"DNA Testing" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่อยาก "ตรวจ DNA" หาเชื้อชาติต้นกำเนิด

"DNA Testing" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่อยาก "ตรวจ DNA" หาเชื้อชาติต้นกำเนิด

เกิดที่ไทย พูดไทย แต่อาจไม่ใช่คนไทย! รู้จักชุดตรวจ "DNA Testing" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่เกิดความสงสัยในชาติกำเนิดของตนเอง และปัจจุบันคนเราสามารถ "ตรวจ DNA" เพื่อหาคำตอบนั้นได้แล้วถึงระดับพันธุกรรม

ไม่ใช่แค่ ATK เท่านั้นที่เป็นชุดตรวจยอดนิยมในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่รู้หรือไม่? มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อย เริ่มสนใจชุดตรวจอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า “DNA Testing” เพื่อใช้ “ตรวจ DNA” หาเชื้อชาติบรรพบุรุษ หรือชาติกำเนิดของตนเองได้ลึกถึงระดับพันธุกรรม

 

  • DNA Testing หรือ Genetic Testing คืออะไร?

จริงๆ แล้ว DNA Testing มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจดีเอ็นเอเพื่อหาความสัมพันธ์ทางสายเลือด, ตรวจหาเชื้อชาติต้นกำเนิด, ตรวจหาความเสี่ยงการเกิดโรคในร่างกาย, เช็กสุขภาพองค์รวมต่างๆ ฯลฯ โดยแต่ละชุดตรวจก็จะมีน้ำยาตรวจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะตรวจหาอะไรเป็นพิเศษ

แต่ชุดตรวจที่เป็นกระแสมาแรงในช่วงนี้คงหนีไม่พ้น “ชุดตรวจ DNA หาเชื้อชาติต้นกำเนิด” ที่ทำให้รู้ได้เลยว่าเรามีรากเหง้ามาจากเชื้อชาติใด ยกตัวอย่างชาวทวิตเตอร์คนไทยบางคนเพิ่งค้นพบเป็นครั้งแรกว่า ตนเองไม่ใช่คนไทยแท้ แต่มีการผสมผสานจากหลากหลายเชื้อชาติทั้งจีน เวียดนาม กัมพูชา อินโดฯ มาเลเซีย และแม้กระทั่งเชื้อสายฟินแลนด์

\"DNA Testing\" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่อยาก \"ตรวจ DNA\" หาเชื้อชาติต้นกำเนิด

 

  • ทำไม DNA บ่งชี้เชื้อชาติต้นกำเนิดได้ละเอียดยิบ?

คำตอบคือ เนื่องจากว่า DNA (Deoxyribonucleic Acid) เป็นรหัสพันธุกรรม (Genetic code) ที่อยู่บนโครโมโซมทั้งหมด 23 คู่ในร่างกายของคนเรา ทำหน้าที่เก็บข้อมูลทางพันธุกรรมของสิ่งมีชีวิตและถูกส่งต่อจากรุ่นพ่อแม่ไปยังรุ่นลูกหลาน ทั้งยังเป็นตัวบ่งชี้รูปลักษณ์ทั้งสีผม สีตา ความแข็งแรง สมรรถภาพต่างๆ ของร่างกาย ฯลฯ

โดยภายในเซลล์ 1 เซลล์ของคนเรา ประกอบด้วยรหัสพันธุกรรมที่มีลำดับเบสเรียงต่อกันกว่า 3 พันล้านคู่เบส และหากอ่านตัวอักษรเหล่านี้วินาทีละ 1 ตัวอักษร ต้องใช้เวลาถึง 95 ปี จึงจะอ่านครบ 

ทั้งนี้ คนเราทุกคนมีลำดับเบสบนสายดีเอ็นเอ (DNA) ที่เหมือนกันกว่า 99.9% และมีความแตกต่างของลำดับเบสบนสายดีเอ็นเอ เพียง 0.1% เท่านั้น ซึ่งความต่างอันน้อยนิดนี่เอง ที่ส่งผลให้มนุษย์แต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทั้งในรูปร่างลักษณะภายนอก และสุขภาพภายใน

นอกจากนี้ ด้วยลำดับเบสบนสายดีเอ็นเอนี้เอง ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถแกะรอยการส่งต่อรหัสพันธุกรรม (Genetic code) ย้อนหลังจนค้นพบได้ว่าแต่ละคนมีรากเหง้าต้นกำเนิดมาจากเชื้อชาติใด

 

  • วิธีการ "ตรวจ DNA" ทำอย่างไรบ้าง ราคาแพงไหม?

สำหรับชุดตรวจ “DNA Testing” เพื่อตรวจหาเชื้อชาติต้นกำเนิด ปัจจุบันมีการผลิตออกมาจำหน่ายในหลากหลายยี่ห้อ ส่วนใหญ่จะเป็นชุดตรวจในลักษณะคล้ายกัน คือ ในกล่องจะมีกระดาษระบุวิธีการใช้งาน ก้านสำลี และหลอดน้ำยาตรวจ

ส่วนวิธีการตรวจคร่าวๆ คือ ก่อนตรวจต้องงดน้ำและอาหารอย่างน้อย 30 นาที เริ่มด้วยการใช้ก้านสำลีเก็บตัวอย่างเซลล์เยื่อบุจากกระพุ้งแก้ม (ถูปลายสำลีที่กระพุ้งแก้มภายในปาก) ข้างละ 15-20 วินาที เสร็จแล้วจุ่มก้านตัวอย่างนั้นลงไปในหลอดน้ำยา จากนั้นปิดฝาหลอดให้สนิท แล้วส่งตัวอย่างเนื้อเยื่อที่ได้ไปตรวจที่ห้องแล็บในสหรัฐอเมริกา 

\"DNA Testing\" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่อยาก \"ตรวจ DNA\" หาเชื้อชาติต้นกำเนิด

สำหรับสนนราคาชุดตรวจ Genetic Testing ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3,000 - 4,000 บาท ทั้งนี้ผู้ใช้งานชุดตรวจต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการส่งพัสดุตัวอย่างเนื้อเยื่อไปที่ต่างประเทศด้วย หลังจากนั้นรอผลตรวจประมาณ 3 - 4 สัปดาห์

นอกจากทางห้องแล็บจะส่งผลตรวจเชื้อชาติต้นกำเนิดกลับมาให้แล้ว ผู้ใช้บริการยังสามารถเช็กข้อมูลของผู้ที่มีเชื้อสายใกล้เคียงกันหรือผู้ที่อาจเป็นญาติทางสายเลือดผ่านทางแอปพลิเคชันได้ด้วย (อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม)

 

  • ชุดตรวจ DNA อีกประเภท ใช้ตรวจสุขภาพองค์รวมได้

นอกจากชุดตรวจ DNA Testing ประเภทที่ใช้ตรวจหาเชื้อชาติต้นกำเนิดแล้ว ยังมีชุดตรวจอีกประเภทที่สามารถตรวจหาความเสี่ยงการเกิดโรค และเช็กสุขภาพองค์รวมเฉพาะบุคคล รวมถึงดูแนวโน้มบุคลิกภาพและพรสวรรค์ได้ด้วย

โดยการตรวจ DNA ในเชิงสุขภาพนี้ ประเทศไทยเองก็มีให้บริการตามโรงพยาบาลเอกชนหลายๆ แห่ง (ราคาประมาณ 6,000 - 23,000 บาท ขึ้นอยู่กับแพ็กเกจที่เลือก) ข้อดีของมันคือ ทำให้เราสามารถวางแผนการดูแลสุขภาพระยะยาวได้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

\"DNA Testing\" คืออะไร? เมื่อคนรุ่นใหม่อยาก \"ตรวจ DNA\" หาเชื้อชาติต้นกำเนิด

1. วางแผนการกิน : ผลตรวจ DNA จะทำให้รู้ว่าร่างกายของคุณมีแนวโน้มจะรับสารอาหารอะไรได้ดี หรืออาหารประเภทไหนที่ย่อยยาก รวมถึงเข้าใจการตอบสนองต่อระบบเผาผลาญของร่างกาย

2. วางแผนการออกกำลังกาย : ผลตรวจ DNA จะแสดงให้เห็นความคงทนแข็งแรง (Power & Endurance) ประสิทธิภาพการฟื้นตัว (Recovery Efficiency) หรือโอกาสบาดเจ็บ (Injury Risk) จากการออกกำลังกาย ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน

3. เข้าใจภาวะทางอารมณ์ บุคลิกภาพ : ผลตรวจ DNA สามารถวิเคราะห์ลักษณะการเข้าสังคม การเก็บเนื้อเก็บตัว หรือแม้กระทั่งแนวทางการรับมือกับความเครียด ทำให้เราเข้าใจร่างกายตัวเองมากขึ้น

4. หาความเสี่ยงโรคร้ายแรง : ผลตรวจ DNA สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของการเกิดโรคทางสมอง โรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ โรคเกี่ยวกับกระดูก โรคมะเร็ง ภาวะอักเสบเรื้อรังต่างๆ ในร่างกายได้

5. ค้นพบพรสวรรค์ : ผลตรวจสามารถดูแนวโน้มเรื่องความสามารถพิเศษด้านต่างๆ เช่น การเต้น การร้องเพลง หรือความถนัดด้านการคำนวณ การใช้ภาษา ฯลฯ

6. การตอบสนองต่อยา : ร่างกายแต่ละคนมีการตอบสนองต่อยาไม่เหมือนกัน ผลตรวจ DNA สามารถบ่งชี้ได้ว่าเรามีการตอบสนองต่อการออกฤทธิ์ยาแต่ละชนิดได้ดีหรือไม่ดี

7. หาแนวโน้มโรคที่ส่งต่อได้ทางพันธุกรรม : เพื่อให้วางแผนการมีครอบครัวได้ในอนาคต และได้หาทางป้องกันโอกาสเกิดโรคนั้นๆ ได้ทันเวลา

 

  • ผลตรวจ DNA เป็นเพียงแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นเท่านั้น!

อย่างไรก็ตาม ชุดตรวจ Genetic Testing ที่มีจำหน่ายอยู่ในปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงเรื่องความน่าเชื่อถือว่า ผลตรวจนั้นสามารถเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน? โดยเฉพาะในประเด็นของการตรวจหาเชื้อชาติต้นกำเนิด พรสวรรค์ และความถนัดส่วนบุคคล

ทั้งนี้ มีข้อมูลทางการแพทย์ระบุไว้ว่า โดยทั่วไป ชุดตรวจ DNA เพื่อสุขภาพจะผลิตจากห้องปฏิบัติการที่เป็นมาตรฐาน รวมถึงมีการวิเคราะห์ผลตรวจจากนักวิทยาศาสตร์เฉพาะทางภายในห้องแล็บที่มีความแม่นยำในวิเคราะห์ผลสูง แต่ผลตรวจ DNA ที่ออกมานั้นเป็นเพียง "การให้ข้อมูลความเสี่ยงและแนวโน้มสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นเท่านั้น"

ไม่ใช่การวินิจฉัยหรือตัดสินว่าผู้ใช้ชุดตรวจดังกล่าวจะต้องมีบุคลิกภาพ การใช้ชีวิตประจำวัน หรือเกิดโรคต่างๆ ตามที่พบในผลตรวจแต่อย่างใด ดังนั้นผลตรวจ DNA จึงควรถูกใช้เพื่อประกอบการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในระดับที่พอดี หรือตามคำแนะนำของแพทย์จึงจะดีที่สุด

----------------------------------------------

อ้างอิง : samitivejhospitalsgeneusdnaverywellhealthmedlineplusdna-test