ดันวิสาหกิจชุมชน ฐานรากความยั่งยืนเศรษฐกิจท้องถิ่น
วิทยาลัยชุมชน จับมือ บพท. ดันวิสาหกิจชุมชนฐานรากความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น แก้ไขปัญหาความยากจนในชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ
ดร.สุธิมา เทียนงาม หัวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมเชิงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน และลดความเหลื่อมล้ำแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ สถาบันวิทยาลัยชุมชน (สวชช.) กล่าวในงานเสวนาเรื่อง “วิสาหกิจชุมชนฐานรากความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น” จัดโดย สวชช. ณ ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน ป๋วย อึ๊งภากรณ์ จ.ชัยนาท ว่า การที่สถาบันวิทยาลัยชุมชนเข้ามาเชื่อมโยงกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน เนื่องจากเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ใกล้ชิดกับชุมชนมากที่สุด และวิสาหกิจชุมชนเป็นกลุ่มการประกอบการทางเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ ประกอบกับได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจน จึงเล็งเห็นความสำคัญของวิสาหกิจชุมชน
ถือเป็นกลไกที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพ กระจายรายได้ให้ครัวเรือนยากจน หากได้รับการส่งเสริมในเรื่องขององค์ความรู้ การวิจัยและนวัตกรรม ทำให้สามารถจำหน่ายสินค้า หรือให้บริการได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการใช้ทรัพยากรในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น วัตถุดิบ แรงงาน ทั้งในกระบวนการผลิต การแปรรูป การจัดการผลผลิต การหมุนเวียนสภาพเศรษฐกิจในชุมชนก็จะดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
โมเดลแก้จน สวชช.ผนึกจ.ชัยนาท ค้นหาคนจนตัวจริง อัพคุณภาพชีวิต
พัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้ยั่งยืน ดูแลแก้จนช่วยชาวบ้าน
อีกหนึ่งบทบาทที่วิทยาลัยชุมชนส่งเสริมพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความเข้มแข็ง เพื่อพยุงคนที่อยู่ฐานรากให้มีโอกาสในการสะสมทุนการดำรงชีพด้านต่างๆ มีความรู้และประสบการณ์การผลิตหรือให้บริการ ที่เหมาะสมกับครัวเรือน นำไปสู่การมีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
ด้าน นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิสภาพัฒนาเศรฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ภาครัฐมีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมาก ในการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนให้มีความยั่งยืน เนื่องจากวิสาหกิจชุมชนเป็นการร่วมมือกันระหว่างชาวบ้านด้วยกันเอง ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่ประสบความสำเร็จและกลุ่มที่มีปัญหา ดังนั้นกลุ่มที่มีปัญหา ภาครัฐจะต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือโดยเจาะลึกรายละเอียดของปัญหาพร้อมให้ความรู้ความเข้าใจ วิธีการดำเนินงานเพื่อให้วิสาหกิจชุมชนสามารถพัฒนาตนเองได้ในแต่ละขั้นตอน
นอกจากนี้จะต้องส่งเสริมให้รู้จักการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของตลาด แนะนำให้จดบันทึกการดำเนินงานในทุกขั้นตอนเพื่อให้เกิดความโปร่งใส และสามารถนำไปใช้วิเคราะห์ข้อมูลในการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนได้ การที่วิสาหกิจชุมชนมีการทำงานที่โปร่งใส จะทำให้สมาชิกเกิดความศรัทธาและให้ความร่วมมือในการที่จะขยายงานต่อไป ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จะทำให้วิสาหกิจชุมชนเติบโตได้
ดึงลูกหลานกลับสู่ท้องถิ่น นำความรู้พัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจชุมชนแต่ละแห่ง ควรดึงลูกหลานให้กลับคืนสู่ท้องถิ่น นำความรู้ที่มีกลับมาช่วยเหลือชุมชน เนื่องจากคนรุ่นใหม่มีความรู้ด้านเทคโนโลยี มีประสบการณ์การทำงานในเมืองใหญ่ มีความเข้าใจเรื่องตลาดซึ่งสามารถนำมาพัฒนาสินค้า บริการตอบสนองความต้องการของตลาดได้ รวมถึงวิสาหกิจชุมชนควรมีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความสนใจ นอกจากนี้จะต้องรู้จักการใช้โซเชียล มีเดีย ให้เกิดประโยชน์เป็นการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้เป็นที่รู้จัก
“การที่วิสาหกิจชุมชนจะเป็นฐานรากความยั่งยืนของเศรษฐกิจท้องถิ่น เป็นเพราะวิสาหกิจชุมชนเป็นการรวมตัวของคนระดับตำบล มีขนาดกำลังพอเหมาะรู้จักท้องถิ่น ชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่ เข้าใจวิถีชีวิตทำให้ง่ายต่อการพัฒนาและรวมกลุ่ม รวมถึงมีหน่วยงานราชการที่ได้รับงบประมาณสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับวิสาหกิจชุมชน” นายเอ็นนู กล่าว
ด้านนายนพพร พูลแพ ประธานวิสาหกิจชุมชนริเช่ฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร กล่าวว่า การที่จะให้วิสาหกิจชุมชนยั่งยืนได้นั้น ต้องเริ่มจากปลูกฝังคนในชุมชนแต่ละอาชีพให้เกิดความรู้ความเข้าใจและนำคนที่มีศักยภาพมารวมตัวกัน จัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน จากนั้นจึงขยายวิสาหกิจจากการรวมตัวระดับตำบลไปยังอำเภอ จนถึงระดับจังหวัดจะทำให้เกิดวิสาหกิจชุมชนยั่งยืนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จะทำให้วิสาหกิจชุมชนเกิดความยั่งยืนได้นั้น จะต้องการมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ตอบรับกับตลาดและรู้ว่าผลิตเพื่อจำหน่ายกับกลุ่มใด รวมถึงการศึกษานโยบายของภาครัฐเพื่อให้วิสาหกิจชุมชนสามารถมุ่งพัฒนาตามทิศทางนั้นได้
ด้านนายบุญฤทธิ์ หอมจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนผลิตพันธุ์พืชบ้านพระแก้ว กล่าวว่า ความยั่งยืนของวิสาหกิจชุมชนจะต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของสมาชิก คณะกรรมการที่พร้อมพัฒนาอยู่เสมอ รวมถึงจะต้องมีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในส่วนของวิสาหกิจชุมชนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตร จะต้องตระหนักถึงสภาพภูมิอากาศของโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลง รวมถึงกระแสในต่างประเทศที่ให้ความสำคัญกับสภาวะโลกร้อน นอกจากนี้การผลิตสินค้าที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมจะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อวิสาหกิจชุมชนมีความเข้มแข็งและมั่นคง ตนเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นมีความยั่งยืนตามไปด้วย เพราะเกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนที่ไม่ได้เป็นสมาชิก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความยากจนในชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย