พม.โชว์ผลงาน 6 เดือน ขยับ ' 9 เรือธง' ฝ่าวิกฤติใหญ่สังคมไทย

“วราวุธ”โชว์ผลงานพม. 6 เดือนขยับ 9 เรือธง ช่วยฝ่า 2 วิกฤติ ยกระดับคุณภาพชีวิตทุกช่วงวัย-สร้างงานสร้างอาชีพ เศรษฐกิจรากหญ้าเข้มแข็งมั่นคง
KEY
POINTS
- สถานการณ์ในประเทศไทย กำลังเผชิญมรสุมวิกฤติใหญ่ 2 เรื่องที่จะต้องฝ่าไปให้ได้ คือ 1.วิ
เมื่อวันที่ 9 เม.ย.2568 ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) แถลงข่าวผลงาน พม.รอบ 6 ระหว่างเดือน ต.ค.2567-มี.ค.2568ว่า ภายใต้หลักการพม. 1 เดียว ภารกิจสำคัญของพม. คือ การดำเนินงานโครงการในพระราชดำริ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น โครงการจิตอาสาพัฒนาคลองเปรมประชากร ปรับปรุงบ้านริมคลองให้มีบ้านมั่นคง คลองน้ำไม่เน่า ส่งเสริมอาชีพ ทำให้ชุมชนเข้มแข็งขึ้น
โครงการอบรมล่ามภาษามือชุมชน 135 ชั่วโมง ร่วมกับ สม.มหิดล และม.สวนดุสิต รวมถึง โครงการเฉลิมพระเกียรติ เช่น โครงการจัดหากายอปุกรณ์ให้ผู้พิการ 72,000 ชุด และ โครงการแว่นตาผู้สูงอายุ 2,400 กว่าราย
ส่วนโครงการตามนโยบายรัฐาล ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนชั่วคราวให้ประชาชน ดูแลค่าครองชีพ ซึ่งผู้พิการได้รับแล้ว 2.1 ล้านราย ออกบัตรคนพิการอีก 1 แสนราย เหลือไม่รับเงินอีก 30,000 รายกำลังเร่งดำเนินการ ผู้สูงอายุ 2.8 ล้านราย ที่ยังไม่ได้รับ 1.5 แสนราย อาจเราะไม่มีมือถือ ข้อมูลไม่ตรง พม.กำลังเร่งดำเนินการ
6 เดือนร้องเรียนเกือบ 90,000 ราย
สถานการณ์ในประเทศไทย กำลังเผชิญมรสุมวิกฤติใหญ่ 2 เรื่องที่จะต้องฝ่าไปให้ได้ คือ 1.วิกฤติประชากร และ2.วิกฤติความเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ จึงได้มีการจัดตั้ง 2 ศูนย์เป็นการเฉพาะในการดูแลช่วยเหลือประชากรกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ ศูนย์เร่งรัดจัดการสวัสดิการประชาชน(ศรส.) ดูแลภาวะเร่งด่วนมีทีมสหวิชาชีพเข้าตรงจุดบรรเทาเฉพาะหน้า โดย 6 เดือนมีร้องเรียน 87,000 ราย ผ่านสายด่วน 1300 จำนวน 70,000 ราย ผ่านสังคมออนไลน์ 7,000 ราย
ปัญหาร้องเรียนมากที่สุด 1.ความรุนแรงครอบครัว 2.รายได้ ความเป็นอยู่ 3.คนไร้ที่พึ่ง ขอทาน จึงได้ผลักดันร่างพรบ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว ผ่านครม.แล้วจะส่งเข้ารัฐสภาต่อไป ,ร่างพรบ.คุ้มครองเด็ก มีการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รอเข้าครม.
2.ศูนย์บริหารการดูแลกลุ่มเปราะบางจากภัยพิบัติ(ศบปภ.) เพื่อให้ความช่วยเหลือดูแลกลุ่มเปราะบางเมื่อประสบภัยพิบัติ นอกจากนี้ ได้ขอกรมบัญชีกลางเพิ่มเบี้ยทำถุงยังชีพ 700 บาท เป็น 1,000 บาท สามารถช่วยเพิ่ม อุปกรณ์ต่างๆ เช่น ผ้าอ้อม นมผง ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะกลุ่มปเปราะบางจำเป็นต้องใช้ และทำงานร่วมกับธนาคารโลกจัดทำแผนที่เสี่ยงภัย แสดงข้อมูลกลุ่มเปราะบางในกรณีเกิดภับพิบัติในการเข้าไปช่วยเหลือไดทันท่วงที
พม.ขับเคลื่อน 9 เรือธง
การเดินหน้าจากนี้มีเป้าหมาย พันธกิจสำคัญ 9 เรือธง เพื่อติดอาวุธให้พม.ดูแลประชาชน ประกอบด้วย
1.ยกระดับพัฒนาศักยภาพเด็กปฐมวัย เพราะเด็กไทยเกิดน้อยแต่จะต้องให้มีคุณภาพมากขึ้น โดย 6 เดือนที่ผ่านมาดำเนินการยกระดับศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย 8 แห่ง และขยายสู่เป้าหมาย 462 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาแอปพลิเคชันกำกับดูแลเด็กปฐมวัย
2.การปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานดูแลผู้สูงอายุ เตรียมความพร้อมรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุสุดยอดในอีกไม่ถึง 10 ปีข้างหน้า หนึ่งในสิ่งที่ดำเนินการ ผู้บริบาลและคุ้มครองสิทธิผู้สูงอายุในชุมชน เริ่มจาก 30 คน 6 เดือนเพิ่มเป็น 311 คน ปีงบประมาณต่อไป เพิ่มเป็น 3,000 กว่าคน ตั้งเป้าปี 2570 มี 34,000 คนดูแลผู้สูงอายุได้เกือบ 10 ล้านคนทั่วประเทศ และพัฒนาแพลตฟอร์มนิรันดร์ในการติดตามการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.สร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง พัฒนาทุนมนุษย์ สร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจในระดับนิคมสร้างตนเอง 25 แห่ง โดยโครงการนิคมNext ดำเนินการแล้ว 13 แห่ง มีรายได้เพิ่มขึ้น 8 ล้านบาท มีรายได้ 10,000 บาททุกเดือน ทำให้มีความยั่งยืน และจะขยายครบอคลุมทุกนิคมสร้างตนเองภายใต้พม.
คนพิการทำงานได้ 2 แสนกว่าคน
4.พัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ มีอาชีพ มีรายได้ พึ่งพาความสามารถของตนเอง ไม่รอการพึ่งพา มีโครงการ top 10 ผู้นำคนพิการสร้างแรงบันดาลใจสามารถเป็นตัวอย่างที่ดีได้ และร่วมกับศธ.และกระทรวงอว.พัฒนาทักษะคนพิการ เริ่มกับ 6 มหาวิทยาลัย สามารถหางานหาอาชีพ 251 คน ถ้าใช้สถาบันการศึกษาได้ 6,000 แห่ง จะมีคนพิการทำงานได้ 2 แสนกว่าคน ควบคู่กับการผลักดันร่างพรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งอยู่ขั้นตอนเสนอคครม.
5.สร้างหุ้นส่วนทางสังคมสู่สวัสดิการที่ยั่งยืน เป็นการเติมเต็มสวัสดิการสังคมโดยใช้ทุกภาคส่วนร่วมกันดำเนินงาน มีการปรับปรุงพรบ.ส่งเสริมการจัดสวัสดิการสังคม เน้นสร้างเครือข่าย โครงสร้างที่เหมาะสมและมีพลังมากขึ้น เช่น โครงการเสริมพลังวัดพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง และจะขยายไปยังองค์กรศาสนาอื่นๆต่อไป เพื่อเข้ามาร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต
6.การขับเคลื่อนพันธกรณีระหว่างประเทศที่สำคัญ พม.ประกาศให้ทั่วโลกรู้ที่จะทำเป็นตัวอย่างให้ประเทศอื่นๆ เช่น การผลักดันความเสมอภาคทางเพศ เป็นประเทศแรกในอาเซียน ประเทศที่ 3 ในเอเชียที่มีพรบ.สมรสเท่าเทียม และการเจรจาเพื่อนบ้านคุ้มครองเด็กอพยพ เด็กไร้สัญชาติ ซึ่งไม่เคยให้สัญชาติเด็กที่อพยพ แต่มีหน้าที่ให้การดูแลความเป็นอยู่ของเด็กทั้งกาย ใจ การพัฒนาด้านการศึกษา สาธารณสุขเป็นสิ่งที่ต้องทำภายใต้อนุสัญญาระดับนานาชาติ
7.การสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ทางสังคมเชิงรุก ให้ประชาชนมั่นใจในพม.และ สื่อสารเพื่อสร้างการตระหนักรู้เกี่ยวกับสิทธิต่างๆ
8.พัฒนาศักยภาพบุคลากรด้านสังคม พัฒนาทักษะฮาร์ดสกิล ซอฟต์สกิลขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง เป็นนักพัฒนาสังคมมืออาชีพ
9.พัฒนาระบบพม.ดิจิทัลและฐานข้อมูล บิ๊กดาต้าบูรณาการฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เร็วในการเข้าช่วยเหลือดูแล และความปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ให้เจาะและเปลี่ยนฐานข้อมูล
ขยายผลอีก 6 เดือน
ขณะที่ 6 เดือนนับจากนี้เรือธง 9 ด้านจะทำเรื่องขยายผลศูนย์เด็กเล็กใกล้บ้าน ในและนอกพื้นที่นิคมขยายผลผู้บริบาลและพิทักษ์สิทธิผู้สูงอายุครอบคุมทุกชุมชน ทุกจังหวัด เร่งรัดการขับเคลื่อนโครงกรนิคมNext ให้ประชาชนมีควาเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รายได้เพิ่ม พมจ.Next ราษฎรพื้นที่สูง Next ให้เศรษฐกิจรากหญ้าเข้มแข็งมั่นคงมากขึ้น ขยายโครงการผู้นำคนพิการและจัดกิจกรรม career connect เชื่อมโยงคนพิการกับผู้ประกอบการ และจัดงานเอ็กโปร์ SDx 2025 เป็นงานเอ็กโปร์เกี่ยวกับการพัฒนาสังคม เป็นต้น
นอกจากนี้ งานประจำที่ขับเคลื่อนต่อไป อาทิ การขับเคลื่อนการพัฒนาที่อยู่อาศัย สำหรับคนทุกช่วงวัย โครงการบ้านมั่งคงสำหรับแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด โครงการบ้านเพื่อตายาย โครงการสินเชื่อเพื่อพัฒนาที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย , การดูแลและจัดการปัญหาคนไร้บ้าน ขอทาน ,การช่วยเหลือและพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไร้ที่พึ่ง และการพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ เป็นต้น
อย่าหวั่นไหวกระแสปรับครม.
นายวราวุธ ย้ำด้วยว่า กระแสข่าวปรับครม.อย่าไปฟัง เพราะสิ่งที่พูดนั้นเป็นสิ่งที่ทำมาตลอด 6 เดือนและทำต่ออีก6 เดือน ให้ครบ 1 ปี ตราบใดที่ตนยังเป็นรมว.จะทำงานจนนาทีสุดท้ายเพราะฉะนั้นทำงานไปด้วยกัน อย่าเข้าเกียร์ว่างแล้วมานั่งคิดว่าอีกไม่นาน รมว.วราวุธจะไปกระทรวงนั้นกระทรวงนี้
แต่วันนี้ยังอยู่ที่นี่ ยังมีแผนงานอีกมากที่จะขับเคลื่อน เพราะฉะนั้นเรื่องอื่นอย่าคิดมาก ซึ่งเมื่อการเมืองและหน่วยราชการรวมเป็นหนึ่งเดียว คนที่ได้ประโยชน์ที่สุด ไม่ใช่นักการเมือง ข้าราชการแต่คือประชาชน
“ใครจะเป่าหูว่ารมว.วราวุธ จะย้ายไปอยู่ที่นั่นที่นี่ ไม่ต้องห่วง เพราะเมื่อมีข่าวปรับครม.ทุกครั้งมีชื่อผมทุกครั้ง จึงชินแล้ว แต่วันนี้ผม.ยังเป็นรมว.พม.อยู่มาทำงานด้วยกัน ให้เป็นความหวัง ที่พึ่งของประชาชนที่แท้จริง”