่อเนื่องจนสื่อใหญ่ในกรุงวอชิงตันรายงานหลายเรื่องเพียงแบบผ่าน ๆ แม้สาระน่าจะเป็นประเด็นสำคัญมากก็ตาม

หนึ่งในประเด็นสำคัญได้แก่ เขตการศึกษาหลายแห่งในมลรัฐแมริแลนด์ซึ่งอยู่ติดกับกรุงวอชิงตันได้เข้าร่วมกับเขตการศึกษาราว 500 แห่งทั่วสหรัฐยื่นฟ้องบริษัทให้บริการสื่อสังคมต่อศาลของรัฐบาลกลางโดยกล่าวหาว่า สื่อสังคมได้ก่อให้เกิดวิกฤติสุขภาพจิตขึ้นในหมู่เยาวชน  

ในสหรัฐ การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานจากชั้นอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาเป็นหน้าที่ของรัฐบาลท้องถิ่น  ในปัจจุบัน การบริหารจัดการเพื่อให้บริการแก่เยาวชนกว่า 55 ล้านคนแบ่งเป็นเขตการศึกษาเกือบ 14,000 แห่ง 

เขตการศึกษาเหล่านี้มีอิสระและส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นสูงมาก  ส่วนรัฐบาลกลางมีหน้าที่วางกรอบพื้นฐาน และติดตามสังเกตการณ์เกี่ยวกับมาตรฐานของการศึกษาที่เยาวชนได้รับพร้อมกับให้การสนับสนุน

ในช่วงนี้ วิวัฒนาการด้านเทคโนโลยีเกิดขึ้นแบบก้าวกระโดดถี่มากจนรัฐบาลกลางเองดูจะตามไม่ทัน หากมองจากการติดตามเรื่องข้อดีและปัญหาของปัญญาประดิษฐ์ 

เขตการศึกษาและประชาชนในท้องถิ่นจึงจำเป็นต้องตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองว่า จะทำอย่างไรให้เยาวชนได้ประโยชน์มากที่สุดจากเทคโนโลยีใหม่ แต่ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด 

ส่วนหนึ่งของเขตการศึกษาให้เด็กในโรงเรียนเข้าถึงบริการบนฐานของปัญญาประดิษฐ์ล่าสุดได้  แต่ส่วนใหญ่ดูจะยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของการพิจารณาว่าจะทำอย่างไร

ในคำฟ้อง เขตการศึกษากล่าวหาสื่อสังคมจำพวกเฟซบุ๊ค อินสตาแกรมและติ๊กต๊อกว่าเป็นต้นเหตุของวิกฤติทางจิตของเยาวชนซึ่งเข้าถึงสื่อเหล่านี้ได้อย่างกว้างขวาง

เยาวชนได้เห็นตัวอย่างที่ไร้ประโยชน์จนถึงขั้นเป็นโทษร้ายแรง เช่น การท้าทายให้พวกเขาทำความเสียหายให้แก่โรงเรียนและการขโมยรถยนต์

  เด็กถูกมอมเมาจนป่วยทางจิตซึ่งแสดงอาการต่าง ๆ ออกมาให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ รวมทั้งความกระสับกระส่าย ความซึมเศร้า การกินไม่เป็นปกติ ความไม่พอใจในรูปร่างของตัวเอง การมองค่าของตัวต่ำตลอดไปจนถึงการคิดทำร้ายตัวเอง 

อาการป่วยเหล่านี้ได้รับการยืนยันว่ามีเกิดขึ้นจริง โดยสำนักงานควบคุมและป้องกันโรคของรัฐบาลกลาง และหัวหน้าคณะที่ปรึกษาด้านสุขภาพของประธานาธิบดี 

เขตการศึกษาต้องใช้งบประมาณและแรงงานเพื่อแก้วิกฤติ จึงประสงค์จะให้บริษัทที่ให้บริการสื่อสังคมทั้งหลายทดแทนส่วนหนึ่งของค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่เกิดขึ้น

คดีนี้เพิ่งเริ่มต้น  คาดกันว่าอีกไม่นานจะมีเขตการศึกษาอีกกว่า 900 แห่งเข้าร่วมฟ้องด้วย  ส่วนบริษัทต่าง ๆ ก็รีบออกมาให้ข้อมูลแก่สังคมว่าตนพยายามทำทุกอย่างเพื่อป้องกันมิให้เยาวชนต้องได้รับผลกระทบจากเทคโนโลยีดังที่ถูกกล่าวหา 

คดีจะดำเนินไปนานเท่าไรและจะจบอย่างไรยังไม่มีใครฟันธง  ไม่ว่าจะใช้เวลาเท่าไรและจบอย่างไร กระบวนการในศาลจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแน่นอน

กล่าวคือ ข้อมูลด้านการป่วยของเยาวชนจะกระจายอออกไปอย่างกว้างขวาง ซึ่งน่าจะสร้างความตระหนักเพิ่มขึ้นในด้านการเฝ้าระวัง และด้านที่เทคโนโลยีมักมีคำสาปร้ายแรงแฝงมาด้วย 

อย่างไรก็ดี ในปัจจุบันนี้มีชาวอเมริกันจำนวนมากขาดศรัทธาในการทำงานของรัฐบาลกลาง ซ้ำร้ายยังมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสมคบคิดที่ไม่ประสงค์ดีต่อพวกตนอีกด้วย  สำหรับกลุ่มนี้ ประโยชน์คงมีน้อย

คดีน่าจะมีประโยชน์สำหรับชาวโลกโดยทั่วไปในด้านการมีข้อมูลแสดงให้เห็นผลกระทบของสื่อสังคมต่อเยาวชนแบบเป็นรูปธรรม  ส่วนสังคมใดจะนำไปใช้อย่างไรขึ้นอยู่กับสภาวะภายในของตน 

สำหรับสังคมที่ต่อต้านวิถีอเมริกันเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ข้อมูลอาจมีประโยชน์ในแง่ที่ชี้ให้เห็นถึงปัญหาของสังคมอเมริกันทั้งในด้านการมีอิสระสูงของเยาวชนและด้านการศึกษาพื้นฐานโดยการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่นตามหลักประชาธิปไตยอันมีการกระจายอำนาจไปสู่ท้องถิ่นสูง 

ข้อมูลจึงอาจถูกใช้เป็นข้ออ้างในการจำกัดอิสรภาพและการกระจายอำนาจเพิ่มขึ้น 

ส่วนในสังคมที่ไม่มีการต่อต้านวิธีอเมริกันเป็นพื้นฐานอยู่ก่อนและมีชนชั้นผู้นำที่มีทั้งปัญญาและเจตนาดี ข้อมูลน่าจะมีประโยชน์ในด้านใช้เป็นฐานสำหรับการวิเคราะห์ภาวะในสังคมของตน 

ผลออกมาอย่างไรจึงใช้เป็นฐานสำหรับการป้องกันและแก้ไขให้เหมาะสม  ในสังคมที่มีฐานด้านครอบครัวเป็นปึกแผ่นแน่นหนา ปัญหาไม่น่าจะหนักนัก