ความกล้าหาญที่ผู้นำต้องมีในวันนี้ | บวร ปภัสราทร
ถ้าเป็นผู้นำไปรบทัพจับศึก แล้วให้ลูกน้องนำหน้าไปเจอข้าศึกก่อน โดยตัวเองหลบอยู่ข้างหลัง คงเดาได้ว่าผลการสู้รบนั้นจะเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นผู้นำในครอบครัว แล้วปล่อยให้สมาชิกในครอบครัวต้องเผชิญหน้ากับการคุกคาม โดยผู้นำครอบครัวไม่แสดงบทบาทใดในการปกป้อง ครอบครัวนั้นคงอยู่ไม่เป็นสุข
ถ้าเป็นผู้นำในกิจการธุรกิจแล้วจะทำอะไรก็กลัวไปหมด กิจการมีได้แค่ทรงกับทรุด ถ้าเป็นผู้นำราชการที่ขลาดกลัว งานจะเป็นแค่งานประจำทำซ้ำตามเดิมโดยปราศจากการริ่เริ่มใหม่ๆ
การอยู่กับผู้นำที่ไม่มีความกล้าหาญ กลายเป็นความทรมานอีกอย่างหนึ่งในชีวิต
ความกล้าหาญของผู้นำในวันนี้ ไม่ได้หมายถึงต้องกล้าไปสารพัดเรื่อง เจอช้างขวางถนนก็ไม่ต้องกล้าขับรถฝ่าฝูงช้างออกไป การนำด้วยความกล้าหาญกับการนำด้วยความโง่เขลาไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
รู้อยู่แล้วว่ามีอันตรายแน่ๆ แต่ก็ยังลุยเข้าไป เป็นความโง่เขลาในการนำที่ทำให้เกิดผลร้ายตามมา ดังนั้น เราต้องดูกันให้ออกว่าเรากำลังอยู่กับผู้นำที่มีความกล้าหาญ หรือกำลังอยู่กับคนเขลาที่บ้าบิ่น
กองทัพเรือของประเทศหนึ่งเป็นกองทัพเรือขนาดเล็ก แต่มีแสนยานุภาพเป็นที่น่าเกรงขาม ได้กำหนดลักษณะความกล้าหาญของผู้นำในทุกระดับไว้อย่างชัดเจนว่า
ความกล้าหาญที่ผู้นำในวันนี้จะต้องมีคือ กล้าหาญที่จะกระทำในสรรพสิ่งที่เชื่อว่าเป็นความถูกต้อง
ขยายความเป็นพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความกล้าหาญนี้ได้ ตั้งแต่การชักชวนและหว่านล้อมอย่างได้ผลให้ผู้คนภายใต้การนำของตนได้กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เมื่อดูแล้วเหมือนกับไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนักที่จะปฏิบัติ แต่ลองนึกถึงตอนที่ต้องทำสิ่งที่ถูก ในขณะที่คนรอบตัวทำสิ่งที่ผิดกันไปหมด จะนึกได้ว่าการทำสิ่งที่ถูกท่ามกลางการกระทำที่ไม่ถูกนั้น ต้องมีความกล้าหาญไม่น้อยจึงจะกระทำได้สำเร็จ
งานได้หน้าที่มีความปลอดภัยมีคนทำมากมาย เพราะไม่เสี่ยงและมีหน้าตาเป็นรางวัลตอบแทนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าเป็นผู้นำแบบเอาดีใส่ตัวมักพยายามโยนงานที่ไม่ได้หน้าตาไปให้คนอื่นทำ รับงานเฉพาะที่ได้หน้าตา
ผู้นำที่ดีจึงต้องกล้ารับผิดชอบ กระทำในสิ่งที่จำเป็นต้องกระทำ รวมถึงงานที่อาจไม่ได้หน้าตา หรืออาจเป็นภาระหนักหน่วงที่ทำแล้วอาจไม่มีใครเห็นความดี ซึ่งต้องการความกล้าหาญในการชนะใจตนเองให้ยอมทำในสิ่งที่ต้องทำ
ในทำนองเดียวกับงานที่เสี่ยงอันตราย ถ้าไม่มีใครกล้าที่จะทำ งานนั้นก็ไม่มีวันสำเร็จลงไปได้
แต่เน้นอีกครั้งหนึ่งว่าความกล้าหาญในการเข้าไปดูแลรับผิดชอบงานที่มีความเสี่ยงนั้น แตกต่างไปจากความบ้าบิ่นเสี่ยงอันตรายโดยปราศจากความรู้ในเรื่องที่เสี่ยงกระทำนั้น จะกล้าเสี่ยงอันตราย ต้องเสี่ยงอย่างมีความรอบรู้ และมีสติ
งานทุกงานย่อมมีทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวเกิดขึ้นตามมา ผู้นำต้องกล้ายอมรับความผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้น พร้อมที่จะแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดที่เกิดขึ้น กล้าขอโทษเมื่อผิดพลาด
ไม่ใช่ว่าถ้าทำแล้วได้ผลดี ก็บอกว่าเป็นเพราะการนำที่ดีของฉัน ถ้าทำแล้วไม่ได้ผลดีแถมมีผลเสียตามมาก็โยนว่าผู้ปฏิบัติบกพร่อง
คงเคยพบเห็นผู้นำที่ไม่เคยขอโทษต่อความบกพร่องใดๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้การนำของตนเอง ชอบบอกแต่ว่าสั่งการไปแล้วอย่างนั้นอย่างนี้
พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่พฤติกรรมของผู้นำที่กล้าหาญ หากแต่เป็นพฤติกรรมของผู้นำที่เน้นการเอาตัวเองให้รอดไว้ก่อน เป็นการแสดงความขลาดกลัวต่อความรับผิดชอบที่ตนเองสมควรที่จะมีอยู่ในเรื่องนั้น
เมื่อทำงานไปแล้วย่อมมีทั้งคำชมและคำติ ผู้นำต้องกล้าหาญพอที่จะรับฟังอย่างรอบด้าน ชมก็ฟัง ติก็ฟัง จะเป็นผู้นำที่ดีได้นั้นต้องฝึกตนเองให้กล้ารับฟังความเห็นรอบด้าน กล้าฟังทั้งที่ตรงกับที่ตนเองพอใจ และที่ตรงข้ามกับที่ตนเองพอใจ
การตอบโต้คำติเตียนด้วยถ้อยคำรุนแรง มิได้แสดงความกล้าหาญของผู้นำ แต่เป็นการแสดงความด้อยในวุฒิภาวะของผู้นำคนนั้นให้ปรากฏ
พึงระลึกไว้ว่า ผู้นำที่พึงหลีกเลี่ยงให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ คือผู้นำที่สำคัญผิดว่าความบ้าบิ่นบนความเขลาเป็นความกล้าหาญ
คอลัมน์ ก้าวไกลวิสัยทัศน์
รศ.บวร ปภัสราทร
นักวิจัย Digital Transformation
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
email. [email protected]