เปลี่ยนสูตร 'บำนาญชราภาพ ประกันสังคม' บอร์ดเห็นชอบ มีผล 1 ม.ค.69

บอร์ดประกันสังคมเห็นชอบ เปลี่ยนสูตรคำนวณ ‘บำนาญชราภาพ’ ใช้รายได้เฉลี่ยตลอดการทำงาน ผู้ประกันตน ม.39 ได้เพิ่ม - ม.33 บางส่วนลดแต่ชดเชยได้เท่าเดิม มีผล 1 ม.ค.2569
KEY
POINTS
- บอร์ดประกันสังคมเห็นชอบ เปลี่ยนสูตรคำนวณ ‘บำนาญชราภาพ’ เรียก ‘CARE’ ใช้รายได้เฉลี่ยตลอดการทำงานแทน 60 เดือนสุดท้าย
- เดินหน้ากระบวนการประชาพิจารณ์สูตรใหม่คำนวณ ‘บำนาญชราภาพ ประกันสังคม’ แล้วเสร็จใน 90 วัน คาด
จากที่ “กรุงเทพธุรกิจ” เปิดประเด็นเรื่อง “ชงแผน เพิ่มสิทธิประโยชน์ ปี 2568 ปรับสูตรใหม่ บำนาญผู้ประกันตน” ตั้งแต่เมื่อ 13 ก.พ.2568 รวมถึง มีการติดตามเรื่อง บำนาญชราภาพ ประกันสังคม มาอย่างต่อเนื่อง จนมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการประกันสังคม(บอร์ดประกันสังคม) เมื่อ 25 ก.พ.2568 แต่มีการตีกลับออกมา เพื่อขอทำความเข้าใจสูตรคำนวณใหม่ก่อน ล่าสุด บอร์ดได้เห็นชอบให้เปลี่ยนสูตรคำนวณใหม่เป็นแบบ CARE แล้ว
เห็นชอบเปลี่ยนสูตรบำนาญชราภาพ
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 11 มี.ค.2568 ที่สำนักงานประกันสังคม จ.นนทบุรี นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการ สำนักงานประกันสังคม(สปส.) แถลงภายหลังการประชุมบอร์ดประกันสังคมว่า บอร์ดประกันสังคมที่นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน เป็นประธาน มีมติเป็นเอกฉันท์เห็นชอบในหลักการปรับสูตรบำนาญชราภาพ ผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 ทั้งนี้ ให้ สปส.กลับไปพิจารณาดำเนินการในรายละเอียดให้มีความละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้น และดำเนินกระบวนการประชาพิจารณ์แล้วเสร็จใน 90 วัน
นางมารศรี กล่าวด้วยว่า ในที่ประชุมบอร์ดประกันสังคมมีการหารือร่วมกันในเรื่องการดำเนินการเรื่องปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพ จะมีการดำเนินการควบคู่กับการปรับเพดานค่าจ้างเงินสมทบแบบขั้นบันได ที่จะเริ่มปรับในวันที่ 1 ม.ค.2569 จะเป็นกระบวนการที่สอดรับกันพอดี ก็คาดว่าจะมีผลบังคับใช้สูตรคำนวณบำนาญชราภาพใหม่ ในวันที่ 1 ม.ค.2569
คนได้ลดลงจะให้ได้เท่าเดิม
“สูตรที่จะมีการใช้ใหม่ก็คือ ที่เรียกว่า แคร์(CARE) ซึ่งสำนักงานประกันสังคมไม่ได้นิ่งนอนใจเรื่องนี้ ได้มีการศึกษาเริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 และได้มาสำเร็จ และเห็นรูปธรรมชัดเจนในวันนี้” นางมารศรี กล่าว
นางมารศรี กล่าวเพิ่มเติมในรายละเอียดว่า คนที่รับบำนาญชราภาพ หากมีการใช้สูตรใหม่แล้วได้รับบำนาญลดลง ก็จะให้ได้เท่าเดิม แต่ถ้าได้รับเพิ่มขึ้นก็จะได้รับเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นธรรมมากที่สุด ซึ่งปัจจุบัน มีผู้รับบำนาญชราภาพอยู่ที่ 8 แสนคน และค่อยๆ ทยอยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 1 แสนคน ก็จะได้รับความเป็นธรรมกับสูตรใหม่นี้ทั้งผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39
กรณีที่จะต้องใช้เงินกองทุนประกันสังคมจ่ายเงินบำนาญชราภาพมากขึ้น นางมารศรี ยืนยันว่า ดูรายละเอียดแล้ว ไม่กระทบกับเสถียรภาพ และความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคม
นายธนพงษ์ เชื้อเมืองพาน ประธานอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ กล่าวว่า การปรับสูตรใหม่จะเป็นธรรมกับผู้ประกันตนที่อยู่ในมาตรา 39 ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 หลายคนก็จะได้สิทธิประโยชน์เงินบำนาญชราภาพเพิ่มเติมจากการปรับสูตรใหม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เป็นการเพิ่มบำนาญชราภาพ แต่ปรับเพื่อความเป็นธรรมของทุกๆฝ่าย ที่จะได้รับเงินบำนาญชราภาพในอนาคต เนื่องจากมองว่าสูตรแบบเดิมที่ใช้มา 30 กว่าปี มีความเหลื่อมล้ำหลายด้าน
ทำประชาพิจารณ์ 90 วัน
“สูตรใหม่นี้จะทำให้หลายๆ คนที่มีผลกระทบในเรื่องสูตรบำนาญชราภาพในอดีตที่ไม่ได้แปลว่าไม่ดี แต่อาจเหมาะสมในอดีต แต่ปัจจุบันยุคเปลี่ยนผ่าน หลายๆ ด้าน ก็ต้องปรับให้เข้าทันกับยุคสมัย และหวังว่าสูตรบำนาญใหม่ จะเป็นธรรมกับทุกฝ่ายในอนาคต” นายธนพงษ์ กล่าว
ขณะที่ รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน บอร์ดประกันสังคม กล่าวว่า เป็นข่าวดีของผู้ประกันตน และนายจ้างที่จะสามารถเพิ่มสวัสดิการให้ผู้ประกันตนได้อย่างเป็นธรรม เนื่องจากการปรับสูตรบำนาญชราภาพใหม่ จะเป็นการปรับเฉลี่ยรายได้ตลอดอายุ โดยกระบวนการต่อจากนี้จะเข้าสู่การทำประชาพิจารณ์ เพื่อแก้ไขกฎหมายเป็นระยะเวลา 90 วัน ถือว่าสามารถเดินตามก้าวที่วางไว้ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกันตนโดยเฉพาะมาตรา 39 และมาตรา 33 ส่วนหนึ่งที่สูญเสียเงินค่าจ้างไปในช่วงท้ายของการจ่ายเงินสมทบ
3 แสนคนได้เพิ่มกว่า 2,000 บาท
“บอร์ด สปส.มีมติสำคัญคือ รับหลักการสูตรบำนาญค่าเฉลี่ยทั้งชีวิตของผู้ประกันตน โดยปรับตามอัตราค่าเงิน จะทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 39 กว่า 3 แสนคน มีเงินบำนาญเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 พันบาท นี่คือ ความเป็นธรรมที่จะเกิดขึ้น เป็นวันที่เราสามารถฉลองได้ แต่ยังไม่จบแค่นี้ การต่อสู้ของกลุ่มประกันสังคมก้าวหน้าเพื่อผลักดันความเป็นธรรมให้เดินหน้าต่อไปในช่วงเวลาที่เหลือประมาณ 1 ปี” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว
หวังแก้กฎหมายเสร็จในมิ.ย.68
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตามความเห็นของฝ่ายวิจัยในการเปลี่ยนมาใช้สูตรแคร์ สามารถทำได้ก่อนการปรับเพดานค่าจ้าง เงินสมทบ ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะฉะนั้น การทำประชาพิจารณ์ใน 30 วันนี้ เมื่อผลแล้วเสร็จก็เข้าสู่การพิจารณาของอนุกรรมการสิทธิประโยชน์ และนำเข้าบอร์ดประกันสังคม คาดว่าภายในเดือนพ.ค.2568 ผลการประชาพิจารณ์จะนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดอีกครั้ง เพื่อเห็นชอบครั้งสุดท้ายก่อนเดินหน้าเข้าสู่การแก้ไขกฎกระทรวงในเรื่องนี้ หวังว่าแก้ไขกฎหมายจะแล้วเสร็จภายในเดือนมิ.ย.2568
ไม่มีผลย้อนหลัง แต่รับอัตราใหม่เดือนถัดไป
“แม้ว่าคนที่เกษียณไปแล้ว สูตรแคร์จะทำให้ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมในการคำนวณบำนาญเช่น อีก 5 ปีข้างหน้า เงินเพดานค่าจ้าง 20,000 บาท แต่เคยได้เงินค่าจ้าง 10,000 บาท ก็จะไม่ถูกบล็อกที่รายได้ 15,000 บาท แม้ว่าจะเกษียณไปแล้ว มีการคำนวณให้ใหม่ก็จะได้ฐานเงินเดือนที่ปรับเพิ่ม อย่างไรก็ตาม การที่จะทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญชราภาพเยอะที่สุดจะต้องดำเนินการควบคู่กันทั้งปรับเพดานค่าจ้างจ่ายเงินสมทบ และเปลี่ยนสูตรคำนวณบำนาญ จะทำให้เกิดความสมบูรณ์ที่สุด แต่การบังคับใช้สูตรแคร์จริงๆก็ไม่ได้จำเป็นต้องผูกกับการปรับเพดานค่าจ้าง” รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าว
รศ.ดร.ษัษฐรัมย์ กล่าวด้วยว่า ตามข้อเสนอไม่ได้จ่ายย้อนหลัง แต่จะมีการจ่ายชดเชยให้ เช่น ตอนนี้อายุ 65 ปี รับเงินบำนาญชราภาพ 1,500 บาท มาเป็นเวลา 5 ปี ถ้าปรับเป็นสูตร CARE แล้วได้มากขึ้นเป็น 4,500 บาท เดือนถัดไปหลังจากมีกฎหมายออกมาแล้วก็สามารถรับที่ 4,500 บาทได้เลย แต่ไม่ได้มีผลย้อนหลังให้กับงวดบำนาญที่ผ่านมา
ขอให้ผู้ประกันตนร่วมแสดงความเห็น
ดร.มนตรี ฐิรโฆไท กรรมการผู้แทนฝ่ายนายจ้าง บอร์ดประกันสังคม กล่าวว่า ขออภัยพี่น้องผู้ประกันตนที่ต้องรอคอยเรื่องนี้ถึง 2 สัปดาห์ แต่เชื่อว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดกระแสที่ผู้ประกันตนหันมาให้ความสนใจกับสิทธิประโยชน์ของตนเอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ฝ่ายนายจ้างอยากให้เกิดขึ้น เพราะเงินสมทบฝ่ายนายจ้าง ฝ่ายรัฐและฝ่ายผู้ประกันตน เป็นเงินของผู้ประกันตนซึ่งต้องได้รับการดูแล
“วันนี้เกือบ 3 ชั่วโมง ได้พิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ หลังจากที่นักคณิตศาสตร์ประกันภัย กลับไปพิสูจน์เพิ่มเติมให้ละเอียดขึ้น เกิดความเป็นธรรมมากขึ้น และลงไปในทุกๆ กลุ่ม เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นกับผู้ประกันตนที่จะได้เงินบำนาญชราภาพปรับเพิ่มขึ้น ลดลงหรือเท่าเดิมเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นอีก 90 วันข้างหน้าผู้ประกันตนควรให้ความสนใจกับการทำประชาพิจารณ์ และให้ความเห็นว่าสิ่งที่คิด นำเสนอไปนั้น เป็นธรรมถูกต้อง และมีแง่มุมใด ที่ผู้ประกันตนอยากให้เพิ่มเติม ซึ่งทั้ง 3 ฝ่ายจะทำงานเพื่อผู้ประกันตนอย่างแท้จริง” ดร.มนตรี กล่าว
ใครได้เพิ่ม-ใครได้ลด
สำหรับ สูตรบำนาญแบบ CARE (Career-Average Revalued Earnings) หรือ “เฉลี่ยตลอดการทำงาน ปรับเป็นค่าเงินปัจจุบัน” ได้ทำการศึกษา มาตั้งแต่ปี 2563 โดยร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อสร้างความเป็นธรรมด้านบำนาญให้แก่ผู้ประกันตนทุกกลุ่ม ตัวอย่างคำนวณ จากคนที่ส่งสมทบตั้งแต่ปี 2542 และเกษียณปี 2568
- กลุ่มผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่เคยส่งฐาน 15,000 (ตอนมาตรา 33) แล้วเปลี่ยนไปส่ง 4,800 บาทช่วง 6 ปีสุดท้าย บำนาญเพิ่มมาก (จาก ~1,750 เป็น ~4,789 บาท หรือ +173%)
- กลุ่มผู้ที่ส่งมาตรา 33 ไม่นานแล้วมาส่งมาตรา 39 นานๆ บำนาญเพิ่มขึ้น แต่ไม่มากเท่ากรณีแรก
- กลุ่มผู้ที่ส่งฐาน 15,000 บาทตลอด พอเพดานขยับเป็น 17,500 ในปี 2569 บำนาญขยับขึ้นจาก 5,700 เป็น 6,039 บาท (+6%) แต่ถ้าเกษียณหลังปรับเพดานค่าจ้างไปเกิน 60 เดือน สูตรใหม่จะได้น้อยกว่าเก่า (เพราะสูตรเก่าไม่นำช่วงเพดานเก่า 15,000 มาคิด จึงได้มากกว่าตามสัดส่วนการส่งจริง)
- กลุ่มค่าจ้างต่ำกว่า 15,000 บาท จะได้บำนาญใกล้เคียงสูตรเดิม
- และผู้ที่ค่าจ้างต่ำเกือบตลอด แต่ไปเร่งส่งสูง 15,000 ช่วง 5 ปีสุดท้าย บำนาญอาจลดลง เพราะสูตร CARE ป้องกันไม่ให้เอาเปรียบระบบโดยจ่ายสูงเฉพาะโค้งสุดท้าย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์