จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

ชีวิตของคนเราล้วนมีองค์ประกอบ บทบาทมากมายให้เราต้องทำ ซึ่งการจะทำให้เกิดสมดุล (Balance) ในทุกเรื่องอย่างลงตัวคงไม่ใช่เรื่องง่าย และต่อให้มองว่าตอนนี้สามารถจัดสมดุลชีวิตได้แล้ว แต่ก็จะมีเรื่องท้าทายให้ได้ปรับเปลี่ยน จัดสมดุลใหม่ทุกวัน

การทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว เป็นบทบาทที่ทุกคนจะต้องจัดสรรให้เกิดความสมดุล สอดคล้องกับบริบทของครอบครัว การทำงานของตนเอง

“น้ำหวาน” อิสรีย์ ศรีวิชาญกุล นักจัดรายการข่าววิทยุ รายการข่าว (ภาษาไทยและอังกฤษ) Good Morning ASEAN ทาง 100.5 fm MCOT News Network อสมท. หรือพิธีกรสองภาษา เป็นอีกคนหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็น Mother -Woman

จุดเริ่มต้น “พิธีกรสองภาษา”น้ำหวาน อิสรีย์

ตลอด 24 ชั่วโมง ของ “น้ำหวาน อิสรีย์” ตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปจัดรายการข่าว(ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ) Good Morning ASEAN ทำหน้าที่เป็นนักสื่อสารมวลชนที่จะรวบรวมทุกข่าวเกี่ยวกับอาเซียน ความเป็นไปในกลุ่มประเทศอาเซียน ความร่วมมือต่างๆ ของประชาคมอาเซียน เพื่อนำเสนอให้แก่ผู้คนหลากหลายในแถบอาเซียนตะวันออกเฉียงใต้ ได้มีความรู้ เข้าใจ สามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน หรือชีวิตการทำงานได้  เพราะอาเซียนเป็นเรื่องใกล้ตัวทุกคนที่หากทุกคนได้ติดตามข้อมูล ข่าวสารจะช่วยสร้างโอกาสให้แก่ผู้ฟังมากมาย

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

การนำเสนอข่าวของ “น้ำหวาน อิสรีย์” จะเน้นการสื่อสารด้วย สองภาษา ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เพราะเธอต้องการที่จะนำเสนอข่าวสารให้ถึงผู้ฟังได้หลากหลายทั่วโลก อีกทั้ง การสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษ นอกจากเป็นการพัฒนาตนเองแล้ว เธอยังทำให้ผู้ฟัง หรือคนรุ่นใหม่ได้เกิดแรงบันดาลใจในการเริ่มฟัง พูด ภาษาอังกฤษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

รู้จัก "โชติเวช" เบื้องหลังดอกไม้สวย "ทำเนียบรัฐบาล" รับผู้นำ APEC 2022

“ชอบเก็บของ-ไม่อยากทิ้ง” อันตรายกว่าที่คิด อาจเข้าข่าย “โรคชอบสะสมของ”

ผู้นำ24ชั่วโมงฉบับ“ดร.ดาริกา ลัทธิพิพัฒน์” ผู้บริหารเข้าใจชีวิตลูกน้อง

“เมืองอัจฉริยะ” สร้างคุณภาพชีวิตให้คนเมือง

 

ถึงไม่ได้เรียนนานาชาติ ก็เก่งภาษาได้

แม้จะไม่ได้เกิดในครอบครัวที่สามารถส่งเสียไปเรียนโรงเรียนนานาชาติ หรือไปเรียนต่างประเทศได้ แถมยังต้องทำงานหาเลี้ยงตนเองมาตั้งแต่เด็ก แต่ความไม่แน่นอนในชีวิตอย่างนั้น ทำให้ “น้ำหวาน อิสรีย์” ได้ก้าวเข้าสู่อาชีพ “พิธีกร” รับงานอีเวนต์ มาตั้งแต่อายุ 15 ปี ก่อนที่จะพัฒนาตนเองเป็น “พิธีกรสองภาษา” เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่อาชีพพิธีกรมากขึ้น

“น้ำหวาน อิสรีย์” เล่าว่าเธอไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ พ่อกับแม่ของเธอแยกทางกันตั้งแต่เด็ก และเธอได้มีโอกาสไปอยู่กับคุณป้า ซึ่งเป็นนักเรียนทุน และเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ป้าของเธอฟังพูดภาษาอังกฤษ เก่งมาก ทำให้เธออยากเก่งแบบคุณป้าบ้าง อีกทั้ง ตอนนั้นได้มีโอกาสรับงานพิธีกร ตามงานอีเวนต์  ซึ่งหากเราสามารถพูด ฟังได้ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ จะทำให้เธอได้รับเงินค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

หลังจากนั้น “น้ำหวาน อิสรีย์” พยายามฝึกฝน พัฒนาตนเองตลอดเวลา เธอจะฟังเหล่านักข่าวที่พูดภาษาอังกฤษได้ดี สร้างสภาพแวดล้อมของตนเองให้สามารถฟัง พูดภาษาอังกฤษได้ และเลือกเรียนปริญญาตรี เอกภาษาอังกฤษ ต่อด้วยปริญญาโท วารสารศาสตร (สื่อสารองค์กร) จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ควบคู่กับการทำงานพิธีกร ผู้ประกาศข่าว และผู้จัดรายการวิทยุ รวมถึงเป็นผู้บรรยายพิเศษ ในการอบรมโครงการคัดเลือกพิธีกรภาคภาษาอังกฤษ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

 

เป้าหมายในการทำงาน และการใช้ชีวิต

ก่อนที่จะมีครอบครัว ชีวิตของ “น้ำหวาน อิสรีย์” จะทุ่มเทให้แก่งาน และการพัฒนาตนเอง ทั้งการเรียนรู้เพิ่มเติม การเพิ่มเติมประสบการณ์จากการสัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็น ญี่ปุ่น ฮ่องกง อเมริกา ค่อยๆ พัฒนาตัวเองให้ตอบโจทย์การทำงานที่หลากหลายได้มากขึ้น จนปัจจุบันอยู่ในแวดวงการทำงานผู้ประกาศข่าว นักจัดรายการวิทยุ พิธีกรสองภาษามา 20 ปี

ปัจจุบันถึงแม้จะเป็นคุณแม่ลูกสองที่ต้องเลี้ยงลูกพร้อมกับการทำงาน เป็น “Working Mom”แต่ “น้ำหวาน อิสรีย์” ยังคงทำการบ้านอย่างหนัก พัฒนาตนเองสม่ำเสมอ และจัดแบ่งเวลาให้เหมาะสมระหว่างการเลี้ยงลูก และทำงาน เพราะเธอต้องเป็นคุณแม่เต็มเวลา เนื่องจากคุณพ่อทำงาน และเธอต้องทำงานที่เธอรัก เพื่อให้ผู้ฟังได้รับข่าวสร้าง ข้อมูลที่ดีมีประโยชน์

“เป้าหมายในการทำงาน หรือการใช้ชีวิต ไม่สามารถหยุดเรื่องการเรียนรู้ได้ เพราะโลกนี้ มีเรื่องที่เรารู้และไม่รู้มากมาย ทุกวันเวลาทำงาน ต้องทำการบ้านอย่างหนัก พยายามศึกษาและเก็บข้อมูลให้มากที่สุด พยายามฟัง และพูดในเชิงวิชาการมากขึ้น ส่วนในการทำงาน อยากทำตัวเองให้มีประโยชน์และสร้างคุณค่าให้แก่สังคมที่เราต้องทำให้มากที่สุด ทุกงานทุกวันพยายามหาคุณค่าของงานที่เราทำ และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้อื่น สังคมได้อย่างไร”น้ำหวาน อิสรีย์ เล่า

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

ต้นแบบเด็กไทยพูดภาษาอังกฤษคล่อง

ด้วยความที่ประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำในการศึกษาค่อนข้างมาก แต่ละครอบครัวฐานะไม่เท่ากัน หลายคนได้เรียนโรงเรียนนานาชาติ หรือได้ไปเรียนที่ต่างประเทศ ขณะที่อีกหลายคนจะไปเรียนโรงเรียนขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ในไทยยังเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การจะฝึกให้เด็กไทยสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่อง พูด ฟังได้ดีต้องเริ่มจากสภาพแวดล้อม

"น้ำหวาน อิสรีย์" เล่าต่อว่าการศึกษาไทยจะสอนไวยากรณ์ สอนให้เด็กเขียน  อ่าน ฟัง และพูด  ทั้งที่การพูดและการฟังมีความจำเป็นมากสุด เพราะต่อให้เข้าใจไวยากรณ์ รู้ศัพท์แต่ไม่ได้ฟัง พูด ในชีวิตประจำวัน สุดท้ายเด็กก็จะไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้อยู่ดี

“สิ่งที่จะทำให้เด็กไทยพูด ฟังภาษาอังกฤษได้ดี คือ การสร้างสิ่งแวดล้อมการใช้ภาษาอังกฤษให้แก่พวกเขา อย่าง พี่จะมองเรื่องราวรอบตัว สิ่งของรอบตัวต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ และอย่าใช้การแปล เพราะถ้าฟังแล้วแปล แต่ไม่ได้พูด ก็ไม่สามารถช่วยได้ เหมือนเด็กทำไมเขาฟังพ่อแม่พูด แล้วเขาถึงพูดได้ทั้งที่ไม่เข้าใจความหมาย และธรรมชาติของเด็กจะฟังผู้ใหญ่พูด”น้ำหวาน อิสรีย์ เล่า

ใช้สื่อรอบตัว เป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษ

"น้ำหวาน อิสรีย์" เล่าต่อไปว่า ภาษาเป็นเรื่องการสื่อสาร ต้องใช้สื่อโซเซียลมีเดีย เทคโนโลยี สื่อต่างๆ มาสร้างสิ่งแวดล้อมแห่งการเรียนรู้ภาษา เช่น ดูภาพยนตร์ ดูเน็ตฟิก Influencer หลายภาษา เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้เข้าใจ และติดคำศัพท์ภาษาอังกฤษไว้รอบตัว เช่น ติดคำศัพท์ว่า fan ไว้ที่พัดลม พยายามฟังและพูดตาม เพื่อไม่ให้ลืม ต้องเป็นผู้รับสารและฝึกการใช้ ฝึกพูดสม่ำเสมอ หาโอกาสไปเรียนในหลักสูตรต่างๆ และพยายามฝึกใช้ภาษาตลอดเวลา  

“ภาษาอังกฤษ สามารถฝึกให้เด็กๆ ได้ตั้งแต่ยังเล็ก ซึ่งเรามีลูก 2 คน และยังเล็กมา เราก็จะพยายามสร้างระบบการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้แก่เขา ผ่านการอ่านนิทาน การเล่นเกม ทายคำ เรียนรู้อย่างสนุกสนาน และถ้าพูดภาษาอังกฤษก็จะพูดแต่ภาษาอังกฤษจนจบประโยค จะไม่พูดไทยคำอังกฤษคำ หรือมิกซ์ภาษา เพราะการพูดผสมผสานหลายภาษา ทำให้สมองของลูกลำบากและจะทำให้พวกเขาเรียนรู้ได้ยากมากขึ้น” น้ำหวาน อิสรีย์ เล่า

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา

เรียนรู้ พิจารณา ทุกปัญหาเป็นเรื่องธรรมดา

การทำหน้าที่ “Working Mom” ต้องมุ่งมั่นพัฒนางานของตนเอง และต้องดูแลลูกให้ดีที่สุด  “น้ำหวาน อิสรีย์” เล่าอีกว่า พี่เป็น Working Mom เพราะต้องทำทั้ง 2 บทบาทให้ดีที่สุด จะพยายามจัดสรรเวลาให้แก่ลูก และเติมเต็มศักยภาพของตัวเองอย่างเนื่อง  ทุกๆวัน ต้องหาเวลาอ่านข่าว อ่านหนังสือข้อมูลเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก อ่านทุกเรื่องที่เราสนใจ และพยายามมีวินัยทั้งในเรื่องการกิน การนอนหลับพักผ่อน มีวินัยในการออกกำลังอย่างเหมาะสม

"น้ำหวาน อิสรีย์" เล่าต่อด้วยว่าในหนึ่งสัปดาห์ จะมีเพียง 1-2 วันเท่านั้นที่สามารถตื่นสายได้ แต่ในความเป็นจริงก็สายไม่ค่อยได้เพราะลูกตื่นเร็ว ดังนั้น ทุกๆ วัน ต้องทำหลายบทบาท ซึ่งบางครั้งอาจจะมีปัญหาเข้ามาบ้าง และเมื่อมีปัญหา พี่จะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะเกิดปัญหา เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีสิ่งกระทบใจจากการทำงาน กระทบจากคน  พี่จะใช้วิธีเรียนรู้ รับรู้ พิจารณา และปล่อยว่าง

เราต้องเชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อว่าตัวเราเองทำได้ดีที่สุดถึงจะเจอปัญหามากมาย ที่สำคัญอย่าลืมโอบกอดตัวเอง ให้กำลังใจตัวเอง ขอบคุณตัวเองด้วย เพราะคงไม่มีได้รับความสุขไปตลอด หรือจะทุกข์ไปตลอด เมื่อประสบความสำเร็จในบางเรื่อง ให้กำลังใจตังเองดีที่สุด”น้ำหวาน อิสรีย์ เล่า

น้ำหวาน อิสรีย์ เล่าทิ้งท้ายว่า เราเรียนด้านสื่อสารมวลชน สายมนุษยศาสตร์ ก่อนหน้านั้นเรียนภาษา ทุกเรื่องที่เรียนจะเป็นการทำความเข้าใจกับมนุษย์ เพราะเราทำงานกับคน ไม่ว่าจะสายงานข่าว หรือพิธีกร ล้วนต้องทำงานกับผู้คนที่หลากหลาย และได้สื่อสารกับผู้คนจำนวนมาก คนแต่ละคนจะมีความงดงามของตนเอง และตอนนี้เราทุกคนกำลังอยู่ในสวนดอกไม้ แต่ละคนจะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ  โดยเฉพาะการเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นภาษากลางทั่วโลก หากทุกคนพูด ฟัง ภาษาอังกฤษได้ดี และสื่อสารได้จะช่วยสร้างประโยชน์ให้แก่ตนเองและสังคมได้มากมาย

จัดการสมดุลชีวิต “Working Mom” สร้างคุณค่าให้แก่ตนเองฉบับพิธีกรสองภาษา