ตลาดมืดอุ้มบุญ แฉขบวนการ 'ซื้อไข่' หญิง 'ขายไข่'เสี่ยงถึงตาย

ตลาดมืดอุ้มบุญ แฉขบวนการ 'ซื้อไข่' หญิง 'ขายไข่'เสี่ยงถึงตาย

อดีตประธานราชวิทยาสูตินรีแพทย์ฯ แฉขบวนการ “ลักลอบซื้อไข่” โฆษณาชวนเชื่อ เตือนหญิง "ขายไข่" เสี่ยงลิ่มเลือด อวัยวะล้มเหลว ถึงแก่ชีวิต อันตราย ตลาดมืด "อุ้มบุญ"

ล่าสุด ศ.คลินิก นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ กรรมการแพทยสภา  และอดีตประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ‘ความเสี่ยงของการบริจาคไข่และการรับอุ้มบุญ”ว่า ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีรายงานข่าวเกี่ยวกับ เครือข่ายลักลอบซื้อขายไข่และการอุ้มบุญผิดกฎหมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแสวงหาผลประโยชน์จากร่างกายของผู้หญิง โดยขาดมาตรฐานทางการแพทย์ที่ปลอดภัย แพทยสภาขอแจ้งเตือนประชาชนให้ตระหนักถึงความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจเข้าร่วมกระบวนการเหล่านี้

การบริจาคไข่ คือ กระบวนการที่ผู้หญิงบริจาคเซลล์ไข่เพื่อใช้ในเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ กระบวนการนี้เริ่มจาก การกระตุ้นรังไข่ด้วยฮอร์โมน เพื่อให้ผลิตไข่หลายใบกว่าปกติ จากนั้นแพทย์จะทำการเก็บไข่โดยใช้เข็มเจาะผ่านช่องคลอดไปยังรังไข่ เพื่อดูดไข่ออกมา โดยผู้บริจาคจะได้รับยาดมสลบ หรือยาชาเพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างกระบวนการ

แต่การซื้อขายเพื่อการค้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในไทย อย่างไรก็ตาม ยังมีขบวนการลักลอบซื้อไข่ โดยใช้โฆษณาชวนเชื่อว่าค่าตอบแทนสูง แต่แท้จริงแล้วความเสี่ยงทางสุขภาพอาจรุนแรงและส่งผลระยะยาว

ความเสี่ยงของการขายไข่

  • ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) อาจทำให้ท้องบวมรุนแรง เสี่ยงลิ่มเลือด อวัยวะล้มเหลว และอาจถึงแก่ชีวิต
  • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ส่งผลต่ออารมณ์ การมีประจำเดือนและอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็ง
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการเจาะเก็บไข่ เสี่ยงติดเชื้อ เลือดออกในช่องท้อง หรือรังไข่บิดหมุน ซึ่งอาจกระทบต่อ การมีบุตรในอนาคต

 ความเสี่ยงการอุ้มบุญ

ส่วนการอุ้มบุญ คือกระบวนการที่หญิงคนหนึ่งตั้งครรภ์แทนผู้อื่น โดยใช้ตัวอ่อน ที่เกิดจากไข่และอสุจิของผู้อื่น ผ่านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์กระบวนการเริ่มจาก การเตรียมโพรงมดลูกของหญิงอุ้มบุญด้วยฮอร์โมน เพื่อให้พร้อมสำหรับการฝังตัวอ่อน จากนั้น ตัวอ่อนจะถูกย้ายเข้าสู่มดลูกผ่านกระบวนการทางการแพทย์ เมื่อการฝังตัวสำเร็จ หญิงอุ้มบุญจะตั้งครรภ์ต่อและคลอดบุตรเช่นเดียวกับการตั้งครรภ์ทั่วไป ในประเทศไทยอนุญาตเฉพาะกรณีที่เป็นไปตามเงื่อนไขของกฎหมาย แต่การอุ้มบุญเชิงพาณิชย์ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

ความเสี่ยงของการอุ้มบุญ มีดังนี้

  • ภาวะลิ่มเลือดอุดตันเกิดจากการใช้ฮอร์โมนเพื่อเตรียมมดลูก เสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองและหัวใจล้มเหลวและอาจถึงแก่ชีวิต
  • ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ หญิงอุ้มบุญมีโอกาสที่จะเกิดครรภ์เป็นพิษ ตกเลือด หรือคลอดก่อนกำหนด สูงกว่าการตั้งครรภ์ทั่วไป
  • ผลกระทบทางจิตใจ อาจเกิดภาวะซึมเศร้าหลังคลอดจากการแยกจากทารกที่อุ้มมาเป็นเวลาหลายเดือน

อันตรายตลาดมืดอุ้มบุญ

ทั้งนี้ อันตรายของตลาดมืดและการอุ้มบุญผิดกฎหมาย มีรายงานข่าวหลายกรณีที่หญิงไทยถูกล่อลวงไปยังต่างประเทศเพื่อขายไข่ หรือรับอุ้มบุญโดยไม่ได้สมัครใจ ตลาดมืดเหล่านี้มักขาดมาตรฐานทางการแพทย์และเต็มไปด้วยความเสี่ยง เช่น

  • การใช้ยากระตุ้นไข่อย่างไร้การควบคุม เพื่อให้ได้จำนวนไข่มากที่สุด อาจมีการใช้ยากระตุ้นฮอร์โมนเกินขนาดซึ่งเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS)
  • ค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม หญิงที่ถูกล่อลวงมักได้รับค่าตอบแทนต่ำกว่าที่ควร หรือถูกเอาเปรียบ โดยไม่ได้รับการดูแลเมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการกระตุ้นไข่หรือการตั้งครรภ์
  • ความเสี่ยงทางกฎหมาย การอุ้มบุญที่ผิดกฎหมายอาจนำไปสู่การถูกดำเนินคดี มีโทษจำคุก
  • การกักขังและบังคับควบคุม ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่ออาจถูกยึดพาสปอร์ต บังคับให้ทำตามคำสั่งของนายหน้า หรือถูกกักขังในสถานที่ที่ไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้
  • ความเสี่ยงจากการค้ามนุษย์ หญิงที่ถูกล่อลวงอาจถูกพาไปยังประเทศที่ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง ทำให้ตกอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ขาดอำนาจต่อรอง เสี่ยงต่อการถูกบังคับใช้แรงงานหรือการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ

ข้อควรระวังก่อนตัดสินใจขายไข่หรืออุ้มบุญ

แพทยสภาขอเตือนให้ ประชาชนพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจเข้าร่วมกระบวนการเหล่านี้ เพราะผลกระทบต่อสุขภาพและจิตใจอาจรุนแรงกว่าที่คิด การตัดสินใจควรตั้งอยู่บน ข้อมูลที่ถูกต้อง คำแนะนำจากแพทย์ และมาตรฐานทางกฎหมาย สำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตรผ่านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ควรเลือกสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต และปฏิบัติตามแนวทางทางการแพทย์และกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อปกป้องสิทธิของทุกฝ่าย

แม้ว่าการบริจาคไข่และการอุ้มบุญอาจถูกมองว่าเป็นทางเลือกในการสร้างรายได้สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ผลกระทบต่อสุขภาพและข้อกฎหมายอาจรุนแรงกว่าที่คาดคิด แพทยสภาตระหนักถึงความยากลำบากและแรงกดดันที่ผลักดันให้หลายคนพิจารณาทางเลือกนี้อย่างไรก็ตาม ขอให้ทุกท่านไตร่ตรองอย่างรอบคอบถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องสุขภาพและสิทธิของตนเอง