มทร.ล้านนา เปิด 'Green Room' พื้นที่ปลอดฝุ่น รับมือวิกฤตฝุ่น PM2.5
มทร.ล้านนา คาดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ทวีความรุนแรงพุ่งตั้งแต่ต้นปี 2568 เหตุชาวบ้าน เกษตรกรเผาพื้นที่การเกษตรเร็วขึ้น เตรียมสร้างความรู้ ความเข้าใจ แจ้งนศ.-บุคลากรมหาวิทยาลัย รับมือดูแลสุขภาพ พร้อมเปิด Green Room พื้นที่ปลอดฝุ่น ปลอดภัย
รศ.ดร.อุเทน คำน่าน รักษาราชการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.)ล้านนา เปิดเผยว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ ไม่ว่าจะเป็นลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง คาดว่าจะมีความรุนแรงมากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ชาวบ้าน เกษตรกรมีการเผาพื้นที่ทางการเกษตรเร็วกว่าเดิม และจะทำให้ประชาชน นักท่องเที่ยวเผชิญฝุ่นPM2.5 วิกฤตหนักตั้งแต่เดือนมกราคม2568 ซึ่งหากเทียบกับปีที่ผ่านมาแล้ว ปัญหาฝุ่น PM2.5 จะวิกฤตหนักเริ่มประมาณเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เล็งเปิดตลาดนัดโชว์ผลิตภัณฑ์ งานวิจัย ผลงาน มทร.ล้านนา ต.ค.นี้
เปิดห้อง Green Room พื้นที่ปลอดฝุ่นในมทร.ล้านนา
“มทร.ล้านนา ได้มีการเตรียมพร้อมโดยเน้นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ และแจ้งให้นักศึกษา บุคลากรของมหาวิทยาลัยดูแลตัวเอง ป้องกันฝุ่น PM2.5 พร้อมทั้งจะมีการแจกหน้ากากอนามัยป้องกันฝุ่น PM2.5 ซึ่งเป็นผลงานที่ทาง รศ.ดร.พานิช อินต๊ะ นักวิจัยที่เน้นการวิจัยพื้นฐานและงานวิจัยประยุกต์ทางด้านเทคโนโลยีการวัดและการควบคุมอนุภาคละอองลอยในอากาศ ซึ่งได้มีการพัฒนาการตรวจสอบคุณภาพของหน้ากากรวมถึงมีการจัดทำ Green Room บริเวณห้องสมุดให้นักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยได้เข้าไปอยู่ หากมีปริมาณฝุ่น PM2.5 อยู่ในระดับสีส้ม หรือสีแดง อีกทั้งได้ประชาสัมพันธ์ให้งดกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมที่ต้องไปสำรวจภายนอก ให้นักศึกษาได้อยู่ในพื้นที่ปลอดฝุ่น ปลอดภัย” รศ.ดร.อุเทน กล่าว
มทร.ล้านนา จับมือมช.ติดตั้งDustBoy นวัตกรรมสู้ฝุ่น PM2.5
ทั้งนี้ มทร.ล้านนาได้ส่งนักวิจัย ร่วมทำงานกับทางมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในการจัดตั้ง DustBoy ซึ่งเป็นนวัตกรรมสู้ฝุ่น PM2.5 เพื่อเตือนปริมาณฝุ่นละอองเมืองเชียงใหม่ ผ่านระบบออนไลน์และ ไลน์แชทบ็อท มีเครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศด้วยระบบเซนเซอร์ที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศและการเตือนภัยมลพิษทางอากาศ รายงานสถานการณ์ฝุ่นแบบ Real Time ซึ่ง DustBoy ถือเป็นงานวิจัยของมช.ที่มีติดตั้งตามจุดต่างๆ อยู่แล้ว และนักวิจัยของมทร.ล้านนา จะเข้าไปช่วยขยายการติดตั้งไปในอำเภอ และจังหวัดอื่นๆ มากขึ้น
รศ.ดร.อุเทน กล่าวต่อไปว่า โดยส่วนตัวคาดว่าสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเฉพาะเชียงใหม่ ในปีนี้ ไม่น่าจะดีขึ้นกว่าเดิม เพราะตอนนี้ยังไม่พ้นเดือนมกราคม ผู้คนก็กำลังเผชิญปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM2.5 แล้ว คุณภาพอากาศแย่ลง ยิ่งมีการเผาสะสมมากขึ้น ปัญหาก็ยิ่งมากขึ้น ซึ่งปัญหาฝุ่นควันมีความซับซ้อนมากกว่ามิติที่ทุกคนเห็น เพราะนอกจากการเผาแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝุ่นนั้นมีมากมาย ทั้งชั้นบรรยากาศ ความชื่นของสภาพอากาศ การเผาไหม้ อากาศแห้ง หรือการเกิดไฟป่า ที่จะสร้างความเสียหายในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนดูแลป้องกันตัวเอง และภาครัฐ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรลงมาทำงานร่วมกับภาคการศึกษา และภาคประชาชนให้มากขึ้น ที่สำคัญควรมีพื้นที่ตรงกลางหรือศูนย์ที่ให้ประชาชนไปอาศัยได้หากปริมาณฝุ่น PM2.5 มีสีแดง ควรจัดพื้นที่ปลอดภัย ห้องปลอดฝุ่นให้แก่ประชาชน