สปสช. ชวน คลินิก กทม. เข้าร่วม "บัตรทอง" จ่ายค่ารักษากว่า 4,000 รายการ
สปสช. เปิดรับสมัครคลินิกเวชกรรมเป็น “หน่วยบริการ” ใน "กองทุนบัตรทอง" รองรับประชาชนในพื้นที่ กทม. กรณีเจ็บป่วยเล็กน้อยเข้าถึงบริการเพิ่มขึ้น - ลดภาระค่าใช้จ่าย พร้อมจ่ายค่าบริการแบบ Fee schedule กว่า 4,000 รายการ
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากการประเมินพบว่าหน่วยบริการ (สถานพยาบาล) ที่จะรองรับประชาชนในบางพื้นที่ยังไม่เพียงพอ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร (กทม.) สปสช. จึงมีนโยบายเพิ่มคลินิกเวชกรรมเข้ามาเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรมใน กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) เข้ามารองรับประชาชนที่เกิดเจ็บป่วยเล็กน้อยในบริการแบบผู้ป่วยนอกโดยไม่ต้องใช้ใบส่งตัว ในรูปแบบระบบบริการปฐมภูมิโมเดล 5 คือ ผู้ใช้สิทธิบัตรทองใน กทม. สามารถไปรับบริการในหน่วยบริการซึ่งในที่นี้คือ คลินิกเวชกรรมที่สมัครเข้าร่วมบริการในเครือข่าย สปสช. ที่ไหนก็ได้ โดยเบิกจ่ายตามรายการบริการ หรือ fee schedule กว่า 4,000 รายการ
สำหรับคลินิกเวชกรรมในกลุ่มนี้ อาจจะเป็นคลินิกที่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ เช่น เปิดให้บริการแค่ช่วงเย็นเท่านั้น เนื่องจากแพทย์ที่ให้บริการอาจจะติดงานที่โรงพยาบาลในช่วงกลางวัน หรือเป็นคลินิกที่ ตรวจแล็บได้ไม่ครบ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมา คลินิกเวชกรรมในลักษณะนี้ สปสช. ไม่ได้นำเข้ามาในระบบ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ครบ เช่น ในคุณสมบัติระบุว่าต้องให้บริการวันละ 8 ชั่วโมง ฯลฯ ทำให้เสียโอกาส ฉะนั้นจึงคิดว่าจะเปิดให้คลินิกเวชกรรมเข้ามารองรับ เพื่อให้ความสะดวกแก่ประชาชนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เท่าที่เคยตรวจสอบกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) พบว่ามีคลินิกเวชกรรมประมาณ 5,000 แห่ง ทั่ว กทม. เข้าใจว่าส่วนหนึ่งเป็นคลินิกเสริมความงามก็จะเหลือประมาณกว่า 2,000 แห่งที่เป็น คลินิก ทั่วไป
ขณะเดียวกัน ตอนนี้ก็มีคลินิกชุมชนอบอุ่นประมาณ 200 แห่ง ซึ่งตั้งเป้าว่าถ้าได้ประมาณ 500 แห่งก็น่าจะเข้ามาช่วยแบ่งเบากรณีที่มีผู้ป่วยที่เข้ามารับบริการใกล้บ้านได้ โดยพยายามจะดูการกระจายตัว หรือความหนาแน่นในบางพื้นที่
“เชื่อว่าคลินิกฯ ที่มีอยู่เพียงพอ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาคลินิกฯ อาจจะไม่สนใจ และในอีกส่วนหนึ่งกติกาไม่เอื้อให้เข้ามาในระบบ ซึ่งเราก็จะมีการปรับกติกาให้เอื้อมากขึ้น” นพ.จเด็จ กล่าว
เกณฑ์ คลินิก เข้าร่วม สปสช.
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับเกณฑ์ในการเข้าร่วมกับ สปสช.ก็ไม่ยาก หากคลินิกเวชกรรมได้ขึ้นทะเบียนกับ สบส.แล้ว ก็สามารถสมัครเข้ามาได้ เพราะคลินิกเวชกรรมที่ถูกกฎหมายนั้นมี พ.ร.บ.สถานพยาบาลรองรับอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องระบบการจ่ายนั้นจะเป็นการจ่ายค่าบริการแบบรายการ หรือ Fee schedule ซึ่งเป็นการจ่ายเมื่อเกิดบริการที่ในขณะนี้มีอยู่ประมาณ 4,000 รายการในระบบ โดย สปสช.ได้ปรับปรุงระบบการบันทึกและจ่ายเงินที่เป็นปัจจุบัน (Real time) ในส่วนนี้จะมีโปรแกรมฟรีให้กับคลินิกด้วย รวมไปถึงมีระบบการพิสูจน์ตัวตน และมีระบบส่งข้อมูลรายการที่ให้บริการ ฉะนั้นการเบิกจะไม่เป็นอุปสรรคเหมือนในอดีต
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญคือ ประชาชนในกรณีที่เจ็บป่วยเล็กน้อยจะได้รับความสะดวกในการเข้ารับบริการที่หน่วยบริการใกล้บ้านมากขึ้น และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนได้เพราะไม่ต้องเดินทางไกล ซึ่งตรงนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการยกระดับบริการปฐมภูมิใน กทม. นอกเหนือจากรูปแบบใหม่ๆ ฉะนั้นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะด้านจะเป็นอีกหนึ่งส่วนที่เข้ามายกระดับบริการปฐมภูมิใน กทม. ซึ่งในอนาคตก็อาจจะมีการขยายไปที่หัวเมืองใหญ่ๆ ต่อไป
“ถ้าท่านเป็นคลินิกฯ ที่ไม่ครบกติกาของการเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ หรือหน่วยบริการประจำ ท่านอาจจะเปิดตอนเย็นบ้างช่วงหลังจากปฏิบัติราชการแล้ว เราก็เชิญชวนให้คลินิกฯ ในลักษณะนี้เข้ามาเป็นหน่วยบริการที่รับส่งต่อเฉพาะด้านเวชกรรม เพื่อให้บริการกับพี่น้องประชาชนที่อาจจะอยู่ใกล้บ้าน หรือสะดวกเดินทางมาที่ท่าน และท่านก็สามารถมาเรียกเก็บค่าใช้จ่ายกับ สปสช. ได้ ซึ่งตอนนี้เราพัฒนาระบบการจ่ายอย่างรวดเร็วแล้ว เชื่อว่าถ้าท่านตกลงในราคาที่เราจะจ่ายในลักษณะ Fee schedule หรือการจ่ายตามรายการ และราคาที่กำหนด ไม่เกิน 2-3 วันเราก็จ่ายเงินได้” นพ.จเด็จ กล่าว
ทั้งนี้คลินิกที่สนใจ ดูรายละเอียดการสมัครได้ที่เว็บไซต์ สปสช. หรือไปที่ลิงก์ คลิก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช. 1330 หรือช่องทางระบบออนไลน์ทั้งไลน์ สปสช. ไลน์ไอดี @nhso หรือ คลิก และ Facebook : สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์