สธ. ออก 6 มาตรการ ดูแลด้านสาธารณสุข สู้ฝุ่น PM2.5 จ.เชียงใหม่
สธ. ออกแถลงการณ์ 6 มาตรการดูแลด้านสาธารณสุข กรณีฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 มากกว่า 100 มคก./ลบม. เร่งสื่อสารประชาชน ดูแลกลุ่มเปราะบาง เปิดคลินิกมลพิษ จัดหน่วยเคลื่อนที่ ให้ความรู้การจัดทำ “มุ้งสู้ฝุ่น” คัดกรองความเสี่ยงมะเร็งปอด
จากปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน มีความเป็นห่วงสุขภาพของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
วันนี้ (8 เมษายน 2567) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกแถลงการณ์มาตรการดูแลด้านสาธารณสุข กรณีฝุ่น PM2.5 จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 มากกว่า 100 มคก./ลบม. ความว่า
กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินมาตรการดูแล ช่วยเหลือประชาชน ในจังหวัดเชียงใหม่ และ จังหวัดที่มีค่าฝุ่น PM2.5 มากกว่า 100 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร โดย
1.ให้ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีฝุ่น PM2.5 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์รายวัน เพื่อสื่อสารถึงประชาชนในการลดความเสี่ยงรับฝุ่น PM2.5 และออกให้ความช่วยเหลือในพื้นที่
2.ทำการสำรวจกลุ่มเปราะบางที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบสูง ประกอบด้วย กลุ่มเด็ก (0-5 ปี) หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย (โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังชนิดเฉียบพลัน โรคหอบหืด โรคหัวใจขาดเลือด และผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง) เพื่อติดตามเยี่ยมบ้าน ให้คำแนะนำและเฝ้าระวังผลกระทบทางสุขภาพ
3.เปิดคลินิกมลพิษ/คลินิกมลพิษออนไลน์ และจัดทำห้องปลอดฝุ่นในโรงพยาบาลทุกระดับ เพื่อให้ผู้ป่วยและ กลุ่มเปราะบางได้เข้าใช้บริการ ลดความเสี่ยงการรับสัมผัสฝุ่น โดยขณะนี้ในจังหวัดเชียงใหม่ มีห้องปลอดฝุ่นรวม 1,466 ห้อง (ภาครัฐ 1,408 ห้อง ภาคเอกชน 58 ห้อง) และยังมีห้องปลอดฝุ่นในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอีก 416 แห่ง
4.จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกดูแลสุขภาพประชาชนเชิงรุก ให้ความรู้และสนับสนุนหน้ากากอนามัยในการ ป้องกันตนเอง โดยพื้นที่เชียงใหม่แจกหน้ากากไปแล้ว 153,557 ชิ้น และทุกอำเภอยังได้เตรียมการสำรองเวชภัณฑ์ยา/ หน้ากากป้องกันฝุ่นสำหรับผู้ป่วย เพื่อพร้อมให้การสนับสนุนทันที
5.ถ่ายทอดความรู้การจัดทำ “มุ้งสู้ฝุ่น” ซึ่งเป็นนวัตกรรมช่วยเพิ่มพื้นที่ปลอดฝุ่นภายในบ้าน และประสานงาน อปท. ในการสนับสนุนมุ้งสู้ฝุ่นให้กับผู้ป่วยยากไร้ในทุกพื้นที่ โดยจังหวัดเชียงใหม่จะเร่งผลิตให้ได้ 300 หลัง ภายใน 2 สัปดาห์ ขณะที่จังหวัดในเขตสุขภาพที่ 1 และ 2 ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ จะเร่งผลิตเพิ่มเติมอีก 600 หลัง ภายใน 2 สัปดาห์นี้เช่นกัน
6.กระทรวงสาธารณสุข จะร่วมกับราชวิทยาลัยและสมาคมวิชาชีพเวชกรรม กำหนดแนวทางการตรวจ คัดกรองความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดให้กับประชาชนในพื้นที่ พร้อมนำกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษา มะเร็งปอดในระยะเริ่มแรกก่อนโรคจะลุกลามต่อไป