LSP โรงเรียนต้นแบบ “Personalised Learning” แผนการเรียนกำหนดได้! ด้วยตัวเอง
ในยุคที่เทรนด์ทางการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความต้องการของผู้สอนในการเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาทางวิชาชีพที่มากขึ้นแสดงให้เห็นว่าสถาบันการศึกษามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
KEY
POINTS
- ปัจจุบันมีเทรนด์การศึกษาหลายรูปแบบที่กำลังน่าจับตามอง อาทิ การเรียนรู้แบบ Blended learning เรียนออนไลน์ผสมผสานกับการในห้องเรียน การเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong learning และอีกเทรนด์ที่น่าสนใจคือ การเรียนรู้แบบ Personalised Learning
- Personalised Learning หรือ การเรียนรู้เฉพาะบุคคล คือ การให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการเรียนการสอน ตามความถนัดหรือเป้าหมายของตนเอง เพราะนักเรียนต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกันไป
- LSP School ต้นแบบด้าน Personalised Learning สร้างนักเรียนที่ประสบความสำเร็จและความสุขตามแนวคิด “Be the best in your way” ผ่าน 4 Success Steps เป็นหลักสูตรเอกสิทธิ์ของโรงเรียน
ในยุคที่เทรนด์ทางการศึกษามีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความต้องการของผู้สอนในการเรียนรู้และเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาทางวิชาชีพที่มากขึ้นแสดงให้เห็นว่าสถาบันการศึกษามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น โรงเรียนในประเทศไทยที่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากวิกฤตการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เคยถูกมองว่าเป็นไปไม่ได้ กลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน เช่น การศึกษาทางไกลสำหรับนักเรียน ทำให้ในปัจจุบันมีเทรนด์การศึกษาหลายรูปแบบที่กำลังน่าจับตามองไม่ว่าจะเป็น การเรียนรู้แบบ Blended learning การเรียนออนไลน์ผสมผสานกับการในห้องเรียน การเรียนรู้ตลอดชีวิต Lifelong learning และอีกเทรนด์ที่น่าสนใจในปัจจุบัน คือ การเรียนรู้แบบ Personalised Learning
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ถอดแนวคิด LSP School ชู Personalised Learning หนุนการเรียนอย่างมีสุขและสำเร็จ
เปิดเทรนด์ 'EdTech'2024 LEARN ชู 3 กลุ่มธุรกิจ ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต
Personalised Learning คืออะไร?
Personalised Learning หรือ การเรียนรู้เฉพาะบุคคล เป็นอีกหนึ่งเทรนด์การศึกษาที่มาแรงในยุคหลังๆ มานี้ โดยรูปแบบการเรียนคือ การให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดแนวทางการเรียนการสอน ตามความถนัดหรือเป้าหมายของตนเอง
ที่ผ่านมานักเรียนจะคุ้นเคยกับการเรียนแบบ Classroom เป็นการเรียนกับนักเรียนกลุ่มใหญ่โดยใช้หลักสูตรเดียวกัน แต่การเรียนแบบ Personalised Learning คือการเข้าใจได้ว่า ไม่มีหลักสูตรใดที่สมบูรณ์แบบ และเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างหลักสูตรเพื่อตอบสนองนักเรียนทุกคน เพราะนักเรียนต่างมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่ต่างกันไป
หากการศึกษาในรูปแบบห้องเรียนตามหลักสูตรปกติ ไม่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายและแนวทางการเรียนของเด็กได้ทุกคน ด้วยปัจจัยมากมายที่อาจกลายเป็นอุปสรรคระหว่างเส้นทางการการศึกษาของเด็กไทย จนส่งผลให้เขาเหล่านั้นต้องพ่ายแพ้ต่อระบบการศึกษาที่ถูกตั้งไว้เป็นหลักมาตรฐานแบบดิ้นไม่ใด้ ทั้งในเชิงทักษะการเรียนที่ไม่ใด้รับการพัฒนาอย่างเหมาะสม และสภาวะอารมณ์ที่ต่อต้านการเรียนรู้ที่ไม่ตรงกับความต้องการ อาจกลายเป็นหนึ่งต้นตอของความไม่ประสบผลสำเร็จการศึกษาของเด็กไทย
LSP School ต้นแบบด้าน Personalised Learning
จากปัญหาดังกล่าว โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา หรือ LSP School โรงเรียนเอกชนที่จัดการศึกษาตามหลักสูตรของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ภายใต้การบริหารงานของ LEARN Corporation ผู้นำด้านเทคโนโลยีการศึกษา ผู้ก่อตั้ง LEARN Education, สถาบันกวดวิชา OnDemand, สถาบันกวดวิซา Ignite, และสถาบันแนะแนว TCASter เล็งเห็นปัญหาในระบบการศึกษาไทย จึงมีเป้าหมายยกระดับการศึกษาเพื่อสร้างเด็กไทยให้ประสบความสำเร็จอย่างมีความสุข
ด้วยการเรียนแบบ “Personalised Learning” ที่จะเป็นคำตอบของแนวทางการศึกษาสำหรับเด็กทุกคน ได้เลือกเรียนตามความชอบและความถนัดของตัวเอง พร้อมต่อยอดพัฒนาศักยภาพของเด็กให้เติบโตสูงสุดภายใต้แนวคิด “Be the best in your way” ผ่านแนวทางการศึกษาที่ตอบโจทย์ทั้งด้านการค้นหาตัวเอง ภาษา ผสานจุดแข็งด้านความเข้มข้นทางวิชาการ มุ่งสู่การเป็นต้นแบบอนาคตของการศึกษาไทย
นายเศรษฐพล ไกรคุณาศัย ผู้อำนวยการโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา กล่าวว่า ปัจจุบันเด็กไทยจำนวนมากต้องเผชิญกับแรงกดดันทางการศึกษา เนื่องจากรูปแบบการเรียนการสอนไม่เปิดโอกาสให้เด็กได้คันหาตัวเองอย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กไม่มีเป้าหมายในการเรียนที่ชัดเจน ทำให้ต้องแบกรับภาระการเรียนมากเกินความจำเป็น จนอาจมีความเครียดเพิ่มขึ้น จึงเป็นที่มาให้โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา นำแนวคิดการเรียนแบบ Personalised Leaming ตามมาตฐานโรงเรียนสากสมาใช้ เพื่อปลดล็อกศักยภาพสูงสุดของนักเรียน และช่วยให้บรรลุเป้าหมายความสำเร็จตามที่ตั้งใจได้อย่างมีความสุข
หลักสูตรความสำเร็จสร้างได้ด้วยตัวเอง
โรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา มุ่งสร้างนักเรียนที่ประสบความสำเร็จและความสุขตามแนวคิด “Be the best in your way” ผ่าน 4 Success Steps ที่เป็นหลักสูตรเอกสิทธิ์ของโรงเรียน ได้แก่
- รู้จักอาชีพ นักเรียนทุกคนจะได้ค้นหาตัวตนในแง่มุมต่าง ๆ เช่น ความสนใจ ความชอบ และความถนัดผ่านกิจกรรมที่หลากหลายภายในโรงเรียน เพราะการค้นหาตัวตนที่ดีต้องผ่านการลงมือทำจริงเท่านั้น
- รู้คณะ รู้มหาวิทยาลัย หลังจากผ่านกิจกรรมค้นหาตัวตนในช่วง ม.ต้น แล้ว นักเรียนจะได้เข้าร่วมกิจกรรมแนะแนวเส้นทางการศึกษามากมายจากสถาบันพันธมิตรเพื่อให้นักเรียนได้รู้จักคณะและมหาวิทยาลัยทั้งในไทยและต่างประเทศ ก่อนตัดสินใจเลือกเป้าหมายและได้รับแผนการเรียนรายบุคคลซึ่งจะมีครูที่ปรึกษาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ
- รู้แผนการเรียนรายบุคคล ครูที่ปรึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง พูดคุยเพื่อเข้าใจความต้องการของนักเรียนและนำเสนอแผนการเรียนรายบุคคลที่เหมาะสมสำหรับนักเรียนในแต่ละคน i-Plan Team จัดทำแผนการเรียน ตาม Career Track จัด Workshop เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนสามารถเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย
- รู้ความพร้อม นักเรียนเตรียมความพร้อมเข้าสู่กระบวนการสอบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยโดยนักเรียนจะได้ทดลองการสอบเตรียมเข้าระดับมหาวิทยาลัย จำลองการสัมภาษณ์จริง เก็บคะแนน เตรียมพอร์ตฟอลิโอ ตามคณะ สาขา และมหาวิทยาลัยที่นักเรียนวางแผนจะเข้าเรียน ทั้งในระบบประเทศและต่างประเทศ
นอกจากนี้การเรียนการสอนยังเปิดให้เรียน 3 รูปแบบ ได้แก่ ห้องเรียน Signature Program ห้องเรียนภาษาไทย International Signature Program ห้องเรียนภาษาอังกฤษ และหลักสูตรใหม่ล่าสุด International Program (US Dual Diploma) หลักสูตรควบ 2 วุฒิการศึกษา ที่เกิดจากการลงนามความร่วมมือกับโรงเรียน Washington Academy ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยผู้เรียนจะได้รับวุฒิ High School Diploma ควบคู่กับวุฒิการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งทั้ง 3 หลักสูตรนี้ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้เรียนยุคใหม่ได้
4 Career Track แผนการเรียนตามความฝัน
ทางโรงเรียนยังให้ความเข้มข้นทางด้านวิชาการควบคู่กับการลงมือปฏิบัติผลักดันให้นักเรียนทุกคนได้เรียนตามความถนัดและความสนใจ โดยมี 4 Career Track หรือแผนการเรียนให้เลือกเรียนในระดับชั้นม.ปลาย 4 แผน ได้แก่
- General Health Science : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ และสุขภาพ
- Engineering & Technology : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจวิศวกรรม เทคโนโลยี โปรแกรมคอมพิวเตอร์
- Commercial Arts : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านศิลปะ ดนตรี การออกแบบ
- Business Social Sciences & 3rd Language : เหมาะสำหรับนักเรียนที่สนใจด้านบริหารธุรกิจ และภาษาที่สาม
น้องน็อต นายศุภณัฐ ศรีอังกูร อายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นักเรียนจากแผนการเรียน Engineering & Technology เล่าว่า ตนเข้ามาศึกษาในโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา ตั้งแต่ม.1 เพื่อค้นหาในสิ่งที่ชอบ และในช่วงม. 3 ทางครูที่ปรึกษาจะคอยให้คำปรึกษาในสิ่งที่นักเรียนสนใจ และแนะนำแผนการเรียนที่เหมาะสมกับนักเรียนแต่ละคน และตนเองมีความสนใจทางด้านเขียนโปรแกรมและออกแบบมาอยู่แล้ว และหลักสูตรนี้จะเน้นการลงมือปฏิบัติเพื่อให้นักเรียนได้ลงมือทำจริง จึงคิดว่าแผนการเรียนนี้จะเป็นแผนการเรียนที่ช่วยให้ความรู้พัฒนาศักยภาพเพื่อการเข้ามหาวิทยาลัยในฝันได้
นอกจากนี้ น้องน็อต ยังสามารถออกแบบ “ห้องสมุดโรงเรียนในฝัน” ซึ่งน้องน็อตเองได้มองเห็นถึงปัญหาห้องสมุดของโรงเรียนที่ไม่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานของเด็กนักเรียน จึงคิดออกแบบห้องสมุดในฝันที่สามารถใช้เป็นพื้นที่ให้ความรู้พร้อมกับเป็นพื้นที่ที่สามารถให้นักเรียนเข้ามานั่งพักผ่อนพูดคุยกันได้ ผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์
น้องเรน นายชลัช นิลม่วง อายุ 17 ปี ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 นักเรียนจากแผนการเรียน General Health Science เล่าว่า มีความสนใจทางด้านวิทย์มาตั้งแต่ม.ต้น ครูที่ปรึกษาต้องแนะนำให้เรียนต่อแผน General Health Science ในช่วงม.ปลาย อีกทั้งยังให้คำปรึกษามาตลอด คอยสอบถามในเรื่องความสนใจอย่างสม่ำเสมอ ในส่วนของวิชาเรียนจะมีความยากเพิ่มมากขึ้นจากม.ต้น และเน้นไปทางทฤษฎีมากกว่าปฏิบัติ แต่ในส่วนของการปฏิบัติก็มีบ้าง เช่นวิชา Med lap ผ่าสิ่งมีชีวิต ส่องเซลล์หรือการส่องแบคทีเรีย ๆ และในวิชาฟิสิกส์จะเรียนแตกต่างกับแผน Engineering & Technology ที่จะมีความยากในเนื้อหามากกว่าแผนการเรียนของตน ซึ่งน้องเรนคิดว่าทางโรงเรียนและแผนการเรียนที่เลือกจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ความรู้และสามารถพัฒนาศักยภาพเพื่อการเข้ามหาวิทยาลัยและคณะในฝันได้เช่นกันได้เช่นกัน
Personalised Learning การเรียนที่สำเร็จได้จริง
ข้อมูลในปีการศึกษา 2566 ของโรงเรียนเลิร์นสาธิตพัฒนา นักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ผ่านการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศกว่า 99 % โดยในจำนวนนี้มี 70 % ที่ผ่านตั้งแต่รอบ Portfolio และรอบ Quota นอกจากนี้ ยังพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กและผู้ปกครองมีความเข้าใจกันมากขึ้น เนื่องจากเด็กได้ค้นพบแนวทางที่เหมาะสมและมีความสุข ในขณะที่ผู้ปกครองได้มีโอกาสทำความเข้าใจถึงความต้องการและความถนัดของเด็ก เพื่อร่วมกันวางแผนสู่เส้นทางอนาคตที่ต้องการ
จากสิ่งที่เกิดขึ้น จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้แบบ Personalised Learning หรือการเรียนรู้เฉพาะบุคคล จะเป็นอีกเทรนด์การศึกษาหนึ่งที่น่าสนใจ และยังเป็นอีกทางเลือกที่จะตอบโจทย์ทางอาชีพให้กับนักเรียนทุกคน ได้เลือกเรียนตามความถนัดและความชื่นชอบ เพื่อต่อยอดและพัฒนาศักยภาพของตัวเองได้ ซึ่งตรงตามเป้าหมายสำคัญของการศึกษา คือ สร้างหลักสูตรในระบบการศึกษาที่มีคุณภาพและเข้าถึงได้ เพื่อสร้างผู้เรียนที่ประสบความสำเร็จ มีความสุข และทำประโยชน์แก่สังคมได้ในอนาคต