“ฟ้าทะลายโจร"รักษาโควิด ยังได้ผลแม้สายพันธุ์เปลี่ยน
แม้สายพันธุ์โควิด-19 จะเปลี่ยนแปลงไป แต่ “ฟ้าทะลายโจร” ยังใช้รักษากลุ่มไม่มีอาการหรืออาการน้อยในระยะเริ่มต้นได้ ที่ผ่านมากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จ่ายยากว่า 1 ล้านราย ไร้ปัญหาสะท้อนกลับ ดันตลาดเติบโตขึ้น 3 เท่า มูลค่าราว 1,500 ล้านบาท
ช่วงที่โควิด-19ระบาดใหม่ๆซึ่งเป็นสายพันธุ์อู่ฮั่น ประเทศไทยได้มีการนำ “ฟ้าทะลายโจร”มาใช้รักษาในผู้ที่ติดเชื้อ กลุ่มไม่มีอาการหรืออาการน้อยในระยะเริ่มต้น และแม้ปัจจุบันไวรัสจะมีการกลายพันธุ์ไปมาก ฟ้าทะลายโจรยังใช้รักษาในกลุ่มดังกล่าวได้ผลเช่นเดิม และไม่มีผลข้างเคียงต่อตับ ไตหากใช้ติดต่อกันเกิน 5 วัน
นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันยาฟ้าทะลายโจรได้รับการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีข้อบ่งใช้ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง ซึ่งจากการศึกษาวิจัยที่ผ่านมากรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายได้ดำเนินการศึกษาผลของการรับประทานยาฟ้าทะลายโจรที่มีสารแอนโดรกราโฟไลด์ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน สามารถใช้รักษาผู้ป่วยโควิด-19ที่มีไม่มีอาการหรืออาการน้อยในระยะเริ่มต้นได้ โดยผ่าน 3 กลไกที่เกี่ยวข้องในการรักษาโควิด-19 คือ
1.การยับยั้งการเพิ่มจำนวนของไวรัส (ไม่ใช่ฆ่าเชื้อไวรัส)
2.ลดการอักเสบ ซึ่งมีผลในการลดอาการไข้ ลดอาการหวัด บรรเทาอาการ ไอ และเจ็บคอ
3. เพิ่มสารคุ้มกันบางชนิดในร่างกาย
กรณีที่เชื้อก่อโรคโควิด-19ที่มีการกลายพันธุ์ การใช้ฟ้าทะลายโจรในกลุ่มดังกล่าวยังได้ผลหรื่อไม่ นพ.ธงชัย อธิบายว่า ธรรมชาติไวรัสทุกตัวจะคล้ายกัน โดยเฉพาะไวรัสที่มีระยะฟักตัวสั้น การแบ่งตัวเร็ว โอกาสกลายพันธุ์ก็จะสูง เมื่อมีการกลายพันธุ์แล้ว กรณีของวัคซีนขึ้นกับว่าวัคซีนเป็นการสร้างแอนติบอดีต่อส่วนไหนของไวรัส หากเป็นส่วนที่เฉพาะเจาะจงมาก เช่น สไปก์โปรตีนแล้วไวรัสกลายพันธุ์ตรงจุดนั้น โอกาสที่วัคซีนไม่ได้ผลจะมีสูง
อย่างไรก็ตาม แม้เชื้อกลายพันธุ์แล้ววัคซีนอาจจะป้องกันติดเชื้อไม่ได้ แต่ไม่รุนแรง เพราะร่างกายมีภูมิต้านทานโดยรวมสามารถไปจัดการกับเชื้อได้ เมื่อติดเชื้ออาการก็ไม่รุนแรง จากการที่ร่างกายกระตุ้นภูมิต้านทานได้เร็วมาสู้
สำหรับฟ้าทะลายโจร หากยาไปยับยั้งที่สไปก์โปรตีนไม่ให้เชื้อโรคโควิด-19เข้าไปในเซลล์ จะดื้อยาและใช้ไม่ได้ แต่ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส ไม่ให้เพิ่มจำนวนมากขึ้น และลดการอักเสบในร่างกาย
เพราะฉะนั้น การอักเสบใดก็ตามที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อ ซึ่งไม่เฉพาะเจาะจงแต่เชื้อโรคโควิด-19เท่านั้น เป็นไวรัสตัวไหนก็ได้ ก็จะช่วยลดการอักเสบลง อาการต่างๆจะน้อยลง บวกกับภูมิต้านทานอาจจะดีขึ้นจากที่มีตัวยาเข้ามาเสริม ร่างกายก็สามารถจัดการเชื้อไวรัสไป
“การออกฤทธิ์ของฟ้าทะลายโจร แม้เชื้อจะกลายพันธุ์ฟ้าทะลายโจรก็ยังใช้ได้ผลกลับกันถ้าเป็นยาที่ออกฤทธิ์เฉพาะจุด อาจจะดื้อยาได้หากมีการกลายพันธุ์ในจุดนั้น ขึ้นกับว่ายานั้นมีความจำเพาะขนาดไหน ยิ่งมีความจำเพาะมาก ถ้าจุดจำเพาะนั้นกลายพันธุ์ไปยาตัวนั้นก็จะไม่ได้ผล”นพ.ธงชัยกล่าว
ตั้งแต่มีการระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย กรมได้จ่ายยาฟ้าทะลายโจร ให้แก่ภาคีเครือข่ายสาธารณสุข และประชาชนรวม 1,232,232 ราย หรือจำนวน 50,354,665 แคปซูล ซึ่งหากยามีปัญหาในการใช้ การให้ไปในจำนวนมากขนาดนี้จะต้องมีสิ่งสะท้อนมา แต่ยังไม่มีปัญหาสะท้อนกลับเข้ามาที่กรม
รวมถึง ผลข้างเคียงการใช้ฟ้าทะลายโจรส่งผลต่อตับ ต่อไต หากใช้ติดต่อกันเกิน 5 วันนั้น ยืนยันว่าไม่มีผลต่อตับต่อไตอย่างที่เป็นกังวลกัน โดยผลการวิจัยและรักษาของกรมการแพทย์แผนไทยฯ และสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ได้ทำการวิจัยยืนยันว่าการใช้ฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารสำคัญแอนโดรกราโฟไลด์ ในขนาด180 มิลลิกรัมต่อวันทั้งในรูปแบบกินครั้งเดียวและกินต่อเนื่องเป็นเวลา 7 วันตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) พบว่ามีความปลอดภัย และไม่พบความผิดปกติการทำงานของตับและไต
อย่างไรก็ตาม กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก มีข้อแนะนำในการใช้ฟ้าทะลายโจรกรณีโรคโควิด-19 ให้ได้สารแอนโดรกราโฟไลด์180 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน โดยในเด็กจะต้องพิจารณาปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัว ข้อควรระวัง คือ ไม่ควรใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตรและหากมีอาการแพ้หลังรับประทาน เช่น ผื่นขึ้น หายใจลำบาก หน้าบวม ริมฝีปากบวม ให้หยุดทันที และหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน ควรไปพบแพทย์
“ขอย้ำว่า หากเริ่มมีอาการของหวัด เริ่มมีไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก สามารถรับประทานฟ้าทะลายโจรได้เลย เพราะฟ้าทะลายโจรจะใช้ในผู้ที่มีอาการไม่รุนแรงในช่วงเริ่มต้น หากใช้แล้ว 3 วันไม่ดีขึ้น ให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยรักษา ฟ้าทะลายโจรไม่ได้ใช้ในผู้ที่มีอาการมาก ปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งกลุ่มอาการมากนี้จะต้องใช้ยาฆ่าเชื้อโดยตรงในการรักษา”นพ.ธงชัยกล่าว
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมา ฟ้าทะลายโจร ทำให้คนไทยมีการตื่นตัวในการใช้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพมากขึ้น เฉพาะฟ้าทะลายโจรนั้นมีการเติบโตของตลาดมากขึ้น 3 เท่า คิดเป็นมูลค่าราว 1,500 ล้านบาท
อนึ่ง กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมกับ บริษัทผู้ผลิตยาฟ้าทะลายโจร เตรียมส่งมอบฟ้าทะลายโจร 6,700 ชุด โดยดำเนินโครงการผ่านแอพพลิเคชัน “Fah First Aid” ให้แก่ประชาชนผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากการสัมผัสผู้ป่วย หรือจากการเดินทางช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งสามารถติดต่อผ่านช่องทาง Line Official Account “Fah First Aid” พร้อมให้บริการตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2565 - 31 ม.ค. 2566 เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน