ไทยพบ "ปลาพญานาค" ตัวที่ 2 ที่ทะเลภูเก็ต "ศุภมาส" สั่งศึกษาทางวิชาการ
"ศุภมาส" สั่งการ อพวช.ศึกษาวิจัย "ปลาออร์ฟิช (Oarfish)" หรือ "ปลาพญานาค" ตัวที่ 2 ของไทย หลังพบที่ทะเลภูเก็ต ทั้งด้านอนุกรมวิธานและพันธุกรรมเพื่อประโยชน์ทางวิชาการ ก่อนนำไปจัดแสดงให้ประชาชนได้ชมเพราะเป็นสัตว์ทะเลหายาก
KEY
POINTS
- NSM ได้รับซาก "ปลาออร์" (Oarfish) หรือ "ปลาพญานาค" ตัวที่ 2 หลังจากพบซากติดอวนเรือประมง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา
- รมว.อว.สั่งการ NSM ศึกษาวิจัยทั้งด้านอนุกรมวิธานและพันธุกรรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญทางวิชาการอย่างยิ่ง
- NSM จะเก็บรักษาซากปลาพญานาคทั้ง 2 ตัวด้วยวิธีการที่เหมาะสมที่สุด เพราะถือเป็นสมบัติของชาติ
น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้รับรายงานจาก ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM ว่า NSM ได้รับซาก "ปลาออร์" (Oarfish) หรือ "ปลาพญานาค" ตัวที่ 2 หลังจากพบซากติดอวนเรือประมง จ.ภูเก็ต เมื่อช่วงวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา
NSM ได้เดินทางไปรับซากปลาพญานาคเมื่อวันที่ 18 ก.พ. จึงได้กำชับให้ ผศ.รวิน ศึกษาวิจัยทั้งด้านอนุกรมวิธานและพันธุกรรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญทางวิชาการอย่างยิ่ง เพราะปลาพญานาค ถือเป็นตัวอย่างสัตว์ทะเลหายาก ดังนั้น เป็นโอกาสที่ดีที่นักวิชาการด้านธรรมชาติวิทยา ที่มีความเชี่ยวชาญของ NSM จะได้ทำการศึกษาปลาชนิดนี้
เนื่องจากในประเทศไทยยังไม่มีข้อมูล จะได้เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่เราจะสามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดและใช้ประโยชน์ได้ในอนาคต และที่สำคัญจะได้มีโอกาสนำไปจัดแสดงให้กับประชาชนและเยาวชนได้ดูสัตว์ทะเลหายากที่พบในทะเลไทยด้วย
ขณะที่ ดร.วีระ วิลาศรี ผู้อำนวยการกองวิชาการสัตววิทยา สำนักวิชาการพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา NSM กล่าวว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในการพบ "ปลาออร์" (Oarfish) ในประเทศไทย จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า ซากปลาดังกล่าวเนื้อหนังอยู่ในสภาพดี แต่ส่วนหัวมีความเสียหายเล็กน้อยอาจจะเกิดจากตอนเก็บซากขึ้นมา แต่โดยรวมซากมีความสมบูรณ์ประมาณ 70 %
ซากปลาดังกล่าว วัดขนาดความยาวได้ 2.85 เมตร น้ำหนัก 8.6 กิโลกรัม นับว่าเป็นการพบปลาชนิดนี้ตัวแรกที่ จ.ภูเก็ต โดยไต๋เล็ก เรือ ป.มัสยานำโชค 4 หน่วยงานประมงจังหวัดภูเก็ต ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยเเละพัฒนาประมงทะเลจังหวัดภูเก็ต และศูนย์ PIPO ได้ทำการตรวจสอบและนำมาส่งมอบให้กับ NSM เพื่อให้ทำการศึกษา
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา NSM ก็เพิ่งได้รับซากตัวแรกมาจาก จ.สตูล แต่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์มากนักและถูกนำมาเก็บรักษาด้วยเทคนิคการดองเพื่อการศึกษาด้านอนุกรมวิธาน
ครั้งนี้เราได้รับมาอีก 1 ตัว ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักวิชาการด้านธรรมชาติวิทยาจะได้ทำการศึกษาปลาชนิดนี้ โดยเราจะศึกษาในแง่ลักษณะกายภาพของปลา สัญฐานวิทยา ลักษณะการกินอาหารของปลาชนิดนี้
ด้าน ผศ.ดร.รวิน ระวิวงศ์ ผู้อำนวยการ NSM กล่าวว่า หลังจากทำการศึกษาซาก "ปลาออร์" เสร็จ ทั้ง 2 ตัว NSM จะนำไปเก็บรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสมที่สุด เพราะถือเป็นสมบัติของชาติ และเตรียมนำไปจัดแสดงผ่านนิทรรศการเพื่อให้คนไทยได้เห็นตัวจริงกันต่อไป