กรมพินิจฯ แสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย ผู้ประสบเหตุ เด็ก 14 ยิงปืนในพารากอน
กรมพินิจฯ แสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย ผู้ประสบเหตุ และได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เด็ก 14 ปียิงปืนในพารากอน พร้อมแจงกระบวนการยุติธรรมทางอาญาเด็กและเยาวชน
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขอแสดงความเสียใจต่อผู้เสียชีวิต ครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้ประสบเหตุและได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 ณ ห้างสยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้เด็กอยู่ในขั้นตอนตรวจสอบการจับกุมของศาลเยาวชนและครอบบครัวกลาง เมื่อขั้นตอนดังกล่าวแล้วเสร็จจะเข้าสู่การดำเนินการของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน โดยสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร จะเป็นหน่วยงานดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมเด็กและเยาวชนต่อไป
ซึ่งวิธีการดำเนินการนั้นจะใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชน แทนการลงโทษทางอาญาแบบผู้ใหญ่ สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจะทำการค้นหาและรวบรวมข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับเด็กและจัดให้มีการคุ้มครองด้วยวิธีที่เหมาะสม
ในกรณีที่เด็กได้รับการ “ปล่อยตัวชั่วคราว” จะมีการส่งมอบเด็กให้กับผู้ปกครอง และให้ผู้ปกครองพาเด็กไปพบเจ้าพนักงานพินิจของสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร เพื่อทำหน้าที่สืบเสาะข้อเท็จจริงและแสวงหาข้อมูลเกี่ยวกับสาเหตุของการกระทำผิด และรายงานต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณา
หากกรณีเด็ก “ไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว” เด็กจะถูกส่งไปควบคุมตัวที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ในระหว่างควบคุมตัวหากประเมินแล้วพบว่าเด็กมีปัญหาสุขภาพกาย หรือสุขภาพจิต อันเป็นการไม่เหมาะสมต่อการควบคุมดูแลในสถานควบคุม สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครจะรายงานต่อศาลเพื่อประกอบการพิจารณาการควบคุมตัว และวิธีการดำเนินการที่เหมาะสมกับเด็กในระหว่างรอการพิจารณาคดี
สำหรับ การเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัว และส่งต่อภาพที่มีการเปิดเผยอัตลักษณ์ของเด็กที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดนั้น กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจึงขอความร่วมมือหยุดเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิในความเป็นส่วนตัว อันเป็นการกระทำการละเมิดกฎหมาย ทั้งยังขัดต่อหลักอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 ซึ่งมีโทษระวางจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ