‘ปลดล็อกโฆษณาเหล้าเบียร์’ ไม่ตรงปก! แฉสส.รัฐบาลพลิกเกม

‘ปลดล็อกโฆษณาเหล้าเบียร์’ ไม่ตรงปก! แฉสส.รัฐบาลพลิกเกม

ปลดล็อกโฆษณาเหล้าเบียร์ เครือข่ายงดเหล้าลั่น สส.ฝั่งรัฐบาลแยบยล พลิกกลับเสนอใหม่วินาทีสุดท้าย ไม่เอาตามกรรมาธิการ ย้ำยังห้ามโฆษณาจนกว่ากฎหมายใหม่บังคับใช้

จากที่สภาผู้แทนราษฎร มีวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ฉบับที่ … พ.ศ. … ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ  โดยพิจารณามาตรา 32 ที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แล้วเสร็จ  ซึ่งที่ประชุมสภาฯ มีมติให้มีการปลดล็อกและสามารถประชาสัมพันธ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้นั้น

ยังห้ามโฆษณาเหล้าเบียร์ก่อนใช้กฎหมายใหม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มี.ค.2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้เพียงว่า กฎหมายเรื่องของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไปในสภาผู้แทนราษฎร ก็อยู่ที่สภาฯ ไม่ได้อยู่ที่กระทรวงสาธารณสุข ส่วนกรณีขอยกเว้นการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนรถไฟและสถานีรถไฟ คณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยังไม่ได้พิจารณา เพราะข้อมูลยังไม่ครบถ้วน รอให้ครบถ้วนค่อยหาเวลาประชุมกันใหม่

นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายเดิม จนกว่ากฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ ส่วนขั้นตอนการออกกฎหมาย ร่างพ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ฯ  จะต้องให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ครบทุกมาตราก่อน ซึ่งจะมีการปิดสมัยประชุมสภาในเร็วๆ นี้ จากนั้นก็จะส่งไปยังวุฒิสภาพิจารณา ก่อนที่จะส่งกฎหมายไปยังราชกิจจานุเบกษา เมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว จึงจะมีผลบังคับใช้ใน 60 วันหลังประกาศ

สส.ฝั่งรัฐบาลพลิกเกมวินาทีสุดท้าย

ขณะที่ เครือข่ายองค์กรงดเหล้า โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก เครื่อข่ายงดเหล้า ระบุว่า เปิดร่าง ม.32/1 ที่ สส.พรรครัฐบาล คว่ำร่างของกรรมาธิการ แล้วเสนอแนวใหม่ และร่าง ม.32/2 ที่ควบคุมบุคคลมีชื่อเสียง และบุคคลธรรมดา โดยเมื่อกฎหมายผ่าน กรณีมาตรา 32/1 และ 32/2

ซึ่งร่างที่กรรมาธิการ เสนอมามีความรัดกุมและเจาะจงกว่า  คือ ห้ามผู้ใดโฆษณา เว้นแต่ให้ผู้ผลิต ผู้นำเข้า ผู้ขาย เป็นไปตามหลักเกณฑ์กำหนด อย่างน้อยประกอบด้วย 1.ให้ข้อมูลข่าวสารความรู้หรือประชาสัมพันธ์ด้านคุณภาพปริมาณมาตรฐานส่วนประกอบแหล่งกำเนิด โดยไม่อวดอ้างสรรพคุณชักจูงใจ 2.เป้าหมายไม่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 20ปี 3.ช่องทางสื่อสารต้องไม่แพร่หลาย 4.ไม่อวดอ้างเป็นเท็จฯ และ5.มีข้อความคำเตือน

สส.ฝั่งรัฐบาล เสนอแก้ไขเป็น บัญญัติให้ห้ามผู้ใดโฆษณา เว้นแต่ให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้ หรือประชาสัมพันธ์ ตามหลักเกณฑ์ที่จะออกภายหลัง ทำให้เงื่อนไขว่าจะจำกัดแค่ไหนอย่างไรของการโฆษณาไปอยู่ในการออกกฎหมายลูก และไม่ได้กำหนดข้อยกเว้นว่าใครจะทำโฆษณาได้ ทำให้สามารถไปกำหนดกฎหมายลูกได้ เช่น ยกเว้นให้ ผู้ผลิต นำเข้า ผู้ขาย นักการเมือง คณะรัฐมนตรี หรือ อื่นๆ ที่จะอยากให้ทำได้ แต่ต้องไม่ใช่คำว่าประชาชนทั่วไป เพราะจะไปขัดหลักการห้ามผู้ใด

ทั้งนี้ มาตรานี้ เป็นเพียงมาตราเดียวที่การยกมือโหวตให้ไปใช้ตามที่ สส.ฝั่งรัฐบาลเสนอใหม่ ไม่ได้ตามเสียงส่วนใหญ่ในกรรมาธิการ และเป็นการเสนอแบบแยบยลพลิกกลับในวินาทีสุดท้าย

ส่วนมาตรา 32/2 บัญญัติห้ามบุคคลมีชื่อเสียงไปรับผลประโยชน์ แล้วสื่อสารโดยแสดงชื่อเครื่องหมาย โดยมุ่งให้จูงใจให้ดื่ม เว้นแต่จะทำให้เมื่อสื่อสารวิชาการให้สมาชิกวงจำกัด ซึ่งรายละเอียดทัั้งหมดนี้ จะออกกำหนดเพิ่มภายหลัง

 กรณีนี้ ตีความได้ว่า ประชาชนทั่วไป จะโพสต์ย่อมทำได้ ตราบใดที่ไม่เข้าข่ายตามเงื่อนไของค์ประกอบทั้งหมดของมาตรา 32/2

บุคคลมีชื่อเสียง คือใครบ้าง การมุ่งหมายชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มแค่ไหนจึงเข้าข่าย จะต้องไปกำหนดในกฏหมายลูกอีกขั้นตอนหนึ่ง กรณีนี้มองได้ว่า เป็นช่องทางที่ธุรกิจจะจ้าง หรือใช้ประโยชน์ตอบแทนอื่นที่จับหลักฐานไม่ได้ มาใช้กับบุคคลทั่วไปมากขึ้นหรือไม่ การปลดล็อกหลายๆ อย่าง จะนำไปสู่อ่ะไร ค่อยมาติดตามต่อไป