ปั้นเด็ก STEM สู่มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก เส้นทางอาชีพแห่งอนาคต
ในยุคดิจิทัลที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด สายอาชีพ STEM ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมและคณิตศาสตร์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนโลกอนาคตในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และกลายเป็นที่ต้องการตัวสูงของหลายองค์กรทั่วโลก
โดยเฉพาะในสาขาที่มีโอกาสเติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นวิทยาการคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ข้อมูล และผู้เชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์ ผู้ที่เรียนจบสาขา STEM มีโอกาสได้ทำงานในบริษัทชั้นนำระดับโลก อีกทั้งยังสามารถนำทักษะไปประยุกต์ใช้ในหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน การแพทย์ หรือแม้แต่การวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้วยค่าตอบแทนที่สูงตั้งแต่ $90,000 ถึง $190,000 ต่อปี
หากมีเป้าหมายที่จะศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก Crimson Education เป็นอีกหนึ่งคำตอบที่ก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการช่วยเหลือนักเรียนไทยให้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชื่อดังใน Ivy League เช่น Harvard University, Cornell, Columbia, Brown, Yale, University of Pennsylvania, หรือ MIT, Stanford ในสหรัฐอเมริกา หรือ Oxford, Cambridge ในอังกฤษ รวมไปถึงมหาวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ ทั่วโลกอีกมากมาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
"กำเนิดวิทย์" แหล่งบ่มเพาะนักวิทย์-นักวิจัยรุ่นเยาว์ ช่วยประเทศ
บูรณาการ STEM Education สู่ของเล่นไม้ สร้างทักษะชีวิต "ศตวรรษที่ 21"
จบสาขา STEM สามารถทำได้หลากหลายอาชีพ
Crimson Education จะช่วยดูแลนักเรียนและผู้ปกครองแบบ 360 องศา ครอบคลุมในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ด้านการศึกษาและการสมัครเรียนต่อ การพัฒนาทักษะทางด้านวิชาการ การเตรียมสอบ SAT การทำกิจกรรมนอกหลักสูตรหรือ Capstone projects การเขียนเรียงความ และการเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์ ด้วยโปรแกรมการเรียนรู้เป็นรายบุคคล โดยจะมี Mentor หรือ Strategist ที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวอย่างใกล้ชิดร่วมกับทีมงานผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
รวมไปถึงมี Former Admission Officer หรืออดีตกรรมการคัดเลือกที่เคยทำงานร่วมกับมหาลัยชั้นนำของโลกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่ช่วยรีวิวและให้คำปรึกษาโดยตรงแก่นักเรียน ทำให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการและจุดแข็งของนักเรียนแต่ละคนได้อย่างตรงจุดและมีโอกาสสูงที่จะบรรลุเป้าหมายในการศึกษาต่อในต่างประเทศ
ภานุวัฒน์ เหลืองรัชนี กรรมการผู้จัดการ คริมสัน เอ็ดดูเคชั่น ประเทศไทย เปิดเผยในงานสัมมนา ‘Launchpad to Success US STEM Exploration’ ว่าปัจจุบันเด็กไทยให้ความสนใจศึกษาต่อด้าน STEM เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือกว่า 50% เนื่องจากสามารถทำได้ในหลากหลายอาชีพ ทั้งวิศวกรซอฟต์แวร์ นักวิเคราะห์ระบบ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักลงทุนสัมพันธ์ หรือนักวิจัยทางการแพทย์ เป็นต้น
อัตราการตอบรับสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.5 เท่า
Crimson Education เป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการศึกษาต่อระดับโลก ด้วยประสบการณ์กว่า 10 ปี และเครือข่าย 23 แห่งทั่วโลก ในแต่ละปีจะมีนักเรียนไทยสมัครเข้าใช้บริการประมาณ 200-300 คน ทั้งจากโรงเรียนนานาชาติ 70% และโรงเรียนไทย 30%
นอกจากนี้ Crimson ยังมีพันธมิตรองค์กรชั้นนำอย่าง Amazon, PWC, Ferrari, Uber, Dentons, Strip, The Economist ที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการฝึกงานสำหรับนักเรียนที่ศึกษาในระดับ High School หรือมัธยมศึกษาตอนปลาย ทำให้สามารถช่วยให้นักเรียนต่างชาติและนักเรียนไทยได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก อาทิ MIT, Stanford, และ Ivy League ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4-9 เท่า
จากสถิติที่ผ่านมา นักเรียน Crimson Education ได้รับข้อเสนอการตอบรับเข้าเรียนรวมกันมากกว่า 6,000 การตอบรับ จากกลุ่มมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีการแข่งขันสูงทั้งในสหรัฐอเมริกาและในสหราชอาณาจักร เช่น Stanford, MIT, Caltech, Harvard, Columbia, U Penn, Yale, Brown, Cornell, UC Berkeley, Oxford, Cambridge รวมไปถึงวิทยาลัยระดับโลกชั้นนำอื่นๆ แสดงให้เห็นว่านักเรียนได้รับคำแนะนำอย่างเป็นระบบ โดยมีอัตราการตอบรับสูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 4.5 เท่า และหากวางแผนการเตรียมตัวตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป ก็จะเพิ่มโอกาสได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่ตั้งเป้าไว้มากขึ้นถึง 9 เท่า
โดยอัตราการตอบรับเข้าเรียนในกลุ่ม Ivy League ของนักเรียน Crimson อยู่ที่ 24.75% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ 5.2% เช่นเดียวกับการสมัครเข้ามหาวิทยาลัย Top 10 ของสหรัฐอเมริกา ที่มีอัตราการตอบรับ 24.55% เทียบกับค่าเฉลี่ยทั่วไปที่ 4.85% สำหรับนักเรียนไทยในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับจากวิทยาลัยชื่อดังในสหรัฐอเมริกาและสหราฐอาณาจักร เช่น MIT, Cornell, UPenn, Columbia, Stanford และ Oxford รวมไปถึงวิทยาลัยชั้นนำอื่นๆ อีกมากกว่า 250 การตอบรับ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา, มกราคม 2021 ระบุว่า ระหว่างปี 2017 ถึง 2029 จำนวนงานด้าน STEM จะเติบโตขึ้น 8% ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงกว่างานที่ไม่ใช่ด้าน STEM โดยตำแหน่งงานด้านคอมพิวเตอร์ วิศวกรรม และการผลิตขั้นสูงจะเป็นผู้นำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจ้างงานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์คาดว่าจะเติบโตขึ้น 22% ส่วนแนวโน้มการจ้างงานตั้งแต่ปี 2019-2029 คาดว่าการจ้างงานด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์จะเติบโตขึ้น 22%
ขณะที่ ข้อมูลจากPew Research Centerมกราคม 2018 ระบุว่าการจ้างงานในอาชีพ STEM เติบโตขึ้น 79 %นับตั้งแต่ พ.ศ. 2533โดยรวมแล้ว นับตั้งแต่ปี 1990 การจ้างงานในอาชีพ STEM ในสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 79% เพิ่มขึ้นจาก 9.7 ล้านคน เป็น 17.3 ล้านคน
สำหรับ ข้อมูลจากสำนักสถิติแรงงาน ระบุว่า เงินเดือนโดยเฉลี่ยสำหรับพนักงานด้าน STEM ทั้งหมด อยู่ที่ 100,900 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าอาชีพที่ไม่ใช่ STEM ถึงสองเท่า โดยค่าจ้างรายปีโดยทั่วไป เฉลี่ยอยู่ที่ 40,020 ดอลลาร์ ด้านอาชีพ STEM คาดว่าจะเติบโต 10.8% ระหว่างปี 2021-2031 เมื่อเทียบกับการเติบโตเพียง 4.9% ของอาชีพอื่นๆ ทั้งหมด
ปาล์ม-อัครวิศว์ นาคประเสริฐ หนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จของนักเรียน Crimson จบจากโรงเรียนไทยและได้การตอบรับการศึกษาต่อจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก ทั้ง MIT, UPenn, Brown, UCLA และ UCSB ปัจจุบันคุณปาล์มจบปริญญาตรีด้าน Physics จาก University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา และปริญญาโทด้าน Machine Learning และ Big Data จาก Imperial College London ประเทศอังกฤษ สะท้อนให้เห็นว่าการเรียนในโรงเรียนไทยไม่ใช่อุปสรรค หากมีการวางแผนและเตรียมตัวที่ดี
ปาล์มเน้นย้ำว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับเกรดเพียงอย่างเดียว แต่การมีส่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลักสูตร การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ และการเตรียมตัวอย่างรอบด้าน ทั้งด้านวิชาการ กิจกรรมนอกหลักสูตร และการเขียนเรียงความ Essay ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จได้
ปัจจุบันการส่งลูกเรียนต่อต่างประเทศในมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนและเตรียมพร้อมที่ดี ผู้ปกครองควรเริ่มต้นจากการวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งสนับสนุนให้บุตรหลานได้พัฒนาทักษะต่างๆ ทั้งด้านวิชาการและกิจกรรมนอกหลักสูตร การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศ จะช่วยให้กระบวนการเตรียมตัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวางแผนการศึกษาที่เป็นรายบุคคล การแนะนำกิจกรรมที่เหมาะสม และการฝึกฝนทักษะที่จำเป็นสำหรับการศึกษาต่อในระดับสูง
การลงทุนในอนาคตของบุตรหลานด้วยการศึกษาต่อต่างประเทศ จะเปิดโอกาสให้ได้พัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ และก้าวไปสู่ความสำเร็จในระดับสากล และยังเปิดประตูสู่โอกาสในการทำงานกับบริษัทชั้นนำระดับโลกอย่าง Google, Amazon, Meta และ Microsoft อีกด้วย