รู้จัก "โชติเวช" เบื้องหลังดอกไม้สวย "ทำเนียบรัฐบาล" รับผู้นำ APEC 2022

การประชุมเอเปค หรือ APEC 2022 Thailand ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นประธานและเจ้าภาพในครั้งนี้ เรียกว่ามีผู้นำเขตเศรษฐกิจ และแขกพิเศษที่จะเข้าร่วมจากหลายประเทศ นอกจากงานที่จัดขึ้น ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังมีกำหนดการต้อนรับผู้นำในการเยือนประเทศไทยที่ ทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 16 – 19 พ.ย. 65

 

 

ที่ผ่านมา หลายคนอาจจะเห็นภาพบริเวณ ทำเนียบรัฐบาล ที่ถูกตกแต่งด้วยดอกไม้หลากสีสัน เช่น การมาเยือนอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีเหวียน ซวน ฟุก ของเวียดนาม ในวันที่ 16 พ.ย. และจะปรับเปลี่ยนรูปแบบตามวาระการเยือนของแต่ละประเทศ

 

สำหรับ ดอกไม้ที่ถูกตกแต่งภายในทำเนียบรัฐบาลนั้น เบื้องหลังความงดงาม มาจากนักศึกษาและคณาจารย์ “โชติเวช” หรือ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (โชติเวช) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร มากกว่า 40 ชีวิต ที่เริ่มทำงานกันตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย. เนรมิตพื้นที่เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองครั้งสำคัญครั้งนี้

 

 

 

 

 

โชติเวช ตำนานคหกรรม 84 ปี

 

“โชติเวช” หรือ คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (โชติเวช) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เรียกว่าเป็นตำนานของคหกรรมศาสตร์ ที่มีประวัติยาวนานกว่า 84 ปี ตั้งอยู่ในที่ดินที่ “คุณตาต่วน โชติเวช” ซึ่งมีอาชีพเป็นหมอแผนโบราณ ได้ทำการบริจาคบริเวณวัดเทวราชกุญชรวรวิหารและเรือนไม้สัก เพื่อสร้างโรงเรียนการช่างสตรีโชติเวช 

• 1 เมษายน 2481 โชติเวช ถูกก่อตั้งขึ้น โดยการโอนกิจการช่างทองวัดโบสถ์ มาสังกัดกองอาชีวศึกษา
• ปี 2485 โรงเรียนได้มาทำการสอน ที่โรงเรียนพานิชยการ วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร
• ปี 2490 กรมอาชีวศึกษา ได้เปิดให้มีการสอนการช่างสตรี และเปลี่ยนชื่อใหม่ เป็นโรงเรียนการช่างสตรีโชติเวช
• ปี 2517 โรงเรียนได้รับการยกระดับขึ้นเป็นวิทยาลัย วิทยาลัยโชติเวช
• ปี 2520 เปลี่ยนชื่อเป็นวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาวิทยาเขตโชติเวช
• ปี 2531 วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาวิทยาเขตโชติเวช รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานนามใหม่ ให้เป็นสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
• ปี 2548 ได้มีการรวมกลุ่มวิทยาเขตในสังกัดแยกออกเป็น 9 มหาวิทยาลัย และหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่แยกอิสระออกมา ก็คือ “มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร”

 

 

ปัจจุบัน คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (โชติเวช) เปิดการสอนในระดับปริญญาตรี – ปริญญาเอก และจะเปิดสอนในระดับปวช. ในปีการศึกษาหน้า รวมศาสาตร์ในการดำรงชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะการกิน การอยู่ การแต่งกาย และศิลปะความสวยงาม 3 ศาสตร์หลัก คือ

• อาหาร (อาหารและโภชนาการ , เทคโนโลยีอาหาร , อุตสาหกรรมการบริการอาหาร)
• แฟชั่น (แฟชั่นและการจัดการสินค้าตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ)
• ศิลปะประดิษฐ์ (หัตถศิลป์ , ออกแบบสินค้า)

มีนักศึกษาทั้งหมดราว 1,300 คน โดยกว่า 60% เลือกเรียนเกี่ยวกับด้านอาหาร 30% ศิลปะประดิษฐ์ และ 10% ด้านแฟชั่น

 

 

เบื้องหลังความสวยงาม “ดอกไม้ทำเนียบ”

 

ฝีมือทางด้าน ศิลปะประดิษฐ์ของ “โชติเวช” นับเป็นศิลปะที่มีความโดดเด่น คงความละเอียดลออ และเอกลักษณะเฉพาะทั้งความสมบูรณ์ของงาน รูปทรง สีสัน ความกลมกลืน การเลือกใช้วัสดุ ที่ผ่านการออกแบบโดยคำนึงถึงองค์ประกอบศิลปะทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการทำพานพุ่ม บายศรี ร้อยมาลัย และแกะสลัก

 

ทำให้ โชติเวช ถูกเลือกให้มีส่วนร่วมในการประชุมสำคัญๆ ต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองใหญ่ๆ หลายงาน รวมถึงการประชุมเอเปค 2022 ในการจัดดอกไม้บริเวณทำเนียบรัฐบาล เพื่อต้อนรับการมาเยือนของ 5 ผู้นำ ได้แก่ เวียดนาม ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ซาอุดิอาราเบีย และจีน ระหว่างวันที่ 16 – 19 พ.ย. 65

 

 

"อ.รุ่งฤทัย รำพึงจิต" รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ (โชติเวช) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เล่าให้ "กรุงเทพธุรกิจ" ฟังว่า โจทย์ที่ได้รับ คือ การให้เกียรติกับทุกประเทศที่มาเยือน ดังนั้น อยากให้เกิดภาพความประทับใจและความแตกต่างของสีสัน ที่แสดงสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ

 

"ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก นักศึกษาตั้งแต่ปี 2 – 4 รวมถึง อาจารย์ และบุคลากร รวมกว่า 40 ชีวิต โดยเริ่มทำงานในช่วงเวลากลางคืน เช่น การต้อนรับผู้นำจากจีนที่จะเดินทางราว 11.00 น. จึงต้องทำงานตั้งแต่ 21.00 น. เพื่อให้ทันต่อการต้อนรับในช่วงเช้า หากเตรียมไว้ก่อนนานเกินไปดอกไม้จะไม่สด ดังนั้น ต้องวางแผนวันต่อวัน"

 

 

“ดอกไม้ที่ใช้ส่วนใหญ่มาจากแหล่งค้าส่งที่ปากคลองตลาด และจากสวนโดยตรง เช่น กล้วยไม้ จากนครปฐม ไฮเดรนเยีย จากเชียงใหม่ และ เชียงราย เป็นต้น ขณะเดียวกัน เราไม่ได้จัดแค่ดอกไม้เพียงอย่างเดียว แต่นำศิลปะการแกะสลักเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย เช่น ดอกบัว หงส์ หรือสัญลักษณ์ของประเทศนั้นๆ วางประดับบนโต๊ะหารือ เพื่อให้เกิดความผสมผสาน และลงตัว หรือการตกแต่งเสา สถานที่ จะมีการผสมผสานศิลปะแบบไทย การร้อย การเย็บ จากฝีมือนักศึกษา กลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโชติเวช”

 

 

อ.รุ่งฤทัย กล่าวต่อไปว่า ศิลปะประดิษฐ์ นับเป็นเอกลักษณ์ประเทศไม่ว่าจะแกะสลัก ร้อยมาลัย ใบตอง ในความละเอียดตรงนี้แฝงด้วยศิลปะและสวยงาม สามารถเยียวยามนุษย์ในภาวะวิกฤติ และเด็กรุ่นใหม่เป็นส่วนหนึ่งของการรักษามรดกของชาติ เป็นความภูมิใจและอยากจะปลูกฝังให้เขาเห็นถึงความสำคัญตรงนี้

 

"เด็กที่เรียนเขามีความหวงแหนในวัฒนธรรมเก่าแก่ของไทย ต้องขอบคุณเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่เขายังให้ความสำคัญ และทำให้มรดกของชาติไม่สูญหาย โดยมีสถาบันการศึกษาเป็นองค์กรที่รวบรวมให้มีการสืบสาน"

 

“อยากให้เด็กได้หาประสบการณ์ในการทำงานจริง ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีกระบวนการก่อนหลังอย่างไร อยากให้เขาได้เห็น และสังเกตการณ์ทำงานของครู อาจารย์ เขาจะได้ประสบการณ์ในการวางแผนหากคิดจะไปทำธุรกิจร้านดอกไม้ หรือรับจัดดอกไม้ เขาจะซึมซับเองโดยที่เขาอาจจะไม่รู้ตัว”

 

 

ระดมกว่า 100 ชีวิต บริการด้านอาหาร 

 

ขณะเดียวกัน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ โชติเวช ได้เข้าร่วมในการประชุมเอเปค เพราะเมื่อครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ในปี 2546 นักศึกษาหลักสูตรด้านอาหาร โชติเวช ยังได้เข้าร่วมจัดโต๊ะอาหาร สำหรับผู้นำเขตเศรษฐกิจ 21 ประเทศที่เข้าร่วมประชุม ภายในงานเลี้ยงอาหารค่ำ (Gala Dinner) ณ หอประชุมกองทัพเรือ มาแล้วก่อนหน้านี้

 

อ.รุ่งฤทัย เล่าต่อไปว่า ในปีนี้ โชติเวช ได้มีส่วนร่วมอีกครั้ง ในการบริการอาหารต้อนรับ และงานครัว ทั้งครัวร้อน ครัวเย็น เบเกอรี่ ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยมีนักศึกษากว่า 100 ชีวิต เด็กจะได้ประสบการณ์ที่หาไม่ได้ในห้องเรียน ได้เครือข่ายเพื่อนร่วมงานไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และเครือข่ายจากสถาบันอื่นๆ ที่ได้เข้ามามีส่วนร่วมเช่นกัน

 

 

อวดความโดดเด่น 6 ขนมไทย

 

นอกจากการจัดดอกไม้ที่ทำเนียบรัฐบาล และ การบริการอาหารแล้ว ยังมีการสาธิตจัดนิทรรศการขนมไทยและงานหัตถศิลป์ สำหรับผู้ที่เข้าร่วมงาน โดยคัดเลือก ขนมไทย 6 ชนิด ที่มีความโดดเด่น ได้แก่

 

• ขนมเบื้อง เพราะมีความกรอบ เปรียบเหมือนสแนคสไตล์ไทย
• ขนมไทยชุดทอง ถ่ายทอดการไหลของวัฒนธรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากโปรตุเกส
• บุหลันดั้นเมฆ สีสันสวยงาม ชื่อแปลกน่าสนใจ
• ช่อม่วงไส้ไก่ ใช้สีของดอกอัญชันนวดกับแป้ง ห่อด้วยไส้ และจับจีบเป็นดอกไม้ เมื่อรับประทาน กลิ่นของ 3 เกลอ คือ พริกไทย กระเทียม รากผักชี ต้องส่งขนมให้มีรสชาติจัดจ้าน เข้มข้น ครบรส เค็มนำ หวานตาม กลมกล่อม
• หรุ่ม และ ล่าเตียง เป็นอาหารว่างคาวมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โดย “หรุ่ม” จะใช้ไข่มาห่อ ซึ่งเป็นไข่ทึบ มีไส้คล้ายสาคูไส้หมู ขณะที่ ล่าเตียง จะเป็นไข่ร่างแห ห่อไส้
• ลูกชุบ ด้วยสีสัน รูปทรงผลไม้ จึงเป็นที่สนใจของต่างชาติ

 

 

“การตั้งบูธสาธิตขนมไทย จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 ที่ผ่านมา โดยสาธิตหมุนเวียนไปแต่ละชนิด ขณะที่ ในวันที่ 16 -18 พ.ย. 65 ซึ่งผู้นำเศรษฐกิจเดินทางมา และมีคนติดตามจำนวนมาก รวมถึงผู้สื่อข่าวเยอะเป็นพิเศษ ดังนั้น จึงมีการเพิ่มงานหัตถศิลป์ในเรื่องศิลปะการพับดอกบัว ร้อยมาลัย แกะสลักผักผลไม้ จัดแสดงคู่กัน ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก จากทั้งสื่อมวลชนไทยและเทศในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ความเป็นไทยออกไปสู่สายตาชาวโลก”

 

 

ในฐานะอาจารย์ที่ได้เห็นว่าลูกศิษย์ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานสำคัญระดับประเทศ "อ.รุ่งฤทัย" กล่าวว่า คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ คนมักจะมองไม่ค่อยเห็นถึงความสำคัญ และอาจไม่ใช่วิชาชีพอันดับต้นๆ ของการศึกษา แต่รู้สึกภูมิใจมาก และยังเชื่อมั่นและศรัทธาในวิชาชีพนี้ว่าจะไม่มีวันตาย เพราะเกี่ยวข้องกับชีวิตมนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะการกิน การแต่งกาย หรือศิลปะความงาม ทุกคนขาดไม่ได้ และอยู่ในปัจจัยสี่ในการดำรงชีวิตมนุษย์ มันจึงอยู่ได้ทั้งในอดีตและในโลกอนาคตเช่นกัน ความเป็น “คหกรรมศาสตร์” ไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร ก็จะพยายามที่จะก้าว ปรับเปลี่ยน ประยุกต์ ให้อยู่ได้ทุกยุคสมัย

 

"คหกรรมศาสตร์ เป็นเอกลักษณ์และมรดกของชาติ เป็นหน้าเป็นตา และสร้างชื่อเสียงระดับนานาชาติได้ ตรงนี้มีความภาคภูมิใจว่าส่วนเล็กๆ ของ คหกรรมศาสตร์ คือ ส่วนหนึ่งที่สามารถถ่ายทอดศิลปะ วัฒนธรรมของไทยสู่สายตาคนในทุกระดับได้ เมื่อมีงานสำคัญ ที่ต้องชูเอกลักษณ์ของประเทศชาติ" อ.รุ่งฤทัย กล่าวทิ้งท้าย