'MOU ก้าวไกล' วิสาหกิจชุมชนกัญชา เจ๊งระนาว กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด
ผลกระทบ 'MOU ก้าวไกล' วิสาหกิจชุมชนกัญชา เจ๊งระนาว กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด โวยถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรปลูกยาเสพติด
วิสาหกิจชุมชน ผู้ปลูกกัญชาโคราชโอด MOU ก้าวไกล ทำให้เจ๊งกันระนาว กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ระบุถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรปลูกยาเสพติด วอนหากจะให้กัญชาอยู่ในบัญชียาเสพติด ควรกำหนดให้ชัดว่าเป็นเฉพาะช่อดอก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรค นำโดยพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ได้ออกแถลงการณ์ลงนามข้อตกลงร่วม (MOU) ในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อวันที่ 22 พ.ค.66 ที่ผ่านมา โดยเนื้อหา MOU มีอยู่ทั้งหมด MOU 23 ข้อ
ซึ่งข้อที่ 16 มีเนื้อหาว่า “นำกัญชากลับไปอยู่ในบัญชียาเสพติดให้โทษ ผ่านบัญญัติของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีกฎหมายควบคุมและรองรับการใช้ประโยชน์จากกัญชา” นั้น ทำให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนทั่วประเทศ ต่างรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
ล่าสุด วันนี้ (24 พฤษภาคม 2566) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจผู้ประกอบการวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชา ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อสอบถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยลงพื้นที่ไปที่ฟาร์มปลูกกัญชา “Canabis One @KORAT” ข้างโรงแรมเฮอร์มิเทจ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ปลูกกัญชาเพื่อจำหน่ายและนำไปใช้ในทางการแพทย์
พบว่ายังคงมีการปลูกพืชกัญชงและกัญชาอยู่หลายพันต้น โดยหลายโรงเรือนต้นกัญชากำลังออกดอกพร้อมเก็บเพื่อไปใช้ทำผลิตภัณฑ์ยาชนิดต่างๆ ที่ทางฟาร์มได้วางจำหน่ายในสหคลินิกเรเมดี้ แคนน์ โคราช ซึ่งตั้งอยู่ชั้นที่ 1 โรงแรมเฮอร์มิเทจ ซึ่งภายในสหคลินิกแห่งนี้ มีการตกแต่งสถานที่ ทำเป็นห้องสกัดยา ที่มีวัตถุดิบดอกกัญชาอบแห้งอยู่เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีห้องตรวจโรคอีก 4 ห้อง บริเวณเคาท์เตอร์ด้านหน้า มีการจัดวางผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากใบ ดอก และรากกัญชา ทั้งชนิดแคปซูลและชนิดน้ำวางจำหน่ายหลายรายการ โดยได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสหคลินิก จากกระทรวงสาธารณสุข อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเปิดให้บริการมานานกว่า 1 ปีแล้ว
ด้าน น.ส.สุนิศา โสบกระโทก ผู้บริหารสหคลินิกเรเมดี้ แคนน์ โคราช เปิดเผยว่า สำหรับแถลงการณ์ MOU ในการจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง นำโดยพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทยนั้น ในเรื่องกัญชานำกลับเข้าสู่บัญชียาเสพติด ตนเองมองว่าเรื่องนี้จะทำให้กลุ่มวิสาหกิจได้รับความเสียหายมหาศาล เพราะก่อนวันที่ 9 มิ.ย.65 วิสาหกิจชุมชนได้ขอใบอนุญาต อย.ในการปลูกกัญชาเพื่อใช้ในทางการแพทย์ โดยมีการส่งช่อดอกกัญชาไปให้หน่วยงานภาครัฐผลิตยาเพื่อใช้ในทางการแพทย์
แต่หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาล ก็ออกมาประกาศว่าให้เป็นกัญชาเสรี ใครก็ปลูกได้ ทำให้วิสาหกิจชุมชนต่างๆ ที่มีการลงทุนทำโรงเรือนไปแล้วจำนวนมาก ไม่สามารถจำหน่ายช่อดอก รวมทั้งกิ่ง ใบ และรากได้เลย ขาดทุนเป็นหนี้สินกันทุกราย ดังนั้นหากรัฐบาลต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องกัญชากันจริงๆ ต้องออกมาทำให้ชัดเจนไปเลยว่า อะไรที่สามารถทำได้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ รวมทั้งจะมีการเยียวยาวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบอย่างไร จะมีบริษัทกลางรับซื้อผลผลิตกัญชาจากวิสาหกิจชุมชนหรือไม่ ที่สำคัญขณะนี้วิสาหกิจชุมชน กำลังถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร เป็นผู้ปลูกยาเสพติดให้โทษ ทั้งที่ในความเป็นจริงนั้น วิสาหกิจชุมชน มีการทำโรงเรือนถูกต้องตามมาตรฐานของ อย.และกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ เพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาตปลูกพืชกัญชา
แต่ทุกวันนี้รัฐบาลกลับนิ่งเฉย ทำให้วิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกกัญชาไปต่อไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ก็ขอให้รัฐบาลกลับไปทบทวนใหม่ว่า อะไรที่จะห้าม และอะไรที่ส่งเสริมได้บ้าง เช่น ให้เฉพาะช่อดอก เป็นยาเสพติด ส่วนใบ กิ่ง ก้าน และราก สามารถนำไปทำอะไรได้บ้าง โดยเฉพาะส่วนที่เป็น CBD ที่ไม่ใช่สารเสพติด รัฐบาลควรที่จะส่งเสริมให้วิสาหกิจชุมชนปลูก แล้วนำมาใช้เป็นพืชเศรษฐกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งกำหนดไปเลยว่าเด็กและเยาวชนเข้าถึงไม่ได้ ซึ่งจะทำให้วิสาหกิจผู้ปลูกกัญชาไปต่อได้