เชียงใหม่อ่วมหนัก อากาศแย่ที่สุดอันดับ 1 ของโลก เช็ก 3 จังหวัดค่า PM 2.5 สูงสุด
คุณภาพอากาศ ประเทศที่มีมลพิษทางอากาศสูงสุดในโลกปรากฏว่าวันนี้ จ.เชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่อากาศแย่ที่สุดอันดับ 1 ของโลก
(25 มี.ค.2566) เว็บไซต์ IQAir รายงานคุณภาพอากาศ ประเทศที่มีมลพิษทางอากาศสูงสุดในโลกปรากฏว่าวันนี้ จ.เชียงใหม่ กลายเป็นเมืองที่อากาศแย่ที่สุดอันดับ 1 ของโลกวัดได้ 192 AQI จากข้อมูล ณ เวลา 12.31 น.
ขณะที่ GISTDA รายงานจุดความร้อนในประเทศไทยสูงขึ้นกว่าเดิมมากถึง 3,088 จุด ส่วนใหญ่พบใน
- พื้นป่าอนุรักษ์ 1,286 จุด
- พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 1,237 จุด
- พื้นที่เกษตร 255 จุด
- พื้นที่ชุมชนอื่นๆ 156 จุด
- พื้นที่เขต สปก. 140 จุด
- พื้นที่ริมทางหลวง 14 จุด
จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ
- แม่ฮ่องสอน 547 จุด
- น่าน 280 จุด
- เชียงใหม่ 221 จุด
ค่าฝุ่น PM2.5 วันนี้ ค่อนข้างน่าเป็นห่วง เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชั่น "เช็คฝุ่น" แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ผ่านมา พื้นที่หลายจังหวัดช่วงตอนบนของประเทศในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ในระดับมีผลกระทบต่อสุขภาพ
โดยเฉพาะ 3 จังหวัดที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดคือ เชียงราย พะเยา เชียงใหม่ ควรสวมหน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลวันนี้ พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับดี
สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพจากประแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหนึ่งในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ รายงานการติดตามตรวจสอบคุณภาพอากาศ ประจำวันที่ 25 มีนาคม 2566 ภาพรวมปริมาณ PM2.5 ในประเทศพบเกินค่ามาตรฐานใน 17 จังหวัด ดังนี้
- กรุงเทพฯ
- เชียงราย
- เชียงใหม่
- น่าน
- แม่ฮ่องสอน
- พะเยา
- ลำพูน
- ลำปาง
- แพร่
- เพชรบูรณ์
- อุทัยธานี
- บึงกาฬ
- หนองคาย
- เลย
- นครพนม
- หนองบัวลำภู
- มุกดาหาร
- ภาคเหนือ เกินค่ามาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ ตรวจวัดได้ 25-354 มคก./ลบ.ม.
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เกินค่ามาตรฐาน 6 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 33-126 มคก./ลบ.ม.
- ภาคกลางและตะวันตก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดี ตรวจวัดได้ 18-42 มคก./ลบ.ม.
- ภาคตะวันออก ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 9-24 มคก./ลบ.ม.
- ภาคใต้ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมาก ตรวจวัดได้ 13-22 มคก./ลบ.ม.
- กรุงเทพมหานครและปริมณฑล โดยสถานีตรวจวัดของ คพ. ร่วมกับ กทม. เกินค่ามาตรฐาน 1 พื้นที่ ตรวจวัดได้ 15-54 มคก./ลบ.ม.
คำแนะนำทางสุขภาพ
ประชาชนทั่วไป : ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น
ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ : ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น ถ้ามีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์
สำหรับประชาชนที่อยู่บริเวณพื้นที่มีผลกระทบต่อสุขภาพ(พื้นที่สีแดง) ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองหากมีความจำเป็น หากมีอาการทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์
สามารถติดตามสถานการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และ airbkk.com แอปพลิเคชั่น Air4Thai และ AirBKK