ชนิด 'โรคมะเร็ง' ที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด

ชนิด 'โรคมะเร็ง' ที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด

4 กุมภาพันธ์วันมะเร็งโลก "โรคมะเร็ง" ชนิดที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด เช็กสิทธิความครอบคลุมคัดกรอง รักษาพยาบาลสิทธิบัตรทอง 30 บาท สิทธิประกันสังคม และ 6 ยุทธศาสตร์รับมือของไทย

KEY

POINTS

  • โรคมะเร็งในไทย แนวโน้มอุบัติการณ์การเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี รายงานผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ราววันละ 381 คน เ

4 กุมภาพันธ์ของทุกปี สมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล (Union for International Cancer Control, UICC) และองค์การอนามัยโลก (World Health Organization, WHO) กำหนดให้เป็น “วันมะเร็งโลก” หรือ "World Cancer Day" เพื่อให้ทั่วโลกร่วมตระหนักและให้ความสำคัญต่อการป้องกันและการเข้าถึงการรักษาโรคมะเร็ง

ชนิดโรคมะเร็งที่คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด 

โรคมะเร็งถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของหลายประเทศทั่วโลก จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก(WHO) ปี พ.ศ. 2565 รายงานว่าพบผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ประมาณ 19.9 ล้านคน และในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็ง ประมาณ 9.7 ล้านคน

"โรคมะเร็ง"ที่พบบ่อยในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งตับ ขณะที่ในเพศหญิง ได้แก่ มะเร็ง เต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งปอด มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งต่อมไทรอยด์
ชนิด \'โรคมะเร็ง\' ที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด

ในประเทศไทย โรคมะเร็งมีแนวโน้มอุบัติการณ์การเกิดโรคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี จากข้อมูลทะเบียนมะเร็งประเทศไทยปี พ.ศ. 2560 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ รายงานผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ 139,206 คน หรือวันละ 381 คน เป็นเพศชายจำนวน 67,061 คน และเพศหญิง 72,145 คน และเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 230 คน หรือ 84,073 คนต่อปี

  • โรคมะเร็งที่พบมากในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง
  • ในเพศหญิง ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด และมะเร็งปาก มดลูก

ส่วน 5 อันดับโรคมะเร็งที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิต ในเพศชาย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดีมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งช่องปากและคอหอย และมะเร็งต่อมลูกหมาก

ในเพศหญิง ได้แก่ มะเร็งปอด มะเร็งเต้านม มะเร็งตับและท่อน้ำดีมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งปากมดลูก
ชนิด \'โรคมะเร็ง\' ที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด

รักษาโรคมะเร็ง สิทธิบัตรทอง 30 บาท

ในการรับบริการรักษาโรคมะเร็ง สำหรับผู้ที่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท มีสิทธิประโยชน์ครอบคลุมบริการป้องกัน การรักษา ทั้งการรผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา ฮอร์โมน ทั้งตามโปรโตคอลการรักษา 20 ชนิด (Protocol) และการรักษามะเร็งทั่วไป โดยเฉพาะการเข้าถึงยามะเร็งที่มีราคาแพงที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงการรักษา อาทิ การรักษามะเร็งด้วยการฝังแร่เฉพาะที่เพื่อรักษาผู้ป่วยที่มีเนื้องอกในตา (Plaque brachytherapy), การรักษามะเร็งโดยการใช้หุ่นยนต์ในการผ่าตัด (Robotic Surgery) ในโรคมะเร็ง 3 รายการ คือ มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง มะเร็งตับ ตับอ่อนและท่อน้ำดี

และตั้งแต่ 1 ม.ค.2564 มี นโยบาย “โรคมะเร็งไปรับบริการที่ไหนก็ได้ที่พร้อม” (Cancer anywhere) ให้ผู้ป่วยมะเร็งเข้าถึงการรักษาที่รวดเร็วเพิ่มขึ้นในส่วนของบริการป้องกันและคัดกรองโรคมะเร็ง มี 4 สิทธิประโยชน์บริการ ได้แก่ บริการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สำหรับหญิงไทยทุกสิทธิ อายุ 30-59 ปี และอายุ 15-29 ปี ที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ด้วยวิธีแปปสเมียร์ (Pap Smear) หรือ ตรวจและจี้ด้วยน้ำส้มสายชู (VIA) หรือ ตรวจคัดกรองด้วยวิธี HPV DNA Test มีสิทธิรับบริการตรวจคัดกรอง 1 ครั้ง ทุก 5 ปี นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์บริการวัคซีนเอชพีวีสำหรับเด็กนักเรียนหญิง ชั้น ป.5 ทุกคนทั่วประเทศ

  • บริการตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง ด้วยวิธีตรวจหาเลือดแฝงในอุจาระ (Fit Test) สำหรับประชาชนอายุ 50–70 ปี จำนวน 1 ครั้งทุก 2 ปี กรณีผลตรวจผิดปกติจะได้รับการตรวจยืนยันด้วยการส่องกล้องและการเก็บเนื้อเยื่อส่งตรวจ
  • บริการคัดกรองรอยโรคเสี่ยงมะเร็งและมะเร็งช่องปาก สำหรับประชาชนอายุ 40 ปีขึ้นไปปีละ 1 ครั้ง
  • บริการตรวจค้นหาการกลายพันธุ์ของยีนโรคมะเร็งเต้านม BRCA1/BRCA2 ในกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งเต้านมที่มีความเสี่ยงสูง และญาติสายตรงที่มีประวัติครอบครัวตรวจพบยีนกลายพันธุ์ เพื่อค้นหาการกลายพันธุ์ของยีน เพื่อเป็นการค้นหาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงและเข้ารับการรักษาก่อนที่ภาวะโรคจะลุกลาม

รักษาโรคมะเร็ง ประกันสังคม

ผู้ประกันตนที่อยู่ในสิทธิประกันสังคม มีการคุ้มครองด้านการรักษาโรคมะเร็งแก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยไม่มีค่าใช้จ่ายจนสิ้นสุดการรักษา หากเข้ารับการรักษาตามแนวทางที่กำหนด แต่ในกรณีที่ไม่สามารถรักษาตามแนวทางที่กำหนด และมีความจำเป็นที่ต้องให้การรักษาด้วยยารักษาโรคมะเร็งและหรือเคมีบำบัดและหรือรังสีรักษา ให้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นแต่ไม่เกิน 50,000 บาทต่อรายต่อปี

ขณะที่ในปี 2568 มีสิทธิประโยชน์ เรื่องรักษามะเร็งทุกที่(Cancer anywhere)ในรพ.ที่ทำบันทึกความร่วมมือกับสำนักงานประกันสังคม โดยไม่จำเป็นต้องเป็นรพ.ตามสิทธิเท่านั้น ปัจจุบันมีรพ.เข้าร่วมราว 70-80 แห่ง :ซึ่งผู้ประกันตนที่ฐานข้อมูลพบว่าป่วยโรคนี้ออยู่ราว 70,000 คน สามารถเข้าไปรับบริการได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผ่านการส่งตัวจากรพ.ตามสิทธิ จากนั้นรพ.ที่ผู้ประกันตนไปรับบริการจนสิ้นสุดการรักษา จะเรียกเก็บเงินโดยตรงมาที่สำนักงานประกันสังคม
 

กรณีตรวจคัดกรองมะเร็ง ประกันสังคม 

  • มะเร็งปากมดลูก Pap Smear อายุ 30 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 3 ปี
  • มะเร็งปากมดลูกวิธี Via อายุ 30-55 ปี ตรวจทุก 5 ปี (55 ปีขึ้นไปควรใช้วิธี Pap Smear เท่านั้น)
  • มะเร็งปากมดลูก HPV DNA Test อายุ 30 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 5 ปี
  • ตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรง อายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจทุก 1ครั้ง/ปี

สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ sso.go.th หรือหากมีข้อสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขาทุกแห่ง หรือที่สายด่วน 1506”


ชนิด \'โรคมะเร็ง\' ที่ทำคนไทยเสียชีวิตมากที่สุด

6 ยุทธศาสตร์ป้องกัน-ควบคุมโรคมะเร็ง 

ทั้งนี้ ประเทศไทยมีแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ พ.ศ.2567-2575 เป็นแผนแม่บทที่มีความครอบคลุมในทุกมิติตั้งแต่การ ป้องกันโรคในคนที่ยังไม่ป่วยจนถึงการดูแลผู้ป่วยระยะท้าย ดำเนินนโยบายทั้งในด้านการป้องกันโรค เช่น การฉีดวัคซีน HBV และ HPV ป้องกันมะเร็งตับและปากมดลูก

ด้านการคัดกรอง เช่น การจัดทำชุดสิทธิประโยชน์การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งเต้านม และมะเร็ง ลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ด้านการพัฒนาระบบบริการ มีแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service Plan) สาขาโรคมะเร็ง

แผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งฯ มี 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่

1. ยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง (Primary prevention)

2. ยุทธศาสตร์ด้านการตรวจหาโรคมะเร็งระยะเริ่มแรก (Secondary prevention) ปัจจุบันประเทศไทยมีการกำหนดนโยบายการคัดกรอง โรคมะเร็งเพื่อให้ประชากรกลุ่มเป้าหมายสามารถเข้ารับการคัดกรองได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม โดยโครงการคัด กรองโรคมะเร็งระดับประชากร ได้แก่ มะเร็งปากมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง และมะเร็งเต้านม

3. ยุทธศาสตร์ด้านการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง (Tertiary Prevention: Diagnosis and Treatment)

4. ยุทธศาสตร์ด้านการดูแลแบบประคับประคอง (Palliative Care for Cancer) เพื่อให้การดูแลแบบ ประคับประคองในผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวมีคุณภาพ (Quality) ได้มาตรฐาน สามารถเข้าถึง ได้อย่างเท่าเทียม

5. ยุทธศาสตร์ด้านสารสนเทศโรคมะเร็ง (Cancer Informatics) เพื่อจัดทำฐานข้อมูลกลางและวิเคราะห์ ข้อมูลทะเบียนมะเร็งของประเทศ

6. ยุทธศาสตร์ด้านการวิจัยเพื่อป้องกันและควบคุมโรคมะเร็ง (Cancer Control Research)