Next Gen “นำวิวัฒน์” – “มาสเตอร์ สไตล์” ผ่าแนวคิดขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่
“นำวิวัฒน์”รุกแผนนำนวัตกรรมสร้างเครื่องมือแพทย์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น บนมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศ พร้อมส่งออกยุโรป-อเมริกาที่ผลิตโดยคนไทย ขณะที่ “มาสเตอร์ สไตล์” เผยมีอีก 24 % ที่ไม่เคยทำความงามเลย ยังเห็นโอกาส มุ่งสู่มาสเตอร์ เวิลด์
เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2567 ที่โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ภายในงานINVESTMENT-FORUM 2024 เจาะขุมทรัพย์ลงทุน ยุคโลกเดือด จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ มีการบรรยายพิเศษ : ผ่าแนวคิด Next Gen ขับเคลื่อนธุรกิจยุคใหม่ โดยวิโรจน์ ชัยเทอดเกียรติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นำวิวัฒน์ เมดิคอล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ NAM กล่าวว่า วิกฤติโควิดที่ผ่านมา เปลี่ยนโครงสร้างระบบสาธารณสุขในประเทศและหลายประทศ รวมถึงเทคโนโลยีทางการแพทย์เปลี่ยนไปอย่างมาก โดยเครื่องมือแพทย์เปลี่ยนไปแบบไม่เคยมีมาก่อนในโลก ครอบคลุมไปไกลเกินกว่า 10 ปีที่จะมีการพัฒนาแล้ว
3 ปัจจัยเครื่องมือแพทย์เปลี่ยนไป
3 ปัจจัยหลักที่มีผล คือ 1.Life expectancy อายุขัยเฉลี่ยมากขึ้น การแพทย์ต้องเข้ามาตอบโจทย์เรื่องความเป็นสังคมสูงวัย ขณะเดียวกันคนเกิดน้อยลง ทำให้โครงสร้างความเป็นอยู่เปลี่ยนไป
2.Climate Change โรคที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โรคจากภาวะโลกร้อน ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนไป การแพทย์สมัยใหม่ต้องเข้ามาตอบโจทย์
และ3.IoMT Change หรืออินเตอร์เน็ตออฟเมดิคัลเทคโนโลยี เมื่อก่อนเครื่องมือแพทย์เป็นการใช้ส่วนตัว ปัจจุบันสามารถเครื่องมือแพทย์สามารถพูดคุยกันได้ bigdataที่สามารถดึงมาเพื่อวิเคราะห์ และรักษาให้เกิดความแม่นยำ ปลอดภัยและเร็วเรื่องการแพทย์ สิ่งที่ตามมา คือ เครื่องมือแพทย์จะเป็น personal life มากขึ้น
อย่างเช่น การผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งแพทย์ การผ่าตัดทางไกลโดยที่แพทย์ควบคุมอีกฝั่งของโลก หรือการผ่าตัดสมองไม่ต้องผ่าสมองใช้ระบบที่ขนาดเล็กมากแทรกเข้าในสมอง และเสร็จใน 30 นาที เดิม 5-6 ชั่วโมง หรือเทเลเมด วันนี้แพทย์อยู่ฝั่งนึงของโลกคนไข้อีกฝั่ง เครื่องมือแพทย์ทำหน้าที่ในการทรานเฟอร์ดาต้าขึ้นคลาวด์ แพทย์สามารถรู้สิ่งที่เกิดขึ้นของคนไข้ได้
มุ่งส่งออกยุโรป-อเมริกาที่ผลิตโดยคนไทย
การเติบโตของอุตสาหกรรมการแพทย์ทั้งโลก มีการคาดการณ์ 5.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในปี 2030 ปัจจุบันมีแค่ 2.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ แปลว่าในส่วนของซัพพลาย การลงทุนของภาครัฐ หน่วยงานของประเทศและดีมาน ที่เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งสุขภาพที่ดีขึ้น ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยใน 20 ปีที่ผ่านมา การเติบโตของการแพทย์ไทยเติบโตอย่างมาก เงินลงทุนซัพพลายของรัฐบาลลงมามาก เฉลี่ย 5 %
สะท้อนว่า อุตสาหกรรมการแพทย์เป็นอุตสาหกรรมที่มีภูมิคุ้มกันที่ดีมาก ไม่ว่าเศรษฐกิจแย่ แต่การลงทุนก็เพิ่ม เศรษฐกิจดีการลงทุนยิ่งเพิ่ม โดย NAMในฐานะผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเทศ ตลอด 54 ปี มีVisionของการเป็นผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์ในประเทศ ที่ต้องการนำนวัตกรรมใหม่มาสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของคนไข้ บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ให้บริการ โดยมีผลิตภัณฑ์อยู่ 320 เอสเคยูเป็นมาตรฐานเทียบเท่าต่างประเทศ พร้อมส่งออกยุโรปหรืออเมริกาที่ผลิตโดยคนไทย
NAMต้องการรีเชฟอุตสาหกรรมฯ
NAMต้องการรีเชฟอุตสาหกรรมทางการแพทย์ให้เติบโตตามเทรนด์โลก ตามนวัตกรรมใหม่ของโลก โดย 1.ต้องมีโรลโมเดล อย่ากลัว อย่าหาย เราอยากเป็นแบบไหน ต้องการเป็นอะไร ฉายให้ชัด ให้ทีมได้รู้ ถ้าวิชั่นเคลียร์ โฟกัส มีจุดหมายชัดเจน เมื่อภาพชัดจะตามมาด้วยกลยุทธ์ ไปสู่จุดที่ตั้งเป้าไว้ ซึ่งกลยุทธ์ที่NAMใช้และต้องการผลักดัน คือ การวิจัยพัฒนาชั้นสูง ตั้งใจเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือแพทย์ไทยร่วมกับกลุ่มพันธมิตร เพื่อให้ได้นวัตกรรมสามารถจดสิทธิบัตร โดยนำวิวัฒน์ ลงทุน 5 % ในการวิจัยและพัฒนา สร้างศูนย์วิจัยให้เกิดภาพวิจัยเชิงลึก ได้ผลผลิตออกมาตอบโจทย์การแพทย์สมัยใหม่ นำตั้งเป้าแต่ละปีจะต้องออกมาอีกตัว
2.การผลิต NAMเป็นจุดแข็ง ต้องการเป็นการผลิตที่แม่นยำ ตอบโจทย์การแพทย์สมัยใหม่
3.เอไอ เน้นและตั้งเป้าลงทุน ทำให้เครื่องมือแพทย์ของNAMสามารถคุยได้ เดินได้ ประมวลผลด้วยตัวเอง โดยคนไม่ต้องเข้าไปยุ่ง
และ4. Total Solution เป็นจุดแข็งของNAM มีทั้งการวิจัยพัฒนา การผลิต การค้า และบริการ อยู่ในลูปด้วยกันทั้งหมดเป็นอีโคซิสเท็ม
“นวัตกรรมดีๆของไทยไม่สามารถไปต่อได้ในทางการค้า เพระวิจัยพัฒนา การผลิต การค้าแยกส่วนคนละแห่ง เพราะฉะนั้น ต้องเป็นการคิดร่วมกันของทั้งหมดให้เกิดการร่วมมือกันสร้างอิโคซิสเท็ม สามารถขับเคลื่อนสิ่งที่ต้องการทำให้เกิดขึ้น เป็นคีย์ที่สำคัญ จะทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ใหม่ ผลิตในประเทศไทย เพื่อเติบโตไปในต่างประเทศไทย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อประเทศไทยดีขึ้น” วิโรจน์กล่าว
Be a batter Youที่มาสเตอร์
ขณะที่ ลภัสรดา เลิศภานุโรจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาสเตอร์ สไตล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เข้าตลาดมา 1 ปีกว่า โดยการจะเริ่มธุรกิจ จะต้องรู้ความเสี่ยงของธุรกิจนั้น ซึ่งในธุรกิจวงการศัลยกรรม ถ้ารอบตัวไม่มีคนที่อยากจะเสริมสวยทำความงาม หรือทำมากกว่ากลุ่มฉีด โบทอกซ์ ฟิลเลอร์ โดยของมาสเตอร์ พีซ เป็นบริการลงมีด ซึ่งเรื่องของแพทย์ถือเป็นความเสี่ยงมากที่สุด
ดังนั้น แพทย์ทุกคนมีสัญญาระยะยาวขั้นต่ำ 10 ปี เป็นจุดท่าไม้ตายที่เข้ามาแข่งขันมันยาก เพราะไปคลินิกความงาม จะมีแบบเฉพาะทาง แต่ถ้ามาที่มาสเตอร์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ใช้แนวคิด Be a batter You สวยในแบบของคุณ ไม่ได้copy ออกมาเป็นแบบโมเดล และสามารถพบแพทย์ได้ทุกวัน นี่คือ กลยุทธ์แรกตั้งแต่ตั้งธุรกิจที่มีแพทย์เพียง 1ท่าน จนปัจจุบันเฉพาะมาสเตอร์ มี 47 ท่านและทั้งเครือมี 142 ท่าน
เป้าหมายที่จะไปของมาสเตอร์
“อุตสาหกรรมความงามในไทย ปี 2023 มีถึง 64,000 ล้านบาท แต่จุดที่น่าสนใจ คือ มีอีก 24 % ที่ไม่เคยทำความงามเลย ยังเห็นโอกาสในนั้น และธุรกิจศัลยกรรมมีรีเคอร์ริ่งอินคัมด้วยการกลับมาทำศัลยกรรมในตำแหน่งใหม่ โดยของมาสเตอร์อยู่ที่ประมาณ 15 % และมีการเติบโตในกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2024 มีรายได้จากกลุ่มนี้ 24 % ซึ่งความงามบนใบหน้าจะเป็นหัตถการแรกๆที่คนเลือกทำศัลยกรรม เช่น จมูก ยกคิ้ว ดึงหน้า เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับบุคคล” ลภัสรดากล่าว
ทั้งนี้ 98 % ลูกค้ามาจากช่องทางโซเชียลทั้งหมด ทำให้ 1 ปีหลังเข้าตลาดหลักทรัพย์มีหลายธุรกิจเข้ามาร่วมด้วย เพราะเห็นถึงจุดแข็งเรื่องมาร์เก็ตติ้ง การยิงแอด ช่องทางเฟซบุ๊ก tiktok โดย The Largest plastic surgery & aesthetics business เป็นเป้าหมายที่มาสเตอร์จะขับเคลื่อนไป
อัตราการเติบโตก้าวกระโดด
มาสเตอร์ ไม่มีเวิร์คไลฟ์ บาลานซ์ แต่เวิร์คไลฟ์ อินติเกรชั่น สามารถทำงานติดต่อ 24 ชั่วโมง 7 วัน แต่เมื่อจะหยุดพัก จะไม่รู้สึกผิด เพราะทำอย่างเต็มที่ ส่งผลให้อัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด CAGR ตั้งแต่ปี 2020-2023 ส่วนของรายได้อยู่ที่ 33.55 % ส่วนกำไรอยู่ที่ 35.15 % โดยTop 5 หัตถการในมาสเตอร์ ได้แก่ Open Rhinoplasty สัดส่วนรายได้ 19.20 % ,Brow & Facelift 14.75 %,Breast 8.30% ,Liposuction 7.14% และFacial Contouring 7.10 %
หากจะถอดการบริหาร 3 ปรัชญาของมาสเตอร์ แบ่งเป็น MTP ประกอบด้วย 1.Movefast เชื่อว่าทุกคนพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 2.Trust and teamwork เมื่อคนใดเริ่มอ่อนกำลัง อีกคนจะต้องสามารถทดแทนได้ทันที และ3.Passion For Excellent ทุกคนเป็นเหมือนมดงานสามารถช่วยระดมทำงานได้และมีวินัย
สร้างมาสเตอร์ เวิลด์ ร่วมกับพาร์ทเนอร์
ปัจจุบันมี 15 พาร์ทเนอร์เป็นมาสเตอร์ เวิลด์ มีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างกัน อาทิ Cross Border อยู่ต่างจังหวัด จุดแข็งเดิมเป็นเรื่องของผิว ก็นำเรื่องของการศัลยกรรมไปเติม ส่วนของตลาดมีการปิดมาร์เก็ตแชร์ได้ที่ 50 % จากที่มี 3 ส่วนมาร่วมในกรุ๊ปของมาสเตอร์ ,ส่วนของตลาดผม ปิดได้ที่ 40 % , Cross Selling เรื่องตัดกระเพาะ นอกจากนี้ กำลังจะไปสู่การเป็นรพ.เฉพาะทาง จากที่ผู้ป่วยมีอัตราเกิดโรคซึมเศร้ามากขึ้น 2 เท่า สร้างเป็นรพ.เพื่อรักษาจะเห็นภายใน 1 ปีหลังจากนี้ และเชียงใหม่เนอสซิ่งโฮม รองรับคนไทยและต่างชาติที่มาใช้ชีวิต ทั้งแบบวิลล่า และเตียงจำนวน 150 เตียงสำหรับดูแลผู้สูงอายุ
“การบรรลุเป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ประเทศไทยอยู่ที่ 60 % อัตราการเติบโตในลูกค้าต่างชาติอยู่ที่ 24 % ในไตรมาสที่ผ่านมา โดยอินโดนีเซีย เพิ่ม 15 % YoY และจีนจาก 11 % เป็น 14 %แสดงว่านอกจากคนไทยยังมีส่วนของต่างชาติที่เพิ่มการเติบโตของมาสเตอร์ด้วย ” ลภัสรดากล่าว