เคล็ด(ไม่)ลับ ปลุกพลังการทำงานอย่างไร? หลังวันหยุดยาว
ช่วงวันหยุดยาวอย่างต่อเนื่อง 6 วัน 6 คืน หลายคนคงได้ไปใช้ชีวิตท่องเที่ยว พักผ่อนอย่างเต็มที่ แต่พอนึกถึงวันทำงาน หรือเปิดทำงานวันแรก ทำไมหัวใจช่างห่อเหี่ยวไม่อยากให้ช่วงเวลาเหล่านั้นมาถึง พลังชีวิตที่สะสมมาตอนช่วงหยุดยาวหายไปไหนเสียหมด
Keypoint:
- หลังวันหยุดยาว ทุกคนมักจะมีอาการไม่อยากจะกลับมาทำงาน เพราะการเริ่มทำงานวันแรกถือเป็นการเปลี่ยนโหมดชีวิต เวลาอิสระของแต่ละคนจะหายไป
- ชาร์ตพลังชีวิต ปลุกพลังในการทำงานของตัวเองได้ง่ายๆ เพียงเริ่มจากการปรับพฤติกรรม เตรียมพร้อม วางแผน สร้างเซอร์ไพรส์ให้ตัวเอง อยากไปทำงานในทุกๆเช้า
- องค์กร บริษัท ต้องสร้างบรรยากาศการทำงานวันแรกหลังจากวันหยุดหยาว หรือปรับตารางงานวันจันทร์ ให้พนักงานกระตือรือร้น จัดกิจกรรมสนุกๆ และหลีกเลี่ยงการนัดประชุม
เกลียดเช้าวันทำงาน... เป็นคำที่ทุกคนมักจะบอกตัวเองเสมอเมื่อวันทำงานเข้ามาถึง เพราะหลายคนมักมองว่าช่วงเวลาอิสระกำลังหมดไป ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ไปเผชิญรถติดอย่างที่ไม่อยากเป็น และวันเริ่มทำงานวันแรกหลังจากหยุดยาว คือสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนโหมดชีวิต และการเปลี่ยนผ่านจากอิสระสู่ภาระหน้าที่
วันนี้ ‘กรุงเทพธุรกิจ’ มาชวนปลุกพลัง ปลุกไฟในการทำงานต้อนรับสิ่งใหม่ๆ ให้ชีวิตสดชื่นกระปรี่กระเปร่า กระตือรือร้นอยากไปทำงานทุกวัน เริ่มด้วย
1.ปลุกตัวเองอย่างนุ่มนวล
หลายคนอาจจะงงว่าจะปลุกตัวเองอย่างไร? ตั้งนาฬิกาปลุก ให้ครอบครัวมาปลุก คงไม่ใช่ ขอแนะนำให้เข้านอนไวในคืนวันอาทิตย์ เพื่อนอนหลับพักผ่อนชาร์จพลังชีวิตให้แบตเต็มทุกขีดแล้ว ไม่ควรปลุกตัวเองให้ตื่นแบบสะดุ้งหรือร้อนรนจากเสียงปลุกโทนกระโตกกระตากในมือถือ (จำพวกเสียงไซเรน หรือเสียงโทรศัพท์ดังกริ๊งลั่นแสบแก้วหู)
เลือกเสียงปลุกที่ละมุนละไมเหมือนค่อยๆ สะกิดคุณให้ตื่นจากหลับใหล ถ้านอนดีมีคุณภาพเสียอย่าง ร่างกายจะสามารถตื่นเองโดยอัตโนมัติ นาฬิกาปลุกเป็นแค่แผนสำรองที่ไม่ควรอาจเอื้อมมาทำลายเช้าวันจันทร์ให้พังทลาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ปลุกพลังการทำงาน รับมือเช้าของวันทำงาน
2.ชาร์ตพลังชีวิต
แน่นอนว่าในวันหยุดยาวที่ผ่านมา คุณคงจัดหนักออกไปเฉลิมฉลองเคาท์ดาวน์กับเพื่อน ๆ ในแก๊งค์กันอย่างสุดเหวี่ยง หรือบางทีก็มีไปเที่ยวต่างจังหวัดกับครอบครัวอย่างสนุกสนาน ต้องมีบ้างที่ร่างกายจะรู้สึกอ่อนเพลีย ไม่พร้อมที่จะรับมือกับงานในวันเริ่มศักราชใหม่ เพราะฉะนั้น คืนแรกก่อนวันทำงาน คุณควรเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อให้ร่างกายได้ชาร์ตพลังอย่างเต็มที่ ถ้าจะให้ดีทำเช่นนี้ไปสักอีก 2-3 วัน รับรองว่า ทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมา คุณจะสดใส กระปรี้กระเปร่า พร้อมรับมือกับงานทุกโปรเจ็กต์อย่างแน่นอน
3.บังคับหลับและตื่นให้เป็นเวลา
เริ่มตั้งแต่ก่อนกลับมาทำงานสัก 1-2 วัน เพื่อให้ร่างกายได้เรียนรู้ว่าเวลาไหนควรหลับ และเวลาไหนที่ต้องตื่นนอนได้แล้ว โดยเมื่อทำเป็นประจำจากที่เคยต้องใช้นาฬิกาปลุก ก็อาจจะไม่ต้องใช้และให้นาฬิกาชีวิตทำงาน ร่างกายจะกำหนดเวลานอนและสามารถปลุกตัวเองได้อย่างอัตโนมัติ และเมื่อร่างกายได้รับการพักผ่อนที่เพียงพออย่างเหมาะสม ก็จะทำให้ระหว่างวัน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้ศักยภาพตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบดังเดิม
4.สร้างเซอร์ไพรส์ให้ตัวเอง
การวางแผนมื้อเช้าที่อยากกินไว้ตั้งแต่คืนวันอาทิตย์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ทำให้การลุกจากเตียงในเช้าวันจันทร์ง่ายขึ้น หรือบางคนอาจใช้วิธีเร่งพลังใจตอนแต่งตัว ด้วยการแมตช์เสื้อกับกระโปรงหรือกางเกงแบบใหม่ๆ ที่ไม่เคยใส่คู่กันมาก่อน เพื่อให้การแต่งตัวรับวันแรกของสัปดาห์สนุกกว่าที่เคย
เปลี่ยนโหมดชีวิต ด้วยการเตรียมตัวให้พร้อม
5. ฟิตร่างกายให้พร้อม
ตื่นสายมาหลายวัน พอถึงวันทำงานจริง ด้วยความที่ยังไม่ชินก็ไม่อยากตื่นซะอย่างนั้น อย่าปล่อยให้ความงัวเงียเข้ามาสิงร่างของเรา ลองฝืนตัวเองสักนิด แล้วมาฟิตร่างกายให้พร้อม ด้วยการออกกำลังกายเบา ๆ อาจเป็นการวิ่งเหยาะ ๆ รอบหมู่บ้าน หรือโยคะง่าย ๆ ภายในห้อง เพียงแค่ขยับร่างกายเพียงนิด รับรองคุณจะฟิตและพร้อมรับงานใหม่ ๆ ของปีได้ทั้งวันเลย
6. อาหารเช้าอย่าได้พลาด
เรียกว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปลุกพลังในการทำงานหลังวันหยุดยาวได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สมองแล่น พร้อมที่จะคิด วิเคราะห์ วางแผน และรับมือกับงานใหม่ ๆ เสมอ แถมยังทำให้สดชื่น อารมณ์ดีตลอดวันอีกด้วย ไม่ว่าจะต้องเจอศึกหนักมากแค่ไหน เชื่อสิว่าคุณต้องรับมือไหวอย่างแน่นอน
7. เคลียร์โต๊ะสะอาดก่อนทำงาน
หยุดยาวมาหลายวัน ฝุ่นผงก็ย่อมเกาะบนโต๊ะเป็นธรรมดา ก่อนเริ่มงานวันแรกอย่าลืมเช็ดทำความสะอาดให้เรียบร้อย หรือปรับเปลี่ยนบรรยากาศโต๊ะทำงาน โดยเพิ่มต้นไม้เล็ก ๆ สักนิด หรือภาพสวยๆ เสียหน่อย จะช่วยเติมสีสันการทำงานในวันใหม่ให้มีชีวิตชีวา พร้อมลุยงานกองโตได้เต็มที่
8.วางแผน จัดระบบ
บางทีวันหยุดยาวอาจทำให้หลงลืมงานที่คั่งค้างจากสัปดาห์ที่แล้ว ก่อนเริ่มทำงานให้คุณตั้งสติ ตรึกตรอง ไล่เรียงสิ่งที่ต้องทำ และจัดลำดับความสำคัญของงานให้ดี โดยดูจากอีเมล์เก่าที่เคยติดต่อ เช็คข้อมูลที่เคยจดโน้ตไว้ หรือทบทวนสอบถามจากทีมงานอีกครั้ง แล้วลิสต์สิ่งที่ต้องทำออกมาอย่างเป็นระบบ เพียงเท่านี้คุณก็จะไม่พลาดงานที่ต้องสะสาง แถมไม่ตกหล่นงานใหม่ที่ต้องต่อให้ติดอีกด้วย
9. ปลุกพลังนักรบในตัวคุณ
อยากแนะนำให้ตั้งเป้าหมายในการทำงาน แล้วจดสิ่งที่ปฏิญาณเอาไว้ในสมุดบันทึกส่วนตัว นอกจากจะช่วยปลุกพลังนักรบในตัวคุณให้มีไฟในการทำงานหลังจากหยุดยาวแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เริ่มต้นโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ท้าทายความสามารถได้ดีอีกด้วย
10. เม้าท์มอยตามอัธยาศัย
สนุกสุดเหวี่ยงมาตั้งหลายวัน เปิดงานมาวันแรกย่อมอยากเม้าท์มอยกับเพื่อนซี้เป็นของธรรมดา เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงก็นั่งเม้าท์ถึงวันหยุดยาวให้เต็มที่ หรือแลกรูปถ่ายกันดูบ้าง เพื่อเรียกพลังความคึกคักให้กลับคืน เชื่อเถอะว่า ช่วงบ่ายคุณจะนั่งทำงานอย่างกระปรี้กระเปร่าดีทีเดียวเชียว
11.จัดการกับอารมณ์กับตนเองให้ได้ หากรู้สึกท้อใจไม่อยากมาทำงานให้ดูแลสุขภาพใจตนเอง เช่น ฟังเพลง หรือหากิจกรรมอย่างอื่นทำเพื่อลดความเครียด แล้วมาลุยงานต่อ
12.เรียนรู้และรักในอาชีพของตนเอง เรียนรู้พัฒนาตนเองเพื่อให้มีความสุขกับการทำงาน เคารพในการตัดสินใจเพื่อส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว
วิธีรับมือวันทำงานที่ไม่อยากให้มาถึงหลังหยุดยาว
13.หลีกเลี่ยงการนัดประชุมในที่มาทำงานวันแรก
หลังหยุดพักผ่อนและกลับมาทำงานใหม่ อาจทำให้คนทำงานบางคนรู้สึกว่าร่างกายและจิตใจยังปรับตัวไม่ทัน ทำให้เริ่มต้นวันแรกของสัปดาห์แบบเบลอ ๆ หรือไม่เต็มร้อย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการนัดประชุมใหญ่ที่กินเวลานาน ใช้เวลาในการเตรียมตัวมาก หรือนัดประชุมหลาย ๆ ประชุมในวันเริ่มงาน โดยอาจโยกประชุมเหล่านี้ไปไว้ในอื่นๆ แทน จะได้ไม่หัวหมุนหรือตึงเครียดจนเกินไปตั้งแต่เริ่มต้นสัปดาห์
นอกจากนี้จะได้มีเวลาให้ตัวเองและเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ ได้ปรับจูนเข้าสู่โหมดทำงานกันก่อนด้วย หรือหากจำเป็นต้องนัดประชุมเพื่อคุยงาน อัปเดตความคืบหน้าต่าง ๆ ในวันนี้จริง ๆ ก็อาจเริ่มต้นด้วยการชวนคุยเรื่องสัพเพเหระเพื่อผ่อนคลายก่อนเข้าเรื่อง เช่น วันหยุดที่ผ่านมาได้ไปเที่ยวไหนบ้างหรือเปล่า มีแผนทำกิจกรรมอะไรสนุก ๆ ในสัปดาห์นี้บ้างไหม
14.ลองปรับตารางหรือรูปแบบการทำงานให้ต่างจากเดิม
นอกจากหลีกเลี่ยงการประชุมที่ชวนตึงเครียดในวันทำงานวันแรก หลังจากหยุดยาวแล้ว การปรับรูปแบบการทำงาน นโยบายหรือตารางงานขก็อาจเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้คนอยากทำงานมากขึ้น โดยบริษัทอาจอนุญาตให้พนักงานเข้างานสายขึ้น 1 ชั่วโมงหรือออกจากงานเร็วขึ้น 1 ชั่วโมงเพื่อให้พนักงานมีเวลาส่วนตัวมากขึ้น
กำหนดให้วันทำงานวันแรกในสัปดาห์เป็นวัน Work from Home ประจำสัปดาห์ ถือเป็นการปรับจูนเข้าโหมดทำงานโดยเริ่มทำงานวันแรกที่บ้านก่อนเดินทางมาออฟฟิศในวันถัดไป หรือจัดกิจกรรมเล็ก ๆ ในออฟฟิศทุกวันจันทร์เพื่อให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายก่อนลุยงานทั้งสัปดาห์ และไม่รู้สึกว่าวันจันทร์เป็นวันที่น่าเบื่อ มีแต่เรื่องงานอัดแน่น เช่น จัดปาร์ตี้ขนมช่วงบ่าย เล่นบอร์ดเกมกับเพื่อนร่วมทีม ฯลฯ
15.แพลนกิจกรรมสนุก ๆ ไว้ทำช่วงเย็นหลังเลิกงาน
บางทีวิธีการรับมือกับอาการเกลียดวันทำงานที่ง่ายและตรงไปตรงมาที่สุดก็อาจเป็นการเปลี่ยนจาก ‘วันที่ไม่อยากเจอ’ ให้กลายเป็น ‘วันที่อยากให้มาถึงเร็ว ๆ’ ด้วยการแพลนกิจกรรมที่ชอบเอาไว้ช่วงหลังเลิกงาน เป็นเหมือนการให้รางวัลตัวเองหรือสร้างแรงจูงใจในการเฝ้ารอวันทำงานทำวันแรก (หลังจากหยุดยาว)นั่นเอง เช่น จองตั๋วดูหนังรอบเย็นนัดเจอเพื่อนเพื่อพบปะพูดคุย แวะไปเดินช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ ๆ ออฟฟิศ หรือหาร้านอาหารอร่อย ๆ เพื่อรับประทานมื้อเย็นก่อนกลับบ้านสักมื้อ เพียงเท่านี้วันทำงานวันแรกที่แสนน่าเบื่อก็อาจกลายเป็นวันที่มีสีสันและอยากให้วนกลับมาไว ๆ ขึ้นมาในทันตา