‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้ายในไทย?(1) ซีรีย์การุณยฆาต กระตุกความสนใจสังคม

‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้ายในไทย?(1) ซีรีย์การุณยฆาต กระตุกความสนใจสังคม

The story ‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบบรับความช่วยเหลือในไทย? (ตอนที่ 1) นิยาย ซีรีย์ การุณยฆาต กระตุกความสนใจเรื่องการดูแลผู้ป่วยประคับประคองและระยะสุดท้ายของคนในสังคมอย่างมาก ซึ่งนิยายมีจุดเริ่มจากคำผู้ป่วย ที่ว่า  “ถ้าการุณยฆาตทำได้ ขอทำให้ด้วย”

KEY

POINTS

  • ประเทศไทยกฎหมายไม่อนุญาตให้ “การุณยฆาต”ไม่ว่าจะกรณีใดๆ แต่กฎหมายตามมาตรา 12 พ.ร.บ.สุขภาพแห่

เมื่อไม่นานมานี้ ช่อง ONE 31 มีการนำเสนอซีรีย์วาย เรื่อง “การุณยฆาต” ส่งผลให้คนในสังคมสนใจประเด็น “การดูแลผู้ป่วยระยะประคับประคองและระยะสุดท้าย”ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก และเมื่อเร็วๆนี้ ร่วมกับ Peaceful Death ,สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร จัดสัมมนา เรื่อง “การุณยฆาตกับการสร้างเสริมสุขภาวะ ในระยะสุดท้ายของชีวิต”

”กรุงเทพธุรกิจ”จะนำเสนอประเด็นเรื่องนี้ The story ‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบบรับความช่วยเหลือในไทย? เป็น 3 ตอน เพื่อให้ภาพสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นของการดูแลผู้ป่วยผ่านนิยายและซีรีย์การุณยฆาต  รวมถึง ช่องว่างของระบบสุขภาพ และแนวทางที่จะมีการขับเคลื่อนให้การดูแลมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แต่มิได้หมายความว่าจะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนในเรื่อง “ยุติชีพ ผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบรับความช่วยเหลือในประเทศไทย”
The story ‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบบรับความช่วยเหลือในไทย? (ตอนที่ 1) นิยาย ซีรีย์ การุณยฆาต กระตุกความสนใจสังคม

‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้ายในไทย?(1) ซีรีย์การุณยฆาต กระตุกความสนใจสังคม
 

สปอยเรื่องย่อ การุณยฆาต

เรื่องย่อ การุณยฆาต Spare Me Your Mercy หมอกันต์เป็นแพทย์แบบประคับประคอง ทํางานอยู่ในโรงพยาบาลเวียงสา ที่มีทรัพยากรจํากัด จึงพบผู้ป่วยได้รับความทุกข์ทรมาน ผู้ป่วยบางราย ไม่ต้องการบรรเทาปวด ก็ตายสงบได้ ผู้ป่วยบางราย ได้รับการบรรเทาปวด ก็ตายสงบ ตามธรรมชาติได้ ผู้ป่วยบางราย แม้ได้รับการบรรเทาปวด ก็ยังคงทุกข์ทรมาน และร้องขอการยุติชีพจากหมอ
นอกจากนี้  ผู้ดูแลผู้ป่วยหลายราย ประสบความทุกข์และภาระจากการดูแล เสี่ยงที่จะลงมือทําร้ายผู้ป่วย

หมอกันต์มีความสนใจในการยุติชีพผู้ป่วยระยะท้ายด้วยแพทย์และเคยช่วยยุติชีพอาจารย์ของตนเองโดยความสมัครใจของผู้ป่วย แม้จะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอยู่ก็ตาม

ผู้กองทิวรู้จักหมอกันต์ในฐานะแพทย์ให้การดูแลแบบประคับประคอง และผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรมผู้ป่วยระยะสุดท้าย เนื่องจาก อ.เวียงสิงห์มีผู้ป่วยระยะท้ายเสียชีวิตจํานวนมากอย่างมีเงื่อนงำ ที่แขนของผู้ป่วย พบรอยฉีดยาและดูเสียชีวิตอย่างทรมาน

คำร้องขอของผู้ป่วย สู่นิยาย

ซีรีย์ การุณยฆาต มาจากวรรณกรรมที่ประพันธ์โดย พญ.อิสรีย์ ศิริวรรณกุลธร นามปากกา Sammon  คุณหมอแซม เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนว่า วันที่เรียนเฉพาะทางแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ได้วนไปดูแลผู้ป่วยที่หอผู้ป่วยประคับประคอง(Palliative Care) และได้อ่านหนังสือLivingWillที่คนไข้เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า “ถ้าการุณยฆาตทำได้ ขอทำให้ด้วย”

เกิดการตั้งคำถามกับตัวเองว่า “คนเรามีสิทธิร้องขอการุณยฆาตให้ตัวเองหรือไม่” จึงเขียนนิยาย ด้วยต้องการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่ต้องใช้สหวิชาชีพในการดูแลผู้ประคับประคองให้ได้รู้และเข้าใจมากขึ้น 

ซึ่งในฐานะแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวอาจจะทำความเข้าใจกับผู้ป่วยและญาติได้วันละ 3-4 ครอบครัว เมื่อเป็นนิยายก็สื่อสารได้กว้างขึ้นเป็นหลักหมื่นคน ส่วนซีรีย์สามารถส่งต่อสารไปได้เป็นล้านคน และนำไปสู่พลังของสังคมที่จะขับเคลื่อนพัฒนาต่อสู่นโยบายเรื่องการดูแลผู้ป่วยประคับประคอง  

เป้าหมายในตอนนี้จึงต้องการให้มีการพัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยประคับประคอง(Palliative Care)ให้ดีขึ้น จนเมื่อประเทศไทยมีระบบเรื่องนี้ดีแล้ว แต่คนไข้ยังรู้สึกทนทุกข์ทรมาน จึงค่อยมาคุยกันเรื่องการุณยฆาตอีกครั้ง 

“การที่ครอบครัวคุยเรื่องการเข้าสู่วาระสุดท้ายไว้ก่อนแล้ว เมื่อต้องเผชิญจริงทำให้สามารถทำได้ตรงตามความต้องการของคนไข้เพื่อคนไข้จริงๆ ทุกอย่างจะดำเนินการไปได้อย่างราบรื่นทั้งคนไข้ ญาติและแพทย์ไม่หนักใจ  แต่ถ้าครอบครัวไม่ได้มีการคุยและวางแผนร่วมกันไว้ก่อน ก็ไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วคนไข้ต้องการแบบไหน เพราะคนไข้สื่อสารไม่ได้แล้ว ก็จะยากมากในการวางแผนดูแล”พญ.อิสรีย์กล่าว 


ซีรีย์ สร้างแรงสั่นสะเทือนสังคม

ขณะที่ ศิริลักษณ์  ศรีสุคนธ์ ครีเอเตอร์&สคริปไรเตอร์ บอกว่า เลือกนิยายเรื่องนี้ จากการที่เปิดประเด็นสังคมใหม่ มีความแตกต่าง และนิยายนำเสนอน่าสนใจ   อีกทั้ง ตัวเองมีประสบการณ์ตรงจากที่พ่อแม่ป่วยระยะสุดท้ายจนเสียชีวิต แต่ไม่เคยได้รับการแจ้งว่ามีระบบดูแลผู้ป่วยประคับประคอง มารู้จักจากการได้อ่านนิยายเรื่องนี้ และต้องการให้คนอื่นๆรู้จักด้วย เพราะจะเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือผู้ป่วยและญาติได้มากจริงๆ โดยเลือกนำเสนอประเด็นนี้เป็นเส้นเรื่องสำคัญมากกว่านำเสนอคู่จิ้นหรือหักเหลี่ยมเฉือนคมแบบเดือดๆ

“หยิบนิยายเรื่องนี้มาทำเป็นซีรีย์ ด้วยความตั้งใจและต้องการที่จะให้ซีรีย์สื่อสารและสร้างแรงสั่นสะเทือนในสังคม เกี่ยวกับระบบการดูแลผู้ป่วยประคับประคองและระยะสุดท้ายให้มากที่สุด”ศิริลักษณ์กล่าว   


หลังจากที่ซีรีย์มาการออนแอร์ ก็ทำให้ผู้ชมหลายส่วนสะท้อนให้รับรู้ว่า เขาสามารถเริ่มเปิดประเด็นพูดคุยกับผู้สูงอายุที่บ้านในเรื่องวาระสุดท้ายของชีวิตได้จากซีรีย์เรื่องนี้ แม้เป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดแต่ต้องพูด และผู้สูงอายุบางท่านที่ได้ดูซีรีย์ก็มีแคปซีรีย์ในซีนที่คนทำLivingWill แล้วบอกลูกว่าต้องการแบบนี้ ซึ่งในฐานะคนทำซีรีย์ ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดแล้ว เป็นประโยชน์ สื่อสารได้ตรงประเด็น ทำให้เกิดการเทคแอคชั่น และให้คนมีทางเลือกของตัวเองในการจัดการวาระสุดท้ายของชีวิต 

 สิ่งที่ควรเตรียมการ เพราะทุกคนต้องเจอ

วรวิทย์ ขัตติยโยธิน ผู้กำกับ กล่าวว่า วาระสุดท้ายของชีวิต สักวันทุกคนจะต้องเจอ ซึ่งการนำเสนอเป็นซีรีย์ ทำให้คนทุกกลุ่มได้เห็นและเข้าใจเรื่องนี้ได้ ซึ่งหากคนไม่รู้เกี่ยวกับการดูแลประคับประคอง การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และไม่ได้มีการเตรียมพร้อมเรื่องใดๆไว้เลย ยามที่เผชิญจริงจะเป็นเรื่องยากมาก
ภายหลังซีรีย์การุณยฆาตจบลง สังคมเกิดความสนใจและตั้งคำถามเป็นวงกว้างเกี่ยวกับ ระบบสุขภาพควรมีมาตรการเพิ่มเติมอย่างไร ก่อนจะช่วยยุติชีพผู้ป่วยระยะสุดท้ายโดยความช่วยเหลือทางการแพทย์
ติดตามต่อ The story ‘ยุติชีพ’ผู้ป่วยระยะสุดท้าย แบบรับความช่วยเหลือในไทย?(ตอนที่ 2)  “ช่องว่างการดูแลแบบประคับประคองในระบบสุขภาพไทย”