'เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์' สุ่มเสี่ยงเกิดทุจริตเชิงนโยบาย

เมื่อวันที่ 19 มี.ค.2568 ที่โรงแรมแกรนด์  ไฮแอทเอราวัณ ภายในการเสวนาโต๊ะกลม กรุงเทพธุรกิจ Roundtable:Entertainment Complex Game Changer for Thailand  โดย รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า  มิติทางเศรษฐกิจการจะพิจารณาว่าประเทศมีความพร้อมที่จะดำเนินการเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์หรือไม่ มี 2 ประเด็นที่ต้องให้ความสนใจ คือ 1.ต้องมีการทุจริตคอร์รัปชันในระดับที่ต่ำ เนื่องจากการทุจริตคอร์รัปชันเป็นรากเหง้าของการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีประสิทธิภาพ

อาจทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง

เมื่อประเทศไม่มีกลไกภาครัฐสามารถกำกับดูแลการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ หมายความว่าการพนัน กาสิโนที่ควรควบคุมโดยภาครัฐอย่างเข้มงวด ก็จะกลายเป็นการพนันรูปแบบเสรี ทั้งหมดนี้จะมาซึ่งปัญหาสังคม เศรษฐกิจ การฟอกเงิน จำนวนคนติดการพนันเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญอาชญากรรมร้ายแรง การลักพาตัว การเรียกค่าไถ่ ปัญหาการฆาตกรรม การข่มขืน ทั้งหมดเป็นผลกระทบต่อเนื่องไปถึงปัญหาเศรษฐกิจ

“การศึกษาในต่างประเทศชี้ชัดว่าอาชญากรรมร้ายแรงที่เพิ่มขึ้นในอัตรา 1 รายต่อ 1 แสนประชากร จะทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลง 1 % รวมถึง อาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากการมีพนันกาสิโน กรณีประเทศฟิลิปปินส์ จะลดการลงทุนจากต่างประเทศถึง 11.6-26 พันล้านเปโซ” รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว    

และ 2.ประชากรประเทศส่วนใหญ่มีศักยภาพ ต้องมีสัดส่วนประชากรที่มีรายได้น้อยค่อนข้างต่ำ เพราะผลการศึกษาต่างประเทศ ชี้ชัดว่ากลุ่มเป้าหมายกาสิโน ทั้งรูปแบบบ่อนกาสิโนที่ตั้งสแตนอโลน ตั้งในรีสอร์ต กลุ่มลูกค้าจะเป็นคนติดการพนันและกลุ่มมีรายได้น้อย ซึ่งประชากรไทยที่อยู่ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปัจจุบันประมาณ 16 ล้านคน  คิดเป็น 20% ของประชากรประเทศ

สำหรับประเทศไทย ในเรื่องปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไทยอยู่ในระดับวิกฤติ ล่าสุดอยู่อันดับ 107 ประเทศที่มีการคอร์รัปชันต่ำสุดกับประเทศตุรกีดีกว่าฟิลิปปินส์ แย่กว่าอินโดนีเซีย และเวียดนาม เพราะฉะนั้น เข้าใจว่า สส. รัฐบาลมีความห่วงใยประชาชน เมื่อเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีกาสิโนแล้ว ไม่อยากให้ประชาชนติดการพนัน แต่กลไกรัฐของไทยที่มีคอร์รัปชันรุนแรงจะสามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพได้หรือไม่

ส่อไม่ชอบด้วยรัฐธรรม-ต้องทำประชามติ

“พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการชูเรื่องมีกาสิโนไว้ในการหาเสียงเลือกตั้ง และในนโยบาย ก็อาจจะไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องระวัง เพราะประชาชนไม่อยากไปร้องเรียนว่าทำไม่ถูกต้อง เมื่อไม่ได้หาเสียงไว้แล้วจะทำก็จะต้องมีการทำประชามติก่อน น่าจะเป็นทางออกที่สวยงาม โดยเฉพาะรัฐบาลเป็นชุดที่เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยด้วย” รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าว 

สุ่มเสี่ยงเกิดทุจริตเชิงนโยบาย

รศ.ดร.ชิดตะวัน กล่าวด้วยว่า  ตามกฎหมายที่เขียนไว้ ก็สุ่มเสี่ยงเกิดทุจริตเชิงนโยบายในอนาคต  อย่างเช่น เรื่องกำหนดธรรมเนียมใบอนุญาตเป็นไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เป็นอัตราสูงสุด ที่ไม่สูงควรปรับแก้ให้เป็นขั้นต่ำ 5,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจว่ามีงบประมาณเพียงพอมาแก้ไขหรือเยียวยาผลกระทบ รวมถึง การกำหนดให้อำนาจคณะกรรมการนโยบายเสนออัตราภาษี โดยไม่มีการกำหนดประเภทภาษี และอัตราเปอร์เซ็นต์ ซึ่งในต่างประเทศพบว่ามีการลดหย่อนภาษี จนทำให้ประเทศมีรายได้ต่ำมาก

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์