เปิดลิสต์! 'อาชีพมาแรง'ปี 2568 ที่ตลาดต้องการกำลังคนสูง

เปิดลิสต์! 'อาชีพมาแรง'ปี 2568 ที่ตลาดต้องการกำลังคนสูง

จากผลกระทบดังกล่าว World Economic Forum (WEF) ได้ประมาณการว่า ภายในปี พ.ศ. 2568 จะมีตำแหน่งงานประมาณ 85 ล้านตำแหน่งถูกทดแทนด้วยเครื่องจักร

KEY

POINTS

  • 10 อาชีพมาแรงในปี 2568 จะเป็นสายงานดิจิทัลเทคโนโลยี ,Software Developer ,วิทยาศาสตร์ข้อมูล ,Digital Marketing ,Business Operations และงานที่เกี่ยวกับ AI
  • การเตรียมกำลังแรงงานเพื่อเข้าสู่ตลาดงานยังต้องคำนึงถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แรงงานมีทักษะและความรู้ที่หลากหลาย ยืดหยุ่น สามารถปรับตัวรองรับความต้องการของตลาดงานได้
  • ทักษะที่สำคัญแห่งอนาคต ได้แก่ ความเข้าใจในเชิงลึก ความฉลาดในการเข้าสังคม ความคิดแปลกใหม่และการประยุกต์ใช้ การทำงานกับคนต่างวัฒนธรรม ตามทันโลกยุคสื่อดิจิทัล

จากผลกระทบดังกล่าว World Economic Forum (WEF) ได้ประมาณการว่า ภายในปี พ.ศ. 2568 จะมีงานประมาณ 85 ล้านตำแหน่งถูกทดแทนด้วยเครื่องจักร แต่ก็จะมีงานใหม่เพิ่มขึ้น 97 ล้านตำแหน่ง โดยอาชีพแห่งอนาคตส่วนใหญ่จะเป็นงานด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ข้อมูล ระบบอัตโนมัติ และจะเป็นการผสมผสานระหว่างทักษะด้านดิจิทัลและการคิดวิเคราะห์ของมนุษย์

เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนด้วยระบบอัตโนมัติได้ ทั้งนี้อัตราการแพร่กระจายของเทคโนโลยีอย่างรวดเร็วมากขึ้น ยิ่งทำให้การคาดการณ์ความต้องการทักษะงานทำได้ยากขึ้น และทักษะจะยิ่งล้าสมัยได้เร็วขึ้น

ขณะที่ สำนักงานสภานโยบาย การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดเผยถึงการสำรวจข้อมูลตำแหน่งงานและสมรรถนะงานสำคัญที่เป็นที่ต้องการสำหรับ 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย ในระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ. 2563-2567) โดยมุ่งเน้นตำแหน่งงานที่ใช้ทักษะสูง และตำแหน่งงานรูปแบบใหม่ และคำนึงถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่าในระยะ 5 ปีข้างหน้าประเทศไทยมีความต้องการบุคลากรทักษะสูงใน 12 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายรวมกว่า 170,000 คน

โดยตัวอย่างตำแหน่งงาน เช่น นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist), Crop Modelling Analyst ในอุตสาหกรรมการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งเป็นกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญในวิทยาการสมัยใหม่ในลักษณะข้ามศาสตร์ และแบบสหวิทยาการ, ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล ในการท่องเที่ยวกลุ่มผู้มีรายได้สูงและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ส่อง! อาชีพแปลกๆ แหวกแนว สร้างรายได้ดีเกินคาด

เทคนิคเรียกเงินเดือน ทำอย่างไร? เพิ่มโอกาสเงินเดือนขึ้น

เช็ก 10 อาชีพมาแรง โอกาสในการทำงาน

1. Software Developer

เริ่มต้นที่อาชีพที่เป็นที่ต้องการในอนาคตอันดับแรก ๆ คงหนีไม่พ้น Software Developer เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในทุก ๆ ธุรกิจหรือทุกองค์กรต่างก็มีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของตัวเอง เพื่อสร้างความสะดวกสบายและการใช้งานที่ราบรื่นให้กับลูกค้าของตนเองแทบทั้งสิ้น ดังนั้นอาชีพนี้จึงถือเป็นอาชีพที่มั่นคงลำดับต้น ๆ และเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างสูง

โดยอาชีพนี้ต้องอาศัยความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในการพัฒนาเรื่องของ Information Technology ของบริษัท ไม่ว่าจะเป็นฝั่งฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และแอปพลิเคชัน ให้ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรหรือบริษัท รวมไปถึงการตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภคในธุรกิจนั้น ๆ ด้วย เพราะการมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน ถือเป็นช่องทางในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า และสามารถวัดผลความก้าวหน้าทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี

ส่วนทักษะที่ต้องมีติดตัวไว้สำหรับอาชีพนี้ เช่น Coding Language, Machine Learning, Analytical Skills และ Mathematics และ Statics หากทำงานไปสักระยะอาจต่อยอดไปสู่สายงานอย่าง Programmer Analysts ได้เช่นกัน

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 25,000-140,000 บาท/เดือน

 

2. AI & Machine Learning Engineer

AI เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการทำงาน และมั่นใจว่า AI Engineer และ Machine Learning Engineer จะเป็นอาชีพมาแรงที่ต้องการในอนาคตอย่างสูงแน่นอน โดยอาชีพนี้จะอาศัยความเชี่ยวชาญในการด้านการผลิตและการเรียนรู้เครื่องจักรกล 

โดยทักษะที่อาชีพนี้จำเป็นต้องมี เช่น Coding และ Computer Skill, Marketing Skill, Machine Learning หรือ Mathematics และ Statics ฯลฯ ส่วนการต่อยอดในสายอาชีพนั้นสามารถเติบโตไปสู่การเป็น Machine Learning Engineer หรือ Data Engineer ได้

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 60,000-80,000 บาท/เดือน

3. Data Analysts

ในตอนนี้ต้องบอกเลยว่าเราอยู่ในยุคที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของข้อมูลที่จะคอยขับเคลื่อนให้การทำการตลาด หรือการดำเนินธุรกิจเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะช่วยวางแผนในการดำเนินด้านกลยุทธ์ให้บริษัทนั้น ๆ มีชัยเหนือคู่แข่ง ดังนั้นอาชีพ Data Analysts จึงถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญขององค์กรและเป็นที่ต้องการในตลาดงาน และเป็นอาชีพมาแรงซึ่งเป็นที่ต้องการในอนาคตไม่แพ้อาชีพอื่น ๆ

โดยหน้าที่ของ Data Analyst คือ ต้องวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็น Insights เพื่อตอบรับเรื่องของการวางกลยุทธ์ วิเคราะห์เรื่องของยอดขาย ผสานกับการดูแลเรื่องต้นทุนในธุรกิจของบริษัท รวมไปถึงการรวมรวมข้อมูลต่างๆ ที่มี เพื่อนำมาใช้ส่งเสริมการทำงานของฝ่ายการตลาด ฝ่ายจัดการธุรกิจ หรือแผนกที่เกี่ยวข้องกับ Supplier

สำหรับทักษะสายอาชีพนี้ที่ต้องมีก็เช่น Mathematics และ สถิติ, Analytical Skill, Communication Skill, Storytelling, Microsoft Excel และ SQL ตลอดไปถึงการเข้าใจเรื่องของกระบวนการธุรกิจ หากเติบโตขึ้นก็สามารถพัฒนาไปยังตำแหน่ง Business Development หรือ Static Analysis ได้

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 40,000-80,000 บาท/เดือน

 

4. Data Scientists

สำหรับอาชีพ Data Scientists อีกหนึ่งอาชีพมาแรงที่มองเผิน ๆ อาจคล้ายกับ Data Analyst แต่จริง ๆ แล้วมีความแตกต่างกันอยู่ ซึ่งตัวของ Data Scientists จะเปรียบเหมือนนักวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล ก่อนที่จะนำข้อมูลนั้นมาสรุปผลออกมาเป็นรายงานที่แม่นยำและมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปต่อยอดในส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ เช่น การทำตลาด หรือการวางแผนธุรกิจ ซึ่งหลัก ๆ อาชีพนี้จะทำหน้าที่ 2 ส่วนก็คือ การวิเคราะห์ผสานโมเดลการทำนายผล และวิเคราะห์เพื่อพัฒนากระบวนการทำงานให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งยังต้องคอยให้คำปรึกษาและการให้ข้อมูลที่แม่นยำแก่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายจัดการ หรือฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะได้นำไปต่อยอดในการกระตุ้นยอดขาย หรือสร้างแคมเปญโปรโมตสินค้าและบริการ ให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับเม็ดเงินที่ลงทุนไปมากที่สุด

ด้านทักษะที่ต้องมีติดตัวไว้ก็คือ Mathematics และ Statics, Machine Learning, Software Engineering, Data Analysis, Data Visualizations รวมไปถึงการเข้าใจด้านการดำเนินธุรกิจ เป็นต้น ส่วนการต่อยอดในอาชีพสามารถพัฒนาไปยังอาชีพ Data Engineer หรือ Programmer ก็ได้เช่นกัน

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 35,000-80,000 บาท/เดือน

 

5. Digital Marketing

เมื่อเราอยู่ในยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว จะเห็นได้ว่าเรื่องของการทำการตลาดก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วย จนกลายเป็นอาชีพ Digital Marketing ที่เทคโนโลยีเข้ามาบทบาทในการช่วยทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพได้มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นอาชีพนี้จึงถือเป็นอีกอาชีพมาแรงและเป็นอาชีพยอดฮิตติดเทรนด์ทั้งในปัจจุบันนี้และในอนาคตนั่นเอง

โดยผู้ที่ทำอาชีพนี้ จะต้องมีความรู้ด้าน Digital Marketing รวมไปถึงสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้นได้ เพื่อนำไปใช้ต่อยอดหรือโปรโมตธุรกิจให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น สื่อออนไลน์ และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย อีกทั้งยังต้องทำหน้าที่ในการคิดคอนเทนต์ คำโฆษณา หรือเนื้อหาต่าง ๆ ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้กลายมาเป็นกลุ่มลูกค้าของธุรกิจ รวมไปถึงการพัฒนาประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลต่าง ๆ ด้วย

ทักษะที่ต้องมี ได้แก่ Marketing Skill, Technical Skill, Creative Data Analytic Skill, Digital Presentation Skill, Content Creator Skill, E-Commerce, SEO/SEM, Graphic Designer รวมไปถึงความรู้ในการใช้ Tools หรือเครื่องมือออนไลน์ต่าง ๆ เพื่อโปรโมตและดึงข้อมูลด้านการตลาดออนไลน์ ฯลฯ

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 30,000-80,000 บาท/เดือน

 

6. Digital Marketing Analyst

สำหรับอาชีพนี้อาจจะมีความคล้ายคลึงกับ Digital Marketing แต่จะแตกต่างกันตรงที่ Digital Marketing Analyst จะเป็นการผสมผสานระหว่าง Data Analyst และ Digital Marketing เข้าไว้ด้วยกัน โดยหน้าที่หลักก็คือ จะต้องหาข้อมูล Insight เกี่ยวกับตัวผู้บริโภคและลูกค้าของธุรกิจ รวมไปถึงการทำรีเสิร์ชเกี่ยวกับเทรนด์การตลาดในธุรกิจที่ดูแล จากนั้นก็นำข้อมูลตรงนั้นมาวิเคราะห์ ก่อนการทำการตลาดออนไลน์ เช่น การลงแอดโฆษณา, การทำ A/B Testing นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่เสนอแผนงานให้ฝ่าย Sales & Marketing หรือ ฝ่าย Business Development ของบริษัท เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น

ด้านทักษะที่ควรมี ได้แก่ Data Analytical Skill, Data Visualization, Marketing Skill, Communication Skill, Presentation Skill รวมไปถึงการใช้ ​Tools ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Digital Marketing

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 50,000-80,000 บาท/เดือน

 

7. Business Operations

สำหรับอาชีพ Business Operations คือ จะเน้นการสื่อสารและพัฒนาภายในองค์กรเป็นหลัก โดยจะทำหน้าที่ในการดูแลระบบการทำงานภายในองค์กร คอยจัดการขั้นตอนการทำงานต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด ซึ่งจะเป็นเริ่มต้นดูแลตั้งแต่ระดับทีม แผนก ไล่ยาวไปจนภาพใหญ่อย่างระดับองค์กร ทั้งนี้ก็เพื่อให้การทำงานต่าง ๆ ภายในบริษัทเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีระเบียบแบบแผน ป้องกันการเกิดปัญหาภายในองค์กรให้น้อยที่สุด เพราะหากภายในบริษัทมีระบบรากฐานที่ดี ก็จะช่วยให้ผลิตงานออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนถึงมือลูกค้านั่นเอง อาชีพ Business Operations จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพมาแรงและเป็นที่ต้องการในอนาคต

ผู้ที่อาชีพนี้จะต้องมีทักษะ ได้แก่ Business Development, Project Management, Communication Skill หรือ Presentation Skill ฯลฯ นอกจากนี้ยังสามารถต่อยอดด้านอาชีพไปเป็น Project Manager และ Business Development ได้

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 30,000-50,000 บาท/เดือน

 

8. Organization Development

แม้ AI กำลังจะเข้ามามีบทบาทในโลกการทำงานมากขึ้น แต่บอกเลยว่าเรื่องของการบริหารมนุษย์นั้น ยังไงมนุษย์ด้วยกันเองก็สามารถทำหน้าที่ได้ดีกว่า AI แน่นอน ดังนั้นสายงานด้าน Organization Development ยังไงก็ไม่มีทางตกเทรนด์ และเป็นอาชีพที่ต้องการในอนาคตต่อไป

โดยตำแหน่งนี้เปรียบเสมือนผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาองค์กร ซึ่งจะทำหน้าที่ในการดูและปรับปรุงองค์กรให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังต้องประเมินการทำงานของแต่ละแผนก เพื่อสร้างฟีดแบ็คให้แต่ละฝ่ายนำกลับไปพัฒนาตนเอง ต่อยอดให้องค์กรดำเนินงานได้อย่างไหลลื่นและมีประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ยังต้องทำหน้าที่ในการเพิ่มเติมความรู้ จัดหาคอร์สอบรมพิเศษให้แก่พนักงาน เพื่อพัฒนาทักษะของตนเองอีกด้วย

ทักษะที่จำเป็นต้องมี ได้แก่ Human Resources, Project Management, Communication Skill, Training Skill หรือ Business Development ฯลฯ

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 40,000-60,000 บาท/เดือน

 

9. Cybersecurity

ในยุคนี้นอกจากจะเจอการระบาดของโรคภัยแล้ว หลายคนยังต้องเผชิญกับการระบาดของมิจฉาชีพออนไลน์หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกด้วย ยิ่งโลกของเราพัฒนาไปไกล มิจฉาชีพก็ไม่หยุดพัฒนาตัวเองในการหลอกผู้เสียหายด้วยเช่นกัน

ดังนั้น อาชีพ Cybersecurity จึงถือเป็นอาชีพมาแรงทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างแท้จริง แถมยังขาดแคลนในตลาดแรงงานทั่วโลกในตอนนี้อีกด้วย เพราะแม้แต่คนทั่วไปยังมีมิจฉาชีพโทรศัพท์หรือส่ง SMS เข้ามาป่วนไม่เว้นแต่ละวัน เช่นเดียวกันกับองค์กรใหญ่ ที่ก็เจอกับเหล่ามิจฉาชีพในรูปแบบต่าง ๆ จนเกิดความเสียหาย อาชีพ Cybersecurity จึงเป็นที่ต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ

อาชีพด้าน Cybersecurity จะต้องคอยดูแลระบบความปลอดภัยด้านดิจิทัลให้แก่องค์กร ไม่ว่าจะเป็น ความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ ความปลอดภัยของเครือข่าย ความปลอดภัยด้านโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ ความปลอดภัยของโปรโตคอล ความปลอดภัยด้านรหัสหรือข้อมูล ฯลฯ เพื่อให้ข้อมูลบริษัทปลอดภัยจากเหล่ามิจฉาชีพมากที่สุด

โดยทักษะที่จำเป็นที่ต้องมี ได้แก่ ทักษะ Programming หรือ Coding ความรู้ด้านระบบอินเทอร์เน็ต วิศวกรคอมพิวเตอร์ ทักษะด้านซอฟแวร์และการใช้เครื่องมือ Cybersecurity ทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ฯลฯ

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 60,000-100,000/เดือน 

 

10. Content Creator

อาชีพนี้ก็คงมาแรงต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะเราจะสังเกตเห็นได้ว่าในปัจจุบันมี Content Creator ในช่องทางต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งคนที่หันมาทำอาชีพนี้กันอย่างจริงจัง หรือคนที่ทำเป็นอาชีพเสริม หากทำแล้วปัง สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด ก็สามารถหารายได้แบบเป็นกอบเป็นกำได้ไม่ยาก

หน้าที่หลัก ๆ ของอาชีพ Content Creator จะต้องถ่ายทอดเรื่องราวหรือสิ่งที่จะสื่อออกมาได้อย่างเป็นดี ทั้งในเรื่องของการเขียน การคิดแคปชันสำหรับ Content Writer การผลิตคอนเทนต์วิดีโอ ตลอดไปจนถึงการเรียนรู้ด้านการตลาดเบื้องต้น ต้องรู้ว่าเทรนด์ ณ ขณะนั้นเป็นอย่างไร ผู้บริโภคกำลังสนใจสิ่งไหนและต้องการอะไร ยิ่งหากใครที่ทำคอนเทนต์วิดีโอด้วยแล้ว อาจต้องอาศัยความกล้าแสดงออกเข้ามาผสม ในการรับบทเป็นพิธีกรหรือผู้ดำเนินรายการ มีการพูดที่ฉะฉาน สามารถสื่อสารได้อย่างเข้าใจชัดเจนและให้ผู้ชมคล้อยตามมากที่สุด

ทักษะหลัก ๆ ที่จำเป็นต้องมี ได้แก่ Writing Skill, Copywriting Skill, การพูด, การดำเนินรายการ, การทำกราฟิก, การตัดต่อวิดีโอ, Motion Effect, Marketing Skill, Communication Skill ฯลน โดยสามารถต่อยอดอาชีพไปเป็น Content Manager, Content Marketing หรือ Creative Director ได้

ฐานเงินเดือนโดยประมาณ : 25,000-50,000 บาท/เดือน

 

ทักษะที่แรงงานจำเป็นต้องมีรองรับภาคธุรกิจ

ฉะนั้น การเตรียมกำลังแรงงานเพื่อเข้าสู่ตลาดงานยังต้องคำนึงถึงการสร้างภูมิคุ้มกัน ให้แรงงานมีทักษะและความรู้ที่หลากหลาย ยืดหยุ่น สามารถปรับตัวรองรับความต้องการของตลาดงานที่ถูกกระทบด้วยภาวะวิกฤติต่าง ๆ ได้

โดยทักษะที่จะมีความจำเป็นและเป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจ เช่น ทักษะการคิดวิเคราะห์ แก้ปัญหาและสร้างความเข้าใจ เพื่อมาเสริมการใช้ปัญญาประดิษฐ์และระบบอัตโนมัติ, ทักษะด้านดิจิทัล การใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อรองรับการทำธุรกิจออนไลน์, ทักษะการใช้ซอฟต์แวร์ประชุมและการนำเสนองานผ่านออนไลน์ การใช้คลาวด์ เพื่อรองรับการทำงานจากที่บ้าน

ขณะที่ ทักษะ soft skill อื่นๆ ที่จำเป็นต่อการทำงาน เช่น ความสามารถในการยืดหยุ่นและการปรับตัว ความคิดสร้างสรรค์ การคิดเชิงนวัตกรรม และยังมีทักษะที่สำคัญแห่งโลกอนาคตอื่น ๆ ได้แก่ การสร้างความเข้าใจในเชิงลึก ความฉลาดในการเข้าสังคม ความคิดแปลกใหม่และการประยุกต์ใช้ การทำงานกับคนต่างวัฒนธรรมที่หลากหลายได้ ความคิดเชิงประมวลผลหรือเชิงระบบ

ความเข้าใจและตามทันโลกยุคสื่อดิจิทัล ความสามารถในการคิดออกแบบสร้างสรรค์งาน การจัดการบริหารการรับรู้ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น

 

 

อ้างอิง:jobsdb