“Thailand Smart City Expo 2024”มหกรรมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ6-8 พ.ย.67

“Thailand Smart City Expo 2024”มหกรรมพัฒนาเมืองอัจฉริยะ6-8 พ.ย.67

“เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จึงได้มีการกล่าวถึง “เมืองอัจฉริยะหรือ Smart City”  เป็นครั้งแรก

KEY

POINTS

  • ไทยมีเมืองที่ผ่านการรับรองเป็นเมืองอัจฉริยะ แล้วจำนวน 36 เมืองจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2567 – 2570 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยกระดับเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ไม่น้อยกว่า 105 เมือง
  • ดีป้า พร้อมด้วย เอ็น.ซี.ซี. จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024”มหกรรมเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ คาดเพิ่มมูลค่าธุรกิจเกือบ 600 ล้านบาท
  • การใช้ข้อมูล เทคโนโลยีจำเป็นต่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้คนให้ดียิ่งขึ้น

เมืองอัจฉริยะ (Smart City)” เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม มีเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) จึงได้มีการกล่าวถึง “เมืองอัจฉริยะหรือ Smart City”  เป็นครั้งแรก

เพื่อการรักษาความสามารถทางการแข่งขันในระบบเศรษฐกิจโลก ดึงดูดพลเมืองที่มีความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ให้อยู่กับเมือง ปรับปรุงการบริหารจัดการเมืองให้โปร่งใส รวมถึงการรักษาสภาพอากาศให้คงที่ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างคุ้มค่า

จนกระทั่งปี 2559  รัฐบาลไทยได้มีการประกาศนโยบายประเทศไทย 4.0 และได้การบรรจุ “เมืองอัจฉริยะหรือ Smart City" ลงไปในยุทธศาสตร์ที่สำคัญและแผนในการพัฒนาประเทศ และปี พ.ศ. 2562 สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า (depa) ก่อตั้ง Smart City Thailand เพื่อการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ภายใต้แนวคิดการพัฒนาเมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัยให้ประชาชนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุขอย่างยั่งยืน

โดยมีการประกาศลักษณะของการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 7 ด้านด้วยกัน คือ สิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (Smart Environment), การเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ (Smart Mobility), การดำรงชีวิตอัจฉริยะ (Smart Living), พลเมืองอัจฉริยะ (Smart People), พลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy), เศรษฐกิจอัจฉริยะ (Smart Economy) และการบริหารภาครัฐอัจฉริยะ (Smart Governance)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

“เมืองอัจฉริยะ” มีมากกว่า ชีวิต-เทคโนโลยีและนวัตกรรม

ประกาศแล้ว 36 เมืองอัจฉริยะ ตั้งเป้าเพิ่มอีก 15 เมือง ภายในปี 2566

เปิดงาน“Thailand Smart City Expo 2024”

ปัจจุบันประเทศไทยมีเมืองที่ผ่านการรับรองเป็นเมืองอัจฉริยะ แล้วจำนวน 36 เมืองจาก 25 จังหวัดทั่วประเทศ โดยในปี 2567 – 2570 รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะยกระดับเมืองอัจฉริยะน่าอยู่ไม่น้อยกว่า 105 เมือง อีกทั้งมีการประเมินว่าจะก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นกว่า 10,000 ล้านบาท

ดีป้า พร้อมด้วย บริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เตรียมจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” มหกรรมแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะระดับนานาชาติที่จะมีขึ้นเป็นครั้งที่ 3ระหว่างวันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2567 ในแนวคิด ‘Towards Smart Data Era’ ซึ่งแสดงถึงความตื่นตัวของทุกภาคส่วนที่จะนำประเทศไทยเข้าสู่ยุคแห่งการขับเคลื่อนด้วยข้อมูล “Thailand Smart City Expo 2024”

ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม ดีป้า กล่าวว่ารัฐบาลมีนโยบาย Cloud First Policy ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ คณะกรรมการเฉพาะด้านการขับเคลื่อนตามนโยบายการใช้คลาวด์เป็นหลัก (Cloud First Policy) ทำหน้าที่ ติดตาม กำกับดูแล การใช้บริการคลาวด์ให้เป็นตามมาตรฐานสากล ด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล การกำหนดราคา และการติดตามตรวจสอบการให้บริการ

ขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะต้องมีการทำข้อมูล

“ทุกหน่วยงานของภาครัฐมีการใช้ คลาวด์อยู่แล้ว เพราะการหลีกเลี่ยงไม่ใช่ คลาวด์ คงไม่ได้ ซึ่ง Cloud First Policy เน้นที่ภาครัฐเป็นการเก็บข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ดีขึ้น อีกทั้งระบบคลาวด์มีความปลอดภัยสูง”ดร.ภาสกร กล่าว

ขณะเดียวกัน ดีป้าได้มีการออกมาตรการ dSURE เครื่องหมายรับรองคุณภาพผลิตภัณฑ์ดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล ซึ่งจะช่วยยกระดับสินค้าดิจิทัลที่วางขายในประเทศ รวมถึงการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ ก็ต้องมีการเก็บข้อมูลในคลาวด์ หรือระบบที่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของข้อมูล ควบคู่กับการบริหารจัดการเรื่องของพลังงานสะอาดร่วมด้วย

ดร.ภาสกร  กล่าวต่อว่าทุกการทำงานของดีป้า จะอยู่ในระบบ คลาวด์ เป็นหลัก ทำให้อยู่ที่ไหนก็สามารถดึงข้อมูล ตรวจสอบข้อมูล แลกเปลี่ยนข้อมูลได้ การขับเคลื่อนเรื่องของเมืองอัจฉริยะ ปีนี้เป็นปีแรกที่ทุกจังหวัด ต้องมีการดำเนินการเรื่องดังกล่าว เนื่องจากเป็นหนึ่งในการประเมินของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 

การจัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” ในครั้งนี้ เชื่อว่าทุกเมืองน่าจะมาเข้าร่วมจำนวนมาก เพราะภายในงานมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านการพัฒนาเมืองอัจฉริยะมากมาย ทั้งจากในส่วนของเมืองต่างๆ ที่มีการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 140 กว่าเมือง และภาคเอกชน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนจากต่างประเทศ

ไทยสู่ Digital Hub ในอาเซียน

ดร.ภาสกร  กล่าวอีกว่าเมืองและจังหวัดที่ดำเนินการเมืองอัจฉริยะต้องมีแพลตฟอร์มข้อมูลเมือง (City Data Platform: CDP)รวมถึงการควบคุมคุณภาพ และสิทธิในเรื่องความปลอดภัย ทุกเมืองต้องมีการดำเนินการเรื่องเหล่านี้  และการจะพัฒนาเมืองเป็นเมืองอัจฉริยะต้องมีเทคโนโลยีที่เหมาะสมในแต่ละเมือง ต้องส่งเสริมคุณภาพชีวิตของผู้คนและขับเคลื่อนทั้ง 7 ด้านไปด้วยกัน

ฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมืองใหญ่ หรือเมืองเล็กหากมีการเรียนรู้เทคโนโลยี หรือนำนวัตกรรมมาใช้ในการพัฒนาเมืองเพียงเรื่องเล็กๆ แต่ทำให้ผู้คนในเมืองมีคุณภาพชีวิตที่ดีก็จะสามารถพัฒนาสู่เมืองอัจฉริยะได้

การพัฒนาเมืองอัจฉริยะของไทยมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากมองภาพรวมในกลุ่มประเทศอาเซียนนั้น ไทยจะรองเพียงจากประเทศสิงคโปร์ เพราะไทยเป็นประเทศที่มีเมืองค่อนข้างมาก ขณะที่สิงคโปร์ เขาจะนับทั้งประเทศเป็นเมือง และหลายๆเมืองอัจฉริยะของไทยต่างได้รับรางวัลมากมาย

"การเป็น Digital Hub ในอาเซียนนั้น ไทยสามารถขับเคลื่อนไปถึงจุดนั้นได้ เนื่องจากมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่อง และไทยเป็นเสมือน City Lab แหล่งทดลองการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาเมือง เพราะแต่ละเมืองของไทยมีบริบทแตกต่างกัน” ดร.ภาสกร กล่าว

ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าธุรกิจภายในงาน 6 หมื่นล้านบาท

ไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงโครงสร้างพื้นฐาน การให้บริการสาธารณะ และสร้างความยั่งยืนในด้านสังคมและเศรษฐกิจ ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ อาทิ IoT (Internet of Things): เชื่อมโยงอุปกรณ์ต่าง ๆ ในเมือง เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบน้ำ ,Big Data Analytics: การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อปรับปรุงการบริการและการตัดสินใจและRenewable Mobility Energy Technologies: การใช้พลังงานทดแทน เพื่อรองรับความต้องการพลังงานในเมือง

นายสุรพล อุทินทุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในฐานะผู้จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” กล่าวว่า การจะยกระดับเมืองสู่เมืองอัจฉริยะได้นั้น ต้องมีข้อมูล ซึ่งการจัดงาน Thailand Smart City Expo ซึ่งปีนี้ดำเนินการเข้าสู่ปีที่ 3 คาดว่าจะมีเมืองต่างๆ เข้าร่วมมากขึ้น ไม่ใช่เพียงเมืองที่กำลังเข้าร่วมเมืองอัจฉริยะ 140 กว่าเมืองเท่านั้น และการพัฒนาเมืองอัจฉริยะจากเดิมในแต่ละเดือนจะมีเมืองต่างๆ เข้าร่วมพิจารณาและผ่านเกณฑ์มาตรฐานต่างๆ 4-5 เมือง

การจัดงานในครั้งนี้ จะทำให้มีเมืองผ่านเกณฑ์มาตรฐานมากขึ้น 8-9 เมือง อีกทั้ง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ใช้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะเป็นเกณฑ์ในการทำงานของพ่อเมืองแม่เมืองต่างๆ คาดว่าเกือบทุกเมืองจะเข้าร่วมงาน Thailand Smart City Expo 2024

"การจัดงานในครั้งคาดว่าจะมีมูลค่าธุรกิจเกือบ 600 ล้านบาท มากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะในแต่ละปีจะมีผู้สนใจเข้าร่วมงานจำนวนมากขึ้น และปีนี้คาดว่าจะมากขึ้นกว่าเดิม"นายสุรพล กล่าว

อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีมีความจำเป็นอย่างมากในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ  เพราะทำให้มีข้อมูลจากพฤติกรรมของผู้คนในแต่ละพื้นที่ และนำไปสู่การวิเคราะห์ต่างๆ การจดงานในปีนี้ จะเป็นเสมือนพื้นที่ให้เมืองต่าวๆ ได้มาเรียนรู้ แลกเปลี่ยน ศึกษาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการ Matching จับคู่ระหว่างเมืองกับภาคเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐที่จะดำเนินการเรื่องของเมืองอัจฉริยะร่วมกัน เป็นการสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และทำให้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไฮไลต์ที่น่าสนใจ รวบรวมเทคโนโลยีเมืองอัจฉริยะ

แพลตฟอร์มของการจัดงานจะเป็นการนำเทคโนโลยี นวัตกรรม และโซลูชั่น มารวมไว้ในที่เดียว เพื่อให้คนที่อยู่ในแต่ละพื้นที่ หรือหน่วยงานที่ต้องการทำให้เมืองฉลาดขึ้นมาในงานได้ศึกษา เรียนรู้ แลกเปลี่ยนนวัตกรรมใหม่ๆ เกี่ยวกับการพัฒนาเมือง ซึ่งการเมืองอัจฉริยะ สามารถทำได้ตั้งแต่การประชาสัมพันธ์ การท่องเที่ยวดิจิตอล การ เทคโนโลยีระบบไฟ ระบบป้องกันน้ำท่วม  คาดคะเนความปลอดภัย เป็นต้น

โดยในปีนี้ เอ็น.ซี.ซี. ได้ร่วมกับ ดีป้า จัดงาน “Thailand Smart City Expo 2024” และได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากพันธมิตรและผู้ผลิตนวัตกรรม โดยงานครั้งนี้ เปรียบเสมือนเวทีในการต่อยอดความสำเร็จในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยี Smart City การแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับเมืองอัจฉริยะ การเปิดตลาดใหม่และการขยายฐานลูกค้า และการสร้างเครือข่ายธุรกิจ

สำหรับเทคโนโลยีและกิจกรรมไฮไลต์ที่น่าสนใจภายในงานปี 2024 ประกอบด้วย การแสดงสุดยอดสินค้านวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ อาทิ  AIS, DTC, Korea Alpha, NEC, NMB Minebea, Resync, SAIJAI TECH, Samsung, SCG

พร้อมทั้ง นำเสนอเทคโนโลยีระบบไฟถนนอัจฉริยะ (Smart LED Streetlights) ซึ่งสามารถควบคุมสั่งการได้จากระยะไกลแบบออนไลน์ โดยใช้ระบบ IoT (Internet of Things) ,ระบบ AI Solutions, AI Cloud Platform และ AI Training เพื่อต่อยอดธุรกิจ ,โซลูชันการบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ ,ระบบวัดคุณภาพน้ำด้วยอุปกรณ์ IOT, ระบบ Solar Cell  และงานสัมมนา Workshop จากหน่วยงานและองค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น depa SCG, สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์

นอกจากนั้น ยังมีงานสัมมนาที่น่าสนใจ เช่น

  • เรียนรู้กับผู้นำเทรนด์: กลยุทธ์ความสำเร็จและประเด็นสำคัญในการออกแบบชีวิต Smart Living Talk with Top Leaders: Best Practice and Key Elements for Smart Living Design โดย MECT, Amata และ One Bangkok
  • IT-based health promotion - KENKO investment for health to improve productivity โดย Ministry of Economy, Trade and Industry & Nikkei Inc. (กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม และ บริษัท นิกเคอิ)
  • การท่องเที่ยวเสมือนจริงเพื่อธุรกิจและเศรษฐกิจชุมชนแห่งอนาคต (Virtual Tourism for Future Business and Community Economy) โดย สมาคม Thai Metaverse งานประกาศรางวัลเมืองอัจฉริยะ ประกาศรางวัล smart solution สำหรับ smart city และส่วนแสดง City Playground โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa)
  • แสดงเทคโนโลยีนวัตกรรมยานยนต์ต้นแบบอัจฉริยะ โดย วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม
  • รวมถึงนวัตกรรม สัมมนาและกิจกรรมที่น่าสนใจอีกมากมาย

“Thailand Smart City Expo 2024” จัดขึ้นควบคู่ไปกับงาน Edtex งานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านการศึกษา ระหว่างวันที่ 6-8 พฤศจิกายนนี้ ณ ฮอลล์ 3-4 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์และเฟซบุค Edtex