ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์

ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์

ความเชี่ยวชาญการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่นหรือ MQDC ร่วมกับเบย์เครสต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงวัยที่มีประสบการณ์มากว่า 100 ปีจากประเทศแคนาดา สู่การพัฒนา “ดิ แอสเพน ทรี” โมเดลใหม่ของรีไทร์เมนท์โฮม

       ที่ไม่ใช่เพียงที่อยู่อาศัย แต่คือ “บ้าน” ที่คนวัย 50+ สามารถใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ ด้วยความสุข สบายใจ คลายล็อกความกังวลต่างๆ ของผู้สูงวัย ผ่านการจ่ายค่าบ้านครั้งเดียว แล้วได้รับการดูแลตลอดชีวิต ในแนวคิด “Life-time Care”
    ดิ แอสเพน ทรี ตั้งอยู่ในโครงการเดอะ ฟอเรสเทียส์ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง บนถนนบางนา-ตราด ก.ม.7 มีพื้นที่ 398 ไร่ โดยมากกว่า 50 % เป็นพื้นที่สีเขียว และมีป่าปลูกขนาด 30 ไร่เป็นหัวใจของโครงการ โดยดิ แอสเพน ทรี มี 290 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 83 ตารางเมตรถึงประมาณ 253 ตารางเมตร เกือบทุกบ้านสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของป่า และมาพร้อมกับการดูแลตลอดชีวิตครบวงจร

ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์
    ตั้งเป้าไปที่กลุ่มคนที่มีความพร้อมทางการเงิน อายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นกลุ่มคนที่มองหาบ้านจะช่วยให้สามารถใช้ชีวิตอย่างอิสระ มีความหมาย ปราศจากความกังวล มีสุขภาพที่สมบูรณ์ และมีบริการด้านสุขภาพและการดูแลครบวงจรอย่างมืออาชีพ ที่สามารถเข้าใช้บริการได้เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ
    การลงทุนครั้งเดียวในการซื้อที่อยู่อาศัยที่ ดิ แอสเพน ทรี จะช่วยขจัดความกังวล และความไม่แน่นอนในหลายๆเรื่องไปได้ เช่น ค่าครองชีพรอบตัวที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี ค่าส่วนกลาง ค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น นำมาซึ่งความสบายใจอย่างแท้จริง

     เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการ ดิ แอสเพน ทรี ที่ เดอะ ฟอเรสเทียร์ กล่าวว่า ก่อนเริ่มโครงการ ดิ แอสเพน ทรี มีการทำวิจัยจำนวนมากเพื่อให้ทราบถึงจุดที่ผู้สูงอายุกังวลมากที่สุด พบว่า เรื่องหลักที่ผู้สูงอายุมีความวิตกกังวล ประกอบด้วย 1.บ้าน ที่ปลอดภัยและอยู่ได้แบบมีความสุขเหมาะสมกับวัย 2.การดูแล 3.ความเจ็บป่วย 4.ค่ารักษาพยาบาล และ 5.เรื่องสังคมหรือการไม่มีเพื่อน โครงการจึงมุ่งมั่นออกแบบในทุกมิติ ที่จะขจัดเรื่องที่ผู้สูงอายุวิตกกังวลออกไปให้มากที่สุด

ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์
    ดิ แอสเพน ทรี ให้ความใส่ใจตั้งแต่การออกแบบบ้านจะต้องเหมาะสมกับการใช้ชีวิตของคนอายุ 50 ปีขึ้นไป สิ่งที่ต้องคำนึกถึงอย่างมากคือความปลอดภัย โดยพื้นต้องมีค่ากันลื่นสูง แสงไฟต้องมีระดับที่สบายตาไม่ทำร้ายสายตา พื้นที่ห้องน้ำมีความกว้าง เคาน์เตอร์ต่างๆต้องเตี้ยกว่าปกติ เพราะบางคนสรีระอาจมีการเปลี่ยนแปลง ประตูกว้างกว่าปกติให้วีลแชร์สามารถเข้าได้สะดวก และระบบการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน

จ่าย 1 ครั้งดูแลตลอดชีวิต
      ไม่เพียงการออกแบบบ้านที่ใส่ใจ ความพิเศษที่แตกต่างของ ดิ แอสเพน ทรี อยู่ที่แนวคิด “Life-time Care” หรือการดูแลตลอดชีวิต โดยจ่ายเงินซื้อบ้านที่นี่ก้อนเดียว นอกจากได้ที่อยู่อาศัยแล้ว เจ้าของบ้านยังจะได้รับประกันสุขภาพ ครอบคลุมความจำเป็นด้านการรักษาพยาบาลไปจนถึงอายุ 99 ปี
        รวมทั้ง มีเจ้าหน้าที่สแตนด์บายดูแลตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน มีบริการแม่บ้านทุกสัปดาห์ มีอาหารเช้า ที่มีโภชนาการเหมาะสมทุกวัน สิทธิในการใช้บริการห้องรับประทานอาหารส่วนกลาง คลับเฮาส์ที่มีโปรแกรมฟิตเนสพิเศษ บริหารร่างกายจิตใจ รวมถึงกิจกรรมต่างๆ เช่น ศิลปะ ร้องเพลง ตลอดจนมีศูนย์สุขภาพและสมอง ที่มีบริการทางการแพทย์พิเศษเฉพาะ 

    ความพิเศษอีกอย่าง คือ ดิ แอสเพน ทรี ไม่ใช่โครงการรูปแบบสแตนด์อโลนเหมือนรีไทร์เมนท์โฮมอื่นๆ แต่ตั้งอยู่ใน multi generational commumity หรือชุมชนที่มีคนหลากหลายช่วงวัย ทำให้ผู้สูงวัยได้พบปะผู้คนจากหลากหลายช่วงวัย เป็นการส่งเสริมสุขภาพกายใจได้มากกว่า

สุขกับไลฟ์สไตล์แบบตัวเอง
     ที่นี่ มีกิจกรรมให้ทำวันละไม่ต่ำกว่า 5-10 กิจกรรม เลือกได้ตามความชอบและไลฟ์สไตล์ เช่น ศิลปะ ร้องเพลง เล่นดราม่า การวิ่ง ออกกำลังกาย เล่นเกม เป็นต้น สามารถทำคนเดียว หรือทำกับเพื่อน หรือเป็นกลุ่ม

“วันแรกที่เข้ามาอยู่เจ้าของบ้านจะได้รับการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ โภชนาการแบบที่ต้องการ กิจกรรมที่ชอบ และไลฟ์สไตล์ต่างๆ เพื่อออกแบบกิจกรรมที่เหมาะกับความสนใจ และความต้องการทางสุขภาพของแต่ละบุคคล”


    ทั้งนี้ ดิ แอสเพน ทรี ได้ผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับ “เบย์เครสต์” ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุระดับโลก มายาวนานถึง 100 ปี มาร่วมออกแบบการดูแลสุขภาพตลอดชีวิตแบบครบวงจร โดยมุ่งเน้นในเชิงป้องกัน การส่งเสริมสุขภาพให้อยู่อย่างมีความสุข สบายใจ ตามแบบไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ได้อย่างยืนยาว รวมถึง มีทีมแพทย์และการดูแลรักษา
    “ตอนเริ่มคิดพัฒนาโครงการมีคำถามว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะสามารถดูแลคนได้อย่างไร นั่นจึงเป็นจุดสำคัญของการแสวงหาความร่วมมือกับมืออาชีพ ระดับโลก อย่างเบย์เครสต์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการดูแลผู้สูงวัย และดีที่สุดระดับโลก รวมทั้งมีวิสัยทัศน์การทำงานตรงกับดิ แอสเพน ทรี มาทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้อยู่อาศัย” เฮ จูน พาร์คกล่าว
ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์

ดิ แอสเพน ทรี ที่เดียวที่แรก
    William E. Reichma MD President & Chief Executive Officer Baycrest กล่าวว่า มาเป็นพันธมิตรกับดิ แอสเพน ทรี เนื่องจากวิสัยทัศน์ตรงกัน ต้องการให้คนสูงอายุอย่างมีความสุข มีความหมาย ต้องการให้ช่วงเวลาตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไปเป็นช่วงเวลาสวยงามที่สุดของชีวิต ซึ่งสามารถมีชีวิตที่มีความสุข โดยเทคโนโลยี นวัตกรรม งานวิจัยและผ่านกิจกรรมต่างๆที่จะมีให้ลูกบ้าน
          ไม่ใช่การใช้ชีวิตแบบรอวันป่วยและเข้ารับการรักษา แต่ในทุกๆวันจะมีกิจกรรมให้ทำ ซึ่งเน้นพัฒนา 4 ด้านทั้งกาย ใจ อารมณ์และสมองเป็นหลัก เพราะคนวัยนี้ยังต้องการเพื่อน ต้องการสังคม ใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้พบปะคน ซึ่งไม่ใช่พบปะเฉพาะคนวัยเดียวกันเท่านั้น แต่รวมถึงคนต่างวัยด้วย เป็น Happy Living Place
 

“ในโลกแทบจะไม่มีโครงการที่รวมทุกอย่างไว้ในที่เดียวกันแบบนี้ และแม้ประเทศไทยจะมีรีไทร์เมนท์โฮมจำนวนมาก แต่ดิ แอสเพน ทรี เป็นที่แรกและที่เดียวที่ทำเรื่องการดูแลสุขภาพสูงวัยตลอดชีวิตแบบครบวงจร” William E. Reichma กล่าว


      เน้นทั้งเรื่องการทำให้ชีวิตผู้อยู่อาศัยมีความสุข มีความหมาย มีการดูแลต่างๆทั้งในคนที่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติยังไม่ต้องการความช่วยเหลือ แต่ดูแลเชิงป้องกันให้มีความสุข ยืนยาว แจ่มใสขึ้น และคนที่ต้องการการดูแลช่วยเหลือ

รูปแบบเหมาะสมผู้สูงวัยไทย
    โมเดลการดูแลผู้สูงวัย โดยเบย์เครสต์ประสบความสำเร็จมาแล้วระดับโลก เมื่อมาดำเนินการในประเทศไทย ได้มีการปรับให้เหมาะสมกับบริบทของไทย เนื่องจากสังคมวัฒนธรรมอาจจะแตกต่าง อย่างในตะวันตก เมื่ออายุ 20 ปี ลูกจะไม่ได้อยู่กับพ่อแม่แล้ว ส่วนตะวันออกจะยังอยู่กับพ่อแม่และมีความมุ่งมั่นที่จะต้องดูแลพ่อแม่ ปู่ย่า ตายายยามแก่
        อย่างไรก็ตาม สังคมไทยปัจจุบันกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัยสมบูรณ์แบบ คนโสดมากขึ้น แต่งงานน้อยลง ไม่มีลูก หรือมีลูกจำนวนน้อย เป็นต้น ส่วนในแง่ความต้องการของผู้สูงอายุ ถือว่าทั่วโลกไม่แตกต่างกัน คือ ยังต้องการมีสังคม ไม่ใช่อยู่กันเอง จะทำให้ชีวิตมีความหมายมากขึ้น
ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์
    “ความตั้งใจของเบย์เครสต์ และดิ แอสเพน ทรี ไม่ได้ต้องการแยกผู้สูงอายุออกมาจากครอบครัว แต่ต้องการให้ผู้สูงอายุมาอยู่ที่นี่แล้วสบายใจ ไว้ใจและมีความสุขมากขึ้นจริงๆ โดยที่ครอบครัวยังไปมาหาสู่กันได้ ทำกิจกรรมร่วมกันได้ เพราะบางครั้งแม้ผู้สูงอายุจะอยู่กับลูกหลานที่บ้าน แต่ลูกหลานออกไปทำงาน ก็กลายเป็นต้องอยู่ลำพัง มีความเสี่ยงเรื่องสมองเสื่อม จึงควรให้ผู้สูงอายุได้ใช้ชีวิตแบบมีสังคมและตามไลฟ์สไตล์”

กิจกรรมมุ่งเน้นดูแลเชิงป้องกัน
      สิ่งที่เบย์เครสต์เข้ามาดำเนินการที่ดิ แอสเพน ทรี ได้แก่ 1.กิจกรรมต่างๆที่จัดให้สำหรับลูกบ้าน เบย์เครสต์จะพิจารณาคัดเลือก เพื่อให้มั่นใจว่าดีต่อลูกบ้าน มีผลดีเรื่องสมอง กายภาพ อารมณ์ จิตใจ โดยปรับให้เหมาะสมกับความชอบของคนไทย และบริบทสังคมไทย รวมถึง การออกแบบให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล มุ่งเน้นเรื่องของการป้องกัน ทำให้แข็งแรง และ 2.ศูนย์สุขภาพและสมอง (Health & Brain Center) เมื่อผู้อยู่อาศัยต้องการใช้บริการ และมีการฝึกอบรม CareAngle ตามหลักสูตรของเบย์เครสต์
    “ดิ แอสเพน ทรีและเบย์เครสต์ มุ่งดูแลลูกบ้านเหมือนคนในครอบครัวของเรา และหวังว่าจะเป็นโมเดลตัวอย่างของโลกในการดูแลผู้สูงวัยตลอดชีวิตแบบครบวงจร และเป็นรีไทร์เมนท์โฮม ที่มีสังคมของคนหลากหลายช่วงวัยอยู่ร่วมกัน แม้จะคนละโครงการแต่มีจุดเชื่อมต่อของชุมชน” William E. Reichma กล่าวอย่างมุ่งมั่น
ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์
กว่า 100 ปี ‘เบย์เครสต์’ เชี่ยวชาญด้านผู้สูงอายุ
    “Aging successfully คือ การที่ผู้สูงวัยยังสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความหมายและมีความสุขกับการทำสิ่งต่างๆที่ต้องการในวัยของตัวเอง ด้วยความสนุกได้ นั่นคือเป้าประสงค์ของเบย์เครสต์ ไม่ใช่สูงวัยแล้วต้องใช้ชีวิตแบบหดหู่ รอวันเจ็บป่วย รอวันรักษาตัว”
    เบย์เครสต์ เป็นองค์กรตั้งอยู่ในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดามีอายุมากกว่า 100 ปี มีความเชี่ยวชาญเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ที่ไม่ใช่เพียงแค่โรงพยาบาลหรือที่อยู่อาศัย แต่ทำเรื่องของการวิจัยและนวัตกรรมด้วย ดำเนินการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ
    สำหรับรพ.ดูแลผู้สูงอายุตามความต้องการที่จะได้รับการดูแลมากน้อยของแต่ละคน ในส่วนของศูนย์วิจัยและศูนย์นวัตกรรม ดำเนินการให้กับประเทศต่างๆทั่วโลกมากกว่า 40 ประเทศ มีงานวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้รับการสนับสนุนทุนวิจัยทั้งภาครัฐและเอกขนจากทั่วโลก
    งานวิจัยที่เบย์เครสต์ทำจะเกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นและโรคของผู้สูงอายุ เช่น อัลไซเมอร์ สโตรก ความจำเสื่อม โรคทางสมอง เป็นต้น โดยเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมองเสื่อม เรื่องของเมมโมรี่แคร์ มีนักวิจัยที่ทำงานโฟกัสเรื่องนี้โดยเฉพาะหลายร้อยคน ซึ่งงานวิจัยและนวัตกรรมที่ทำ การรักษาจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่จะเน้นเรื่องของการป้องกัน ทำให้โอกาสเป็นโรคน้อยหรือป่วยแล้วจะดูแลอย่างไร
    ในภูมิภาคเอเชีย เบย์เครสต์ได้เข้าไปช่วยเหลือในหลากหลายองค์กร รูปแบบแตกต่างกันทั้งให้องค์ความรู้ วิจัยและเสริมด้านอื่นๆ อย่างเช่น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุในสาธารณรัฐประชาชนจีน ใช้โมเดลของเบย์เครสต์ในการดำเนินการ เป็นต้น
ดิ แอสเพน ทรี ผนึกระดับโลก ดูแลชีวิตสูงวัยแฮปปี้ตามไลฟ์สไตล์

แนวคิด ‘ดูแลตลอดชีวิต (Life-time Care)’
    ปัจจุบันคนคาดหวังจะมีชีวิตหลังเกษียณแบบสบายๆ มีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ต่ำกว่า 25 ปี และมีสุขภาพแข็งแรงแม้จะอายุเข้า 80-90 ปี ดิ แอสเพน ทรี เห็นถึงศักยภาพที่สูงมากในตลาดโครงการที่พักอาศัยเซ็กเมนต์ใหม่นี้ ที่จะเปิดโอกาสให้คนวัยนี้ที่ยังแข็งแรงสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ มีไลฟ์สไตล์ที่ไม่ต่างไปจากเดิม เพียงแต่ให้มีบริการที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิดและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมทั้ง มีกิจกรรมที่จะมีเติมเต็มชีวิตให้สมบูรณ์ทั้งทางกายและทางใจ
    แนวคิดการดูแลตลอดชีวิตของ ดิ แอสเพน ทรี ช่วยขจัดความวิตกกังวลหลายอย่างที่เป็นปัญหาใหญ่ของคนวัย 50 ปีขึ้นไป และด้วยบริการที่หลากหลายในโครงการ ทำให้ผู้อยู่อาศัยในวัยนี้ สามารถที่จะอย่างมีความสุข สบายใจกับไลฟ์สไตล์ตนเอง แม้ขณะที่อายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่ต้องพึ่งพิงอาศัยญาติ พี่น้อง เพื่อนในการดำเนินชีวิตประจำวัน
    นอกจากนั้น ยังช่วยลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเงิน เนื่องจากไม่มีภาระค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายเมื่อเข้าพักอาศัยในโครงการ ซึ่งโดยทั่วไปค่าส่วนกลาง อาจจะมีการเรียกเก็บเพิ่มขึ้นแบบคาดเดาไม่ได้ในอนาคต
    ขณะเดียวกัน ผู้อาศัยจะหมดกังวล เรื่องการจ่ายเบี้ยประกันสุขภาพและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามอายุ เพราะทั้งหมดนี้ได้รวมเอาไว้ในราคาที่ซื้อบ้านกับโครงการแล้ว ผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Cal Center โทร 1265