ประชาชน ล่า 50,000 ชื่อ 'ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ'

ประชาชนเดินหน้าล่า 50,000 ชื่อ จุดยืน “ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ” นักวิชาการลั่นไม่ได้หาเสียงไว้ทำเลยไม่ได้ อัดไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม รัฐบาลต้องยกเลิก - ต้องให้ประชาชนตัดสินใจ
ภาคประชาสังคมโดยมูลนิธิรณรงค์หยุดพนันจัดแถลงข่าวประชาชนแถลงเดินหน้าล่า 50,000 ชื่อ “ไม่เอากาสิโน ต้องประชามติ” ให้ประชาชนตัดสินใจ มีนักวิชาการ ประชาชนสาขาอาชีพต่าง ๆ นิสิตนักศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครอง และสื่อมวลชนเข้าร่วมราวหนึ่งร้อยคน
รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล นักวิชาการทางเศรษฐศาสตร์ กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีประชามติมี 2 ประการ คือ
1.ในการเลือกตั้งปี 2566 ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคใดชูนโยบายกาสิโน หรือพนันออนไลน์ถูกกฎหมายในการหาเสียง
2. ตามพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญ กำหนดให้ทุกพรรคการเมืองจะต้องรายงานนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณต่อกกต. ซึ่งปรากฎว่าไม่มีพรรครายงานเรื่องนี้
ผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม
“การเห็นชอบให้มีกาสิโนและพนันออนไลน์ถูกกฎหมายจึงเป็นการแสดงถึงความไม่ซื่อสัตย์ต่อประชาชน ไม่เคารพเสียงของประชานที่เลือกท่านมา นโยบายนี้จึงผิดต่อหลักนิติรัฐนิติธรรม รัฐบาลต้องยกเลิกแม้ได้อนุมัติหลักการไปแล้วก็ตาม”รศ.ดร.ชิดตะวันกล่าว
รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลต้องการจะเดินหน้าต่อ นโยบายนี้เกี่ยวข้องกับอบายมุข ซึ่งสามารถก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องให้ประชาชนร่วมตัดสินใจ ถึงแม้การทำประชามติอาจต้องใช้งบประมาณมากกว่า 3,000 ล้านบาท แต่ก็คุ้มค่า เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นจากกาสิโนจะมีมากกว่าหลายเท่า
รวบรวม 50,000 ชื่อ ทำประชามติ
ด้านนายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน กล่าวว่า การขอทำประชามติโดยประชาชนเป็นสิ่งที่ทำได้ ตามพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ พ.ศ.2564 ให้สิทธิประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถรวบรวม 50,000 รายชื่อ เสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้จัดทำประชามติ เป็นการใช้สิทธิตามกฎหมายของประชาชนที่รัฐบาลจะปฏิเสธไม่ได้ หัวเรื่องการขอทำประชามติ คือ “ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่กับการเพิ่มแหล่งพนันในสังคมโดยนโยบายรัฐบาล” ซึ่งครอบคลุมทั้งกาสิโน พนันออนไลน์ หรืออื่น ๆ สุดแท้แต่ที่ผู้กำหนดนโยบายอาจมีความปรารถนาจะใช้อำนาจทางการเมืองผลักดันให้เกิดในอนาคต
เนื่องจากการจะเพิ่มแหล่งพนันโดยใช้นโยบายรัฐบาลเป็นเครื่องมือ ไม่ว่าจะโดยการบัญญัติกฎหมายฉบับใหม่ การแก้กฎหมายฉบับเดิม หรือการออกเป็นกฎหมายระดับรอง เป็นการย้อนแย้งในการแสดงบทบาทหน้าที่ของรัฐ เพราะรัฐพึงเป็นผู้ควบคุมการพนัน มากกว่าเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุนและกลับกลายเป็นผู้เพิ่มเติมอบายมุขในสังคมด้วยตนเอง ในทางกลับกันรัฐพึงคิดทำให้กฎหมายที่ควบคุมการพนันมีความแข็งแรง บนหลักการ ทำกฎหมายให้ใหญ่ จำกัดพนันให้เล็ก ซึ่งดูจะสวนทางกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังพยายามทำอยู่ในปัจจุบัน
คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเป็น 50,000 ชื่อเพื่อเสนอให้ครม.จัดทำประชามติ ขอเป็นเพียงผู้มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตเลือกตั้งเกินกว่า 90 วัน ไม่เป็นนักบวช ไม่เป็นผู้ต้องคดีผู้ต้องขัง ไม่เป็นผู้วิกลจริต
วิธีการมีส่วนร่วมเป็น 50,000 รายชื่อ ทำได้โดย 1. ดาวน์โหลดแบบฟอร์มการลงชื่อที่เว็บไซต์ของมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือจากภาคีเครือข่ายกว่า 200 องค์กรที่กระจายอยู่ในทุกจังหวัด
2.กรอกชื่อนามสกุล รหัสประจำตัว 13 หลัก และลงลายมือชื่อในแบบฟอร์ม ทั้งนี้ไม่สามารถกระทำทางออนไลน์ได้
3.เสร็จแล้วส่งไปรษณีย์มายังมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน หรือองค์กรเครือข่ายในจังหวัด
4.เมื่อได้รายชื่อได้ครบ 50,000 แล้วจึงนำส่งให้กกต.ตรวจสอบความถูกต้องภายใน 30 วัน จากนั้นกกต.จะส่งเรื่องต่อสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเสนอต่อครม.เพื่อกำหนดวันลงประชามติต่อไปปฏิบัติการครั้งนี้อาจมีเวลาไม่มาก
“ต้องการความร่วมมืออย่างยิ่งจากประชาชน เพื่อแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเสียงของประชาชนคือเสียงที่จะปฏิเสธไม่ได้ และปรารถนาเป็นอย่างยิ่งว่า เมื่อประชาชนขอใช้สิทธิ์ รัฐบาลต้องเคารพ และคงไม่มีการใช้อำนาจโดยมิชอบใด ๆ เพื่อสร้างอุปสรรคต่อการแสดงสิทธิ์ที่ประชาชนร้องขอในครั้งนี้” นายธนากรกล่าว
ประเทศนี้ไม่ใช่ของนักเมือง

ด้านนางณัฐฐารินทร์ เกษมสารพิพัฒน์ หรือ “เอ๋ ออกซิเจนคนจน” กล่าวว่า ประเทศนี้ไม่ใช่ประเทศของนักการเมือง ในการแถลงนโยบายหาเสียง ท่านไม่ได้พูดถึงการพนันถูกกฎหมาย ท่านไม่ได้ถามประชาชนว่า เราต้องการหรือไม่ ท่านอ้างว่าประชาพิจารณ์แล้ว ได้รับฟังจากคนสี่พันกว่าคนแล้ว ท่านทำอะไรทำเมื่อไร ชาวบ้าน ไม่รู้เรื่องนี้ และที่รัฐมนตรีท่านหนึ่งออกมาพูดว่า ไม่จำเป็นต้องจัดการรับฟังความเห็นประชาชนอีกแล้ว คำพูดของท่านนั้นเหยียบประชาชน เป็นนักการเมืองที่ไม่เห็นหัวประชาชน
เอ๋ ออกซิเจนคนจน กล่าวอีกว่า ขอเป็นเสียงให้กับประชาชนกลุ่มหนึ่งที่ไม่ต้องการเรื่องนี้ เราไม่ต้องการให้มอมเมาคนรุ่นลูก คนรุ่นพวกเราอาจจะอยู่อีกไม่นาน แต่ลูกหลานที่กำลังเติบโต อะไรจะเกิดขึ้นกับพวกเขา อาจจะเกิดการตีหัวพ่อ บีบคอแม่ ทำร้ายยายจากนโยบายนี้อยากบอกว่าประเทศไทยไม่ใช่ของนักการเมือง ประเทศไทยเป็นของประชาชน ถ้ารัฐบาลอยากให้มีก็ต้องให้พวกเรามีสิทธิเลือกเอง
“ประเทศไทยมีสิ่งดีๆ มากมายที่รัฐจะใช้ในการพัฒนาประเทศโดยไม่ต้องใช้กาสิโน ฉะนั้น เรื่องนี้ควรต้องมีประชามติให้ประชาชนตัดสินใจ หากเสียงประชามติที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนออกมามีน้อยกว่าฝ่ายที่เห็นด้วย เราก็จะยอมรับ” เอ๋ ออกซิเจนคนจนกล่าว