จับตาฤดูร้อน 2566 คาดสภาพอากาศร้อนกว่าปีที่แล้ว อุณหภูมิสูงสุด 40-43 องศา

จับตาฤดูร้อน 2566 คาดสภาพอากาศร้อนกว่าปีที่แล้ว อุณหภูมิสูงสุด 40-43 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเริ่มต้นเข้าสู่ "ฤดูร้อน" ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาขณะที่ กรมอนามัย เตือนช่วงหน้าร้อนปีนี้คาดว่าสภาพอากาศ อุณหภูมิจะสูงกว่าปีที่แล้ว คาดสูงสุด 40-43 องศาเซลเซียส

หลังจากที่ กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเริ่มต้นเข้าสู่ "ฤดูร้อน" ตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมาขณะที่ กรมอนามัย เตือนช่วงหน้าร้อนปีนี้คาดว่าสภาพอากาศ อุณหภูมิจะสูงกว่าปีที่แล้ว คาดสูงสุด 43 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ

กรมอนามัย ร่วมกับ กรมอุตุนิยมวิทยา ร่วมกันเฝ้าระวังและสื่อสารเตือนภัย ความร้อนแก่ประชาชน ซึ่ง กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าบริเวณประเทศไทยตอนบน ช่วงต้นฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนในตอนกลางวันหลายพื้นที่ แต่บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า และในช่วงกลางเดือนมีนาคมถึงปลายเดือนเมษายน 2566 อากาศจะร้อนอบอ้าวโดยทั่วไป และมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ คาดการณ์อุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 40-43 องศาเซลเซียส ได้แก่ จังหวัดสุโขทัย ตาก ลำปาง และแม่ฮ่องสอน

สำหรับ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีอุณหภูมิสูงสุดอยู่ที่ 38-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงกลางเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงปลายฤดูร้อน ลักษณะอากาศจะเริ่มแปรปรวน โดยยังคงมีอากาศร้อนอบอ้าวในบางช่วง ประกอบกับมีฝนฟ้าคะนอง ซึ่งฤดูร้อนจะสิ้นสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม 2566

นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า เนื่องจากสภาพอากาศร้อนจะก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยจากความร้อนตั้งแต่อาการเล็กน้อย ได้แก่ ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ เป็นตะคริวจากความร้อน มีผื่นแดงตามผิวหนัง หรืออาจมีอาการรุนแรงจนเป็นโรคฮีทสโตรก ซึ่งหากไม่ได้รับการปฐมพยาบาลทันทีอาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง เช่น กลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์และผู้มีโรคประจำตัว รวมถึงกลุ่มอาชีพที่ต้องทำงานหนักกลางแจ้ง เช่น งานก่อสร้าง เกษตรกร

กรมอนามัยจึงขอแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองจากความร้อน ได้แก่ ดื่มน้ำสะอาดบ่อยๆโดยไม่ต้องรอกระหายน้ำ หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงกลางวันหรือช่วงที่มีสภาพอากาศร้อนจัด สวมเสื้อผ้าสีอ่อน ระบายอากาศได้ดี สวมหมวกปีกกว้าง แว่นกันแดด และทาครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อมีความจำเป็นต้องทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ น้ำอัดลม และแอลกอฮอล์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

- นายกฯ ห่วงใยสุขภาพปชช.หลังเข้าสู่ 'ฤดูร้อน' กำชับ สธ.เฝ้าระวังโรค

- ประกาศเข้าสู่ฤดูร้อน 5 มี.ค.66 นี้นานกว่า 2 เดือน อุณหภูมิสูงสุด 35 องศาขึ้นไป

- เตรียมเข้าสู่ "ฤดูร้อน" กรมอุตุฯเผยสัญญาณฤดูหนาวกำลังจะสิ้นสุดลง

 

หากอุณหภูมิสูงสุดขึ้นไปที่ 43 องศาเซลเซียส ควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง และหมั่นสังเกตอาการเสี่ยงจากโรคฮีทสโตรก ได้แก่ เหงื่อไม่ออก สับสน  มึนงง ตัวร้อนจัด ผิวหนังเป็นสีแดงและแห้ง โดยหากพบผู้ป่วยโรคฮีทสโตรกให้รีบตามแพทย์ หรือโทร 1669 และพาผู้ป่วยหลบเข้าที่ร่มหรือห้องมีความเย็น จัดผู้ป่วยให้นอนราบ ยกเท้าและสะโพกสูง รวมถึงถอดเสื้อผ้าออกเท่าที่จำเป็นเพื่อระบายความร้อน ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตามตัวหรือวางถุงน้ำแข็งที่คอ รักแร้ และขาหนีบ หากผู้ป่วยหมดสติให้จับนอนตะแคงเพื่อป้องกันโคนลิ้นอุดทางเดินหายใจ และรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลโดยเร็ว

ทั้งนี้ สามารถรับคำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากความร้อนได้ที่เว็บไซต์กองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ (คลิก) และเฟซบุ๊ก กรมอนามัย และกองประเมินผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมอนามัย 1478 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422