'สุชาติ ชมกลิ่น' ตอบประเด็น ประกันสังคม ลงทุนซื้อตึก 7,000 ล้าน

จากกรณี น.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมแถลงข่าว “แฉเสียดฟ้า กองทุนประกันสังคมจงใจลงทุนผิดพลาด เพื่อเอื้อผลประโยชน์พวกพ้องหรือไม่” โดยมีการตั้งข้อสังเกตในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ ย่านพระราม 9 ระบุว่าประกันสังคมซื้อมาในราคาประมาณ 7,000 ล้านบาท ในขณะที่ราคาประเมินอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท และมีการตั้งคำถามว่าเอื้อประโยชน์ใครหรือไม่นั้น โดย นายสหัสวัต ระบุว่า ผู้ที่เป็นเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ในขณะนั้น คือ บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปัจจุบันเป็นปลัดกระทรวงแรงงาน และนายสุชาติ ชมกลิ่น เป็นรมว.แรงงาน ในช่วงนั้น

เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ และอดีต รมว.แรงงาน ชี้แจงว่า ตามพ.ร.บ.ประกันสังคม รัฐมนตรีไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวแม้กระทั่งรับรู้ ไม่มีสิทธิไปแต่งตั้งบอร์ดต่างๆ จนเมื่อเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม พิจารณาเสร็จแล้ว ตนถึงจะมีสิทธิลงนามแต่งตั้งเท่านั้น  และไม่มีหน้าห้องนั่งอนุกรรมการลงทุน ส่วนที่บอกว่า มีคณะที่ปรึกษาไปนั่งนั้น ตนตั้งสหภาพแรงงานเป็นที่ปรึกษาเป็นร้อยคน ซึ่งคนที่ไปนั่งตรงนั้น เป็นบอร์ดก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งเป็นสิบปี เป็นบอร์ดมาตั้งไม่รู้กี่รอบแล้วแบบนี้จะเกี่ยวอะไรกับตน

3,000 ล้านประเมินสมัยต้มยำกุ้ง

ประเด็นที่บอกว่าราคาประเมินอาคาร 3,000 ล้านบาท แล้วประกันสังคมไปซื้อในราคา 7,000 ล้านบาท นายสุชาติ กล่าวว่า  จาการสอบถามคนที่เกี่ยวของ ราคาประเมิน 3,000 ล้านบาท เป็นราคาประเมินตอนวิกฤติต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 แล้วคนที่ซื้อมาลงทุน มีการรีโนเวทอย่างไร ตนไม่รู้เรื่อง เนื่องจากการซื้อขายนั้นจะใช้การประเมินโดยบริษัทที่มีใบอนุญาตจากตลาดหลักทรัพย์เป็นผู้ประเมินรายได้ที่จะเข้ามา ซึ่งตนก็ไม่ทราบเพราะตนไม่ได้อยู่ในบอร์ด  ส่วนว่าทำไมไปซื้อผ่านกองทุนทรัสต์ ก็เนื่องจากว่าสำนักงานประกันสังคมไม่มีเจ้าหน้าที่ ที่รู้เรื่องการบริหารการตลาด จึงต้องบริหารผ่านกองทุนทรัสต์

รายได้มีกำไรเป็นบวกหมดแล้ว

นายสุชาติ กล่าวด้วยว่า จากที่ได้สอบถามเมื่อวันที่ 10 มี.ค.2568 ถึงการเช่าที่ได้รับคำตอบว่า เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 60%  และมีการเช่าอยู่ 50%  ส่วนทำไมถึงขาดทุน ก็เหมือนเรามีอพาร์ตเมนต์ ให้คนเช่าฟรีก่อน 2 – 3 เดือนแรก เป็นการทำการตลาดที่ช่วงแรกมีคนเช่าน้อย แต่ตอนนี้รายได้ที่เข้ามามันมีกำไรเป็นบวกหมดแล้ว ซึ่งประกันสังคมลงทุน เพื่อเอาผลตอบแทนรายปีที่มากกว่าการฝากธนาคารที่ได้ดอกเบี้ย 50 สตางค์ต่อปี แต่เอามาลงทุนตรงนี้ได้ผลตอบแทน 3-5% ต่อปี เพื่อเอาเงินมาเสริมสิทธิประโยชน์ผู้ประกันตนด้านต่างๆ ซึ่งประกันสังคมมีกรอบการลงทุน  

“อสังหาริมทรัพย์ที่เขาไปลงทุน ซื้อตึกตรงนั้นตรงนี้ ถามว่าค่าก่อสร้างขึ้นทุกปีไหม อนาคตจะซื้อราคานี้ได้ไหม แล้วอีก 10 ปี ตึกราคาขึ้นไปเป็น 12,000 ล้านบาท ถามว่าได้กำไรทั้งตึก ทั้งผลตอบแทนไหม ส่วนคนพูดไม่ใช่นักลงทุน ไม่มีความรู้ แล้วก็ไม่รู้ว่ามาเกี่ยวโยงกับผมอย่างไร หรือเป็นเพราะเหตุผลทางการเมืองที่ผมต้องแข่งขันกับ นายสหัสวัต ที่จังหวัดชลบุรีหรือเปล่า” นายสุชาติ กล่าว

ไม่รู้จักเจ้าของตึก

ประเด็นเจ้าของอาคารอาจจะมีความใกล้ชิดกับนักการเมือง นายสุชาติ กล่าวว่า  ไม่ทราบใครเป็นเจ้าของ เพราะการซื้อตึก ซื้ออะไร รัฐมนตรีรู้ไม่ได้ ถ้ารู้ก็จะมีปัญหาผิดกฎหมาย และตนก็ไม่ได้อยู่ในบอร์ด  โดยตนรู้แค่ เขาลงทุนไปแล้ว ผลตอบแทนได้เท่าไร ถูกต้องตามพ.ร.บ.ประกันสังคมหรือไม่

บริษัทประเมินราคาตึก 7,000 ล้าน

ประเด็นที่มีการทุ่มซื้อตึกนี้แห่งเดียว  นายสุชาติ กล่าวว่า จากการสอบถามจะมีการลงทุนในประเทศ และนอกประเทศ เช่น หากมีการลงทุนตึกที่สิงคโปร์ มีคนเช่า 100% ก็กำไรมหาศาล แต่วันนั้นที่เขาไปลงทุนสิงคโปร์ เพราะวันนั้นเงินบาทแข็ง พอเงินบาทอ่อน กำไรก็เหลือ 20 – 30% นี่คือวิธีการคิดของนักลงทุน ซึ่งมีการลงทุนนอกประเทศหลายหมื่นล้านบาท เป็นแสนล้านบาท ส่วนการลงทุนในประเทศเป็นการประกันความเสี่ยง ทั้งเงินฝาก ลงทุนหุ้น SET 50 SET 100 ลงทุนสินทรัพย์ในประเทศ นอกประเทศ ผ่านกองทุน

“บริษัทที่ประเมินราคาตึกนี้ ต่างประเมิน 7,000-8,000 ล้านบาท และจากที่ตรวจสอบเมื่อเดือนธ.ค.2567 ประเมินสูงขึ้น เพราะราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นไปอีก จึงขอถามกลับคำหนึ่งว่า ตึกที่ซื้อนี้เป็นทรัพย์สินของประกันสังคม ที่ดินขึ้นราคาทุกวันไหม แล้วยังเป็นที่เช่าด้วย วันหนึ่งราคาขึ้นขายได้กำไรมหาศาล แถมได้ค่าเช่าด้วย แบบนี้ไม่ถือว่าคุ้มหรือ แล้วคุณมาบอกว่าคืนทุน 30 ปี แล้วไม่คิดหรือว่า ในอีก 30 ปี ตึกนี้ราคาจาก 7,000 ล้านบาท จะขึ้นเป็น 20,000 ล้านบาท”นายสุชาติกล่าว  

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์