อะไรทำให้พลเมืองมีความสุข | วรากรณ์ สามโกเศศ
ท่านผู้อ่านเคยสงสัยไหมครับว่า เหตุใด “กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย” จึงก้าวหน้าไปไกลกว่าใครๆ ในโลก ทั้งมั่นคงทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ประชาชนมีความสุขมากที่สุดในโลก
ทั้งๆ ที่ “ไวกิ้ง” บรรพบุรุษของพวกเขาเมื่อ 1,000 ปีก่อนอยู่กินดีกว่าคนป่าไม่มากนัก และล่องเรือโจมตีปล้นผู้คนในยุโรปแบบป่าเถื่อน ขณะที่ในช่วงเวลาเดียวกัน บางกลุ่มของชาวโลก เช่น จีน อินเดีย อียิปต์ กรีก โรมัน ฯลฯ พัฒนาไปแล้วกว่า 2,000 ปี สังคมพวกเขาไล่ทันและแซงหน้าจนพลเมืองมีความสุขที่สุดด้วยเหตุอันใด
กลุ่มสแกนดิเนเวีย (Scandinavia) ประกอบด้วย นอร์เวย์ สวีเดน และเดนมาร์ก ถ้ารวม ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ และ Faroe Islands กับ Greenland ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของเดนมาร์กแล้วก็เรียกว่า Nordic Countries กลุ่มประเทศนี้มีความคล้ายคลึงกันในด้านสังคม การเมือง วัฒนธรรม ประเพณีและภาษา
จนเรียกรวมกันว่ากลุ่ม Nordic (กลุ่ม North ของทวีปยุโรป) ซึ่งมีประชากรรวม 28 ล้านคน ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 6.125 ล้านตารางกิโลเมตร (มากกว่าไทย 12 เท่า) และมีรายได้ต่อหัวประมาณ 9 เท่าของคนไทย
นิตยสาร Psychology Today (21 มีนาคม 2023) มีเรื่องราวของคนกลุ่ม Nordic ซึ่งจากการสำรวจของ UN พบว่ามีความสุขที่สุดในโลก (ข้อเขียนชื่อ The 4 Virtues of World Happiness, Debbie Petersen) โดยอธิบายว่าเหตุใดจึงแตกต่างจากสังคมอื่น
UN World Happiness Report ปี 2020 มาจากการสำรวจและจัดอันดับ 156 ประเทศ โดยใช้ข้อมูลความรู้สึกของคนในแต่ละประเทศว่ามีความสุขเพียงใด
คล้ายกับรายงานฉบับแรกในปี 2012 และพบว่าความรู้สึกว่ามีความสุขโยงใยกับ 4 ลักษณะซึ่งเกิดขึ้นพร้อมกัน และปรากฏอย่างเด่นชัดมากที่สุดในกลุ่มประเทศ Nordic อย่างสม่ำเสมอมากกว่ากลุ่มประเทศที่มีความสุขน้อย
4 ลักษณะดังกล่าวนี้ ได้แก่
(1) ความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Cohesion) นักจิตวิทยา Delhey และ Dragolov ( 2016) ศึกษาเรื่องนี้ใน 34 ประเทศ ข้ามระยะเวลา 25 ปีและพบว่า
(ก) ความสัมพันธ์ทางสังคมที่ยืดหยุ่นอย่างสามารถต่อสู้กับปัญหาได้อย่างดี
(ข) ความรู้สึกอันเป็นบวกที่เชื่อมโยงผู้คนเข้ากับชุมชน
(ค) การเน้นสิ่งที่ดีและงดงามร่วมกันของชุมชน ทั้งหมดนี้อธิบายการเกิดขึ้นของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทั้งสองพบว่าพลเมืองมีความสุขมากขึ้นและมีสุขภาพจิตดีขึ้น เมื่อพวกเขามีความสามารถในการสร้างสรรค์การร่วมกันเป็นหนึ่งและความเป็นปึกแผ่นในความเห็นและการกระทำของกลุ่มตนเอง ซึ่งความกลมกลืนเป็นอันหนึ่งเดียวกันที่เกิดขึ้นจะทำให้ทุกคนมีชีวิตที่มีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสังคมที่ร่ำรวยหรือยากจนก็ตามที
(2) ความเท่าเทียมกัน (Equality) รายงานของ UN ฉบับนี้แนะนำว่าสาเหตุใหญ่ที่ทำให้พลเมืองของกลุ่ม Nordic มีความกินดีอยู่ดีสูงก็อาจเป็นเพราะว่า กลุ่มนี้ไม่มีประวัติศาสตร์ของระบบฟิวดัล (Feudalism) และระบบทาส ซึ่งมีอยู่ดาษดื่นในยุโรป รัสเซียและสหรัฐ
เกษตรกร Nordic ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่เป็นอิสระและจำนวนมากเป็นเจ้าของที่ดินที่ตนเองเพาะปลูก อีกทั้งมีอำนาจทางการเมืองมากตลอดประวัติศาสตร์
ในสังคมที่มีความเท่าเทียมกัน ผู้เขียนให้ความเห็นว่าผู้คนจะไว้วางใจกัน อีกทั้งระดับของความไว้วางใจทางสังคมจะมีเสถียรภาพอย่างมาก ข้ามระยะเวลาในประวัติศาสตร์ เมื่อเปรียบเทียบกับสังคมที่มีความเท่าเทียมกันน้อยกว่า
ค่านิยมทางวัฒนธรรมในเรื่องความเท่าเทียมกันมีความสำคัญมาก เมื่อคำนึงถึงสังคมที่มีจำนวนสมาชิกใหม่จากการอพยพมาเพิ่มอยู่เสมอ สังคมที่มีความสุขมากมักทำให้สมาชิกใหม่รู้สึกกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะได้รับความไว้วางใจทางสังคมและได้รับความเท่าเทียมกัน
(3) คุณภาพของสถาบัน (Quality Institutions) รายงานแนะนำว่าความไว้วางใจทางสังคมมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการสร้างสถาบันที่มีคุณภาพของประเทศ ในสังคม Nordic ตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โบสถ์ตอบรับผู้คนหลากหลาย ไม่ว่ายากดีมีจนเป็นสมาชิกใหม่หรือเก่าอย่างเสมอภาคกัน
เช่นเดียวกับสถาบันยุติธรรมที่มีความเป็นอิสระ และสามารถปราบปรามปัญหาคอร์รัปชันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ สถาบันครอบครัว ระบบการศึกษา ระบบราชการ สถาบันภาคเอกชน สถาบันการเมือง ฯลฯ ของกลุ่ม Nordic มีความเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับในเวลา 400 ปีที่ผ่านมา
(4) Mass Education กลุ่ม Nordic ลงทุนอย่างมากอย่างต่อเนื่องในการให้การศึกษาแก่ประชาชนทั่วทุกคนอย่างไม่เสียค่าใช้จ่าย กลุ่มนี้เชื่อว่าพลเมืองที่มีการศึกษาจะสามารถปกครองตนเองได้อย่างดีและเกิดความยั่งยืน
เพื่อนชาวสวีเดนของผมเล่าว่า ศาสนามีบทบาทสำคัญมากในการวางรากฐานการศึกษา ตลอดเวลากว่า 400 ปีที่ผ่านมา พระจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนหมู่บ้านต่างๆ และตรวจสอบเรื่องการอ่านหนังสือออก ใครที่อ่านไม่ออกจะไม่ได้รับการทำพิธีทางศาสนาให้ ดังนั้น ชุมชนและครอบครัวต้องให้ความสนใจในการสอนหนังสือ มิฉะนั้นจะไม่มีพิธีตอนเกิดและแต่งงานในสายตาพระเจ้า
นอกจากนี้ ในโบสถ์พระจะแยกคนอ่านหนังสือออกกับไม่ออกจากกัน ต่อหน้าคนไปร่วมพิธีเพื่อสร้างแรงกดดัน โดยตระหนักว่าการศึกษาเริ่มต้นจากการอ่านออกเขียนได้
รายงานพบว่า สวิตเซอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และแคนาดา ก็มีสี่ลักษณะข้างต้นเช่นกัน จนทำให้ประชาชนมีความสุข
การมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ทำงานอย่างได้ผล มีสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง มีการช่วยเหลืออุดหนุนพลเมืองผู้ประสบความลำบาก อีกทั้งมีอาชญากรรมและคอร์รัปชันในระดับต่ำ ประชาชนรู้สึกถึงความเท่าเทียมกันทางสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งหมดนี้จะทำให้รู้สึกเป็นอิสระไว้วางใจกันและกัน และไว้วางใจสถาบันต่างๆ ในการปกครองประเทศ.