5 ขั้นตอน เพิ่มโอกาสรอด เมื่อเกิดสภาวะ "หัวใจหยุดเต้น"
อาการ "หัวใจหยุดเต้น" ส่วนใหญ่เกิดขึ้นเฉียบพลัน ไม่มีสัญญาณบอกล่วงหน้า หรืออาจมีอาการเจ็บหน้าอกเฉพาะที่ หากคนในครอบครัว คนใกล้ตัว หรือพบคนหมดสติจากสภาวะหัวใจหยุดเต้น สิ่งที่ต้องทำโดยเร็วที่สุด คือ การช่วยชีวิตอย่างถูกวิธี เพื่อจะได้เพิ่มโอกาสรอดชีวิตมากที่สุด
นพ.ชาติทนง ยอดวุฒิ อายุรแพทย์หัวใจ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า อาการหัวใจหยุดเต้นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ที่พบบ่อยที่สุดคือ เกิดจากโรคหัวใจ โดยเฉพาะอาการลิ่มเลือดอุดตันหรือเส้นเลือดหัวใจตีบฉับพลัน จากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจเกิดตีบหรืออุดตันเฉียบพลัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
หากขาดการรักษาอย่างทันท่วงที จะส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นได้ หัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง อาจเต้นช้าหรือเต้นเร็วผิดปกติ หรือทั้งเต้นช้า และเต้นเร็วสลับกัน อาจรุนแรงถึงขั้นหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตได้
และกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติตั้งแต่กำเนิด สามารถพบได้ในคนที่มีอายุน้อย เกิดขึ้นบริเวณกล้ามเนื้อหัวใจห้องซ้ายล่าง ผนังหัวใจจะหนามากจนปิดกั้นการสูบฉีดเลือด ทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะชนิดรุนแรง จนทำให้หัวใจหยุดเต้นฉับพลันได้
ส่วนใหญ่แล้วอาการ หัวใจหยุดเต้น จะไม่มีสัญญาณเตือน แต่อาจจะมีอาการเจ็บ แน่นหน้าอก ร้าวไปที่แขน หรือเจ็บบริเวณลิ้นปี่ โดยอาการจะเกิดขึ้นเมื่อทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงอย่างขึ้นบันได เดิน รวมถึงตกใจสุดขีด โดยจะเกิดร่วมกับอาการเหงื่อออก ใจสั่น หน้าซีดคล้ายจะเป็นลมหรือหมดสติ โดยถ้าเห็นคนจะเป็นลม แน่นหน้าอก เหงื่อแตก ล้มฟุบ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าอาจมีภาวะหัวใจหยุดเต้น ควรรีบเข้าไปช่วยเหลือทันทีตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
5 ขั้นตอน เพิ่มโอกาสรอด
ขั้นตอนที่ 1 ตั้งสติ และสังเกตดูความปลอดภัย
ผู้ให้การช่วยเหลือต้องตั้งสติ พยายามไม่ตกใจ ดูเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นตรวจสอบก่อนเข้าช่วยเหลือ หากอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ไฟฟ้าช็อต ไฟไหม้ ตึกถล่ม ห้ามเข้าไปช่วยเหลือโดยเด็ดขาด ควรรอดูสถานการณ์ให้ปลอดภัยแล้วเคลื่อนย้ายผู้ป่วยมายังสถานที่ปลอดภัย เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป
ขั้นตอนที่ 2 เข้าให้ความช่วยเหลือผู้ที่หัวใจหยุดเต้น
จัดท่าผู้ป่วยให้นอนหงายราบบนพื้นแข็ง ปลุกเรียกผู้ป่วยด้วยเสียงดัง และตบที่ไหล่ทั้งสองข้าง เพื่อดูการตอบสนองว่าผู้ป่วยหมดสติหรือไม่ จากนั้นหากผู้ป่วยตื่นหรือรู้สึกตัว ให้จัดท่านอนตะแคง
ขั้นตอนที่ 3 ฟังเสียงหายใจ และดูจังหวะการหายใจที่หน้าอก
เพื่อตรวจดูว่าผู้ที่หัวใจหยุดเต้นหายใจหรือไม่ โดยเอียงหูลงไปแนบใกล้ปาก และจมูกของผู้ป่วยเพื่อฟังเสียงหายใจ ใช้แก้มเป็นตัวรับสัมผัสลมหายใจที่อาจออกมาจากจมูกหรือปากของผู้ป่วย และใช้ตาจ้องดูการเคลื่อนไหวที่หน้าอกของผู้ป่วยว่ากระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะหรือไม่
ขั้นตอนที่ 4 ร้องขอความช่วยเหลือ และโทรแจ้ง 1669
ว่ามีคนหมดสติ ไม่หายใจ ระบุสถานที่เกิดเหตุ ขอรถพยาบาล และเครื่อง AED พร้อมระบุชื่อและเบอร์โทรศัพท์คนที่ติดต่อ เพราะยิ่งช่วยได้เร็วยิ่งดี
ขั้นตอนที่ 5 เริ่มทำ CPR
หากผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น ไม่รู้สึกตัว ไม่หายใจ หรือหายใจเฮือก ต้องปั๊มหน้าอกให้ลึกพอที่แรงกดจะไปเอาเลือดออกจากหัวใจได้ ซึ่งต้องกดลงไปบริเวณกระดูกหน้าอกลึกลงไปประมาณ 2 นิ้ว เพื่อให้แรงมากพอที่จะทำให้เลือดในหัวใจบีบออกมา และจังหวะต้องเหมาะสมคือ ประมาณ 100 ครั้งต่อนาที
ในการช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการหัวใจหยุดเต้นจะมีเวลาอยู่ที่ประมาณ 4- 5 นาที ไม่ควรเกินกว่านี้ เพราะจะทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงสมองและอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ นอกจากนี้เพื่อเป็นการป้องกันเหตุการณ์หรือความเสี่ยงดังกล่าว ควรได้รับการตรวจเช็กสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปี และควรเตรียมตัวให้พร้อมเสมอกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์