ระวัง! ทำแบบนี้อาจเสี่ยงพัวพันขบวนการค้า “ยาเสพติด”
รู้หรือไม่? ให้คนแปลกหน้าขึ้นรถ เขียนเอกสารแทนคนอื่น เสี่ยงถูกจับข้อหาร่วมขบวนการค้า “ยาเสพติด” แบบไม่รู้ตัว
จากคลิปให้สัมภาษณ์ของ โกบอย ธนวัฒน์ ชาวสมุทร นักธุรกิจและ YouTuber ในรายการเจาะใจ หลังจากเข้าไปถ่ายทำรายการ “เพื่อนข้างใน” ถ่ายทอดเรื่องราวของผู้ต้องขังในเรือนจำเพื่อนำมาเตือนสติคนในสังคม โดยคลิปที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ขณะนี้ คือ เรื่องราวของสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนคลับศิลปินเกาหลีและได้รู้จักกับคนในโลกออนไลน์ที่อ้างว่าเป็นแฟนคลับศิลปินคนเดียวกัน และจะขอติดรถไปดูคอนเสิร์ตด้วย ซึ่งเจ้าตัวก็ตอบตกลงเพราะจะได้มีเพื่อนไปคอนเสิร์ตด้วยกัน
หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ทั้งคู่นัดเจอกันเพื่อจะเดินทางไปดูคอนเสิร์ตแต่กลับถูกตำรวจจับกุมเสียก่อน เนื่องจากเพื่อนที่เธอได้พบในโลกออนไลน์คนนี้มียาเสพติดในครอบครองเกือบ 3,000 เม็ด ทำให้เธอถูกจับกุมในฐานะ “ช่วยกันขนย้ายยาเสพติด” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ผู้ร่วมขบวนการค้ายาเสพติด”
หลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์ ทำให้มีอีกหลายคนเข้ามาแสดงความเห็นและเล่าถึงประสบการณ์ที่คนใกล้ตัวหรือตนเองเคยพบเจอมาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในขบวนการค้ายาเสพติดโดยไม่ตั้งใจ และไม่ทราบมาก่อนว่าคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือนั้นใช้พวกเขาเป็นตัวช่วยในการขนย้ายยาเสพติดไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือขบวนการข้ามชาติ ทำให้ต้องเข้าไปพัวพันคดี ซึ่งกรณีที่แย่ที่สุดคือ ถูกจำคุกทั้งที่ตนไม่ได้ตั้งใจหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการทำความผิดดังกล่าวเลย
เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ายาเสพติด “กรุงเทพธุรกิจออนไลน์” รวบรวมวิธีการป้องกันตัวเบื้องต้นเพื่อไม่ให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับขบวนการดังกล่าวโดยที่ไม่ได้ตั้งใจดังนี้
1. ไม่ให้บุคคลที่ไม่น่าไว้ใจยืมรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ หรือ ไม่รับคนแปลกหน้าขึ้นรถ
2. ไม่รับฝากกดเงินจากตู้ ATM ให้ใคร และหากต่อคิวกดเงินอยู่ ก็ควรยืนห่างๆ พร้อมมือไขว้หลังเรียบร้อยเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
3. ไม่เขียนหรือเซ็นต์เอกสารใดๆ แทนใคร
4. ไม่รับฝากสิ่งของในที่สาธารณะ เช่น ห้างสรรพสินค้า สนามบิน ห้องน้ำ ป้ายรถโดยสาร หรืออื่นๆ
5. หลีกเลี่ยงการช่วยคนที่ไม่รู้จักยกสิ่งของ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใดหรือสถานการณ์ใด
6. ไม่รับทำธุรกรรมทางการเงินให้คนแปลกหน้า ไม่ว่าจะเป็นการทำที่ธนาคารหรือรูปแบบออนไลน์
7. ไม่รับสิ่งของจากคนแปลกหน้า
ในทางกฎหมายนั้นระบุชัดเจนว่าหากผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าวจะต้องได้รับโทษทางกฎหมาย ดังนั้น เราจึงไม่ควรนำตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงเพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
ทั้งนี้ มาตรา 8 แห่ง พ.ร.บ. มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 ระบุว่า ผู้ใดสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ถ้าได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันตามวรรคหนึ่ง ผู้สมคบกันนั้นต้องระวางโทษตามที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ซึ่งจะพิจารณาจากพยานหลักฐานที่จะแสดงว่ามีการตกลง สมคบกัน ดังนี้
- หลักฐานแสดงความสัมพันธ์กันทางการเงิน
- หลักฐานแสดงการติดต่อ เข้าพัก
- รายงานการสืบสวนพฤติการณ์ของผู้กระทำผิดหรือหนังสือร้องเรียนหรือประวัติ
- มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติด
- คำซัดทอดของผู้กระทำผิด
- แผนผังแสดงบทบาทหน้าที่ และความสัมพันธ์ที่มีการติดต่อเชื่อมโยงกัน
- ภาพถ่ายการสืบสวน หรือการตรวจสอบการใช้โทรศัพท์
ดังนั้น ในช่วงที่ยาเสพติดระบาดหนักแบบนี้ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ควรต้องเฝ้าระวังตนเองมากขึ้น และอย่าเผลอไว้ใจคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน เพื่อป้องกันการเข้าไปพัวพัน “ขบวนการค้ายาเสพติด” โดยที่ไม่ตั้งใจ แม้ว่าเราจะอยากช่วยเหลือพวกเขาก็ตาม แต่นั่นก็อาจทำให้เรากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดขบวนการค้ายาเสพติดไปโดยปริยาย ทำให้ต้องไปสู้คดีเพื่อแสดงความบริสุทธิ์กันอีกยาว ทั้งเสียเวลา เสียทรัพย์สิน และเสียชื่อเสียง ซึ่งไม่คุ้มกันเลย
อ้างอิงข้อมูล : PSTHAILAW