สารสกัด 5 พืช ช่วยชะลอวัยลึกระดับโครโมโซม เพิ่มความยาวเทโลเมียร์

ก่อนหน้านี้เมื่อราวปี 2520 ศ.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัยOperation BIM และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด(มหาชน) หรือ APCO  ได้ทำการศึกษาวิจัยมังคุด ค้นพบสารสกัด GM-1 จากมังคุด ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นคือ ต้านเชื้อแบคทีเรียอย่างมีประสิทธิภาพมาก มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบได้สูงมาก มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระได้สูงมาก และจัดการกับเซลล์มะเร็งในห้องแล็ปได้อย่างดี 
      ก่อนนำมาเสริมฤทธิ์ด้วยสารสกัดจากพืชกินได้อีก 4 ชนิด ได้แก่ ใบบัวบก งาดำ ถั่วเหลือง และฝรั่ง จนได้นวัตกรรมเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน กระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น  นำมาใช้ช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็ง    และในปี 2559 ได้รับรางวัลนวัตกรรมดีเด่นจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในฐานะดูแลผู้ป่วยมะเร็งให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
      “นวัตกรรมดังกล่าวกระตุ้นT เซลล์ หรือเซลล์ทีพิฆาต (Killer T cell ) ที่ไปจัดการกับเซลล์ที่มีปัญหา เซลล์ติดเชื้อ และเซลล์ที่เป็นมะเร็งโดยไม่แตะเซลล์ปกติ”ศ.พิเชษฐ์กล่าว 

สำหรับวัฒนชีวา ศ.พิเชษฐ์ บอกว่า เกิดมาจากความไม่คาดคิดที่ได้ติดตามผู้ป่วยมะเร็งราว 10,000 คนที่ใช้นวัตกรรมสูตรที่มีอยู่ก่อนหน้า พบว่าคุณภาพชีวิตดีขึ้น  ผิวพรรณดีขึ้น จึงมีข้อสงสัยผลิตภัณฑ์ไม่น่าจะแค่จัดการเซลล์มะเร็ง บวกกับการที่รู้ว่าการจัดการหรือฆ่าเซลล์มะเร็งโดยผ่านเซลล์ทีพิฆาต ที่จะไปจับเซลล์ที่ผิดปกติเท่านั้น ไม่แตะต้องเซลล์ปกติ
        จึงเป็นการมุ่งเป้าอย่างแท้จริง และมีความปลอดภัยเพราะพัฒนามาจากพืชที่กินอยู่ในชีวิตประจำวัน 5 ชนิด เกิดเป็นสมมติฐานว่า “นวัตกรรมน่าจะเข้าไปทำอะไรบางอย่างกับเทโลเมียร์ที่อยู่ปลายโครโมโซม และซ่อมสร้างร่างกายด้วย”
สารสกัด 5 พืช ชะลอวัย

       หลังจากนั้น  รศ.ปรียา  ลีฬหกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการชะลอวัย และที่ปรึกษางานวิจัย APCO ได้ศึกษาเพื่อหาคำตอบดังกล่าว โดยทำการศึกษาในผู้บริโภคจำนวน 10 คน โดยรับประทานวัฒนชีวา เป็นเวลา 8 สัปดาห์ พบว่า  ผู้บริโภค 8 ใน 10 มีความยาวเทโลเมียร์เพิ่มขึ้น   เทโลเมียร์ยาวขึ้นเฉลี่ย 408 base pairs  ชะลอวัยระดับเซลล์ได้ถึง 5.8 ปี

         ขณะที่ผู้บริโภคที่มีความยาวขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 1,612 base pairs  หรือเพิ่มขึ้นถึง 20 % เป็นเพศหญิงอายุ 53 ปี  ซึ่งในการวัดความยาวของเทโลเมียร์นั้น ได้ทำการเจาะเลือดและส่งไปตรวจยังห้องแล็ปมาตราฐานที่มีการตรวจในเรื่องนี้  ส่วนผลเชิงประจักษ์ที่เห็นในกลุ่มผู้บริโภคตัวอย่าง คือ กินได้ นอนหลับ ผิวสวย หน้าใส และเพื่อยืนยันผลดังกล่าวอีกครั้ง สถาบันโภชนาการ ม.มหิดลได้ทำการศึกษาซ้ำ โดยเพิ่มจำนวนผู้บริโภคมากขึ้นเป็น 40-50 คน คาดว่าจะตีพิมพ์ผลงานวิจัยในเร็วๆนี้ 

       ศ.พิเชษฐ์ อธิบายว่า สูตรนวัตกรรมวัฒนชีวา  ทีมนักวิจัย Operation BIM ของ APCO พัฒนาจากสูตรเดิมที่ใช้ในผู้ป่วยมะเร็งมาก่อน โดยเป็นสารสกัดจากพืชกินได้ 5 ชนิดเช่นกัน มาใช้ซ่อมสร้างเทโลเมียร์เป็นผลสำเร็จ โดยไปกระตุ้นเอนไซม์เทโลเมอเรสในร่างกายที่เป็นไปซ่อมสร้างเทโลเมียร์ ทำให้เทโลเมียร์ยาวขึ้น  และกระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว ที่เป็นส่วนสำคัญในการจัดการและทำลายเชื้อโรคที่บุกรุกเข้ามาทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 

      “ในร่างกายของเรามีเอนไซม์เทโลเมอเรส จะไปซ่อมสร้างเทโลเมียร์ให้ยาวขึ้นตามธรรมชาติแต่มีไม่มาก ทำให้แก่เร็วกว่า นวัตกรรมวัฒนชีวาไปกระตุ้นเอนไซม์ตัวนี้ให้มีมากขึ้น แต่ถ้ากระตุ้นเอนไซม์ตัวนี้อย่างเดียวให้มีมากเกินไป โอกาสเป็นมะเร็งจะเยอะมาก แต่สำหรับสูตรวัฒนชีวาจะฆ่าเซลล์ที่จะเป็นมะเร็งให้ตายก่อน ไม่มีโอกาสที่จะมาสร้างความเสียหายเทโลเมียร์”ศ.พิเชษฐ์กล่าว 
       จุดแตกต่างที่สำคัญของวัฒนชีวากับอื่นๆที่อาจจะแสดงส่วนประกอบพืช 5 ชนิดนี้เช่นกัน ศ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า ในพืชแต่ละตัวมีสารสำคัญอยู่มากมาย หากใช้วิธีการสกัดต่างกัน ก็จะได้สารสกัดต่างกัน ทำให้มีผลต่อการทำงานของเม็ดเลือดขางต่างกันด้วย  ซึ่งสูตรวัฒนชีวา ทีมวิจัยได้มีการใช้วิธีการสกัดให้ได้สารสำคัญที่ต้องการและใช้ปริมาณของสารสำคัญจากพืช 5 ตัวในปริมาณที่มีการวิจัยค้นพบมาแล้ว

      ทว่า สิ่งที่เป็นข้อกังวลอย่างมากในทางวิทยาศาสตร์เรื่องของการเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ คือ ถ้ามีการเพิ่มเทโลเมียร์ของเซลล์ปกติแล้วก็จะเป็นการเพิ่มเทโลเมียร์ของเซลล์มะเร็ง จนทำให้เซลล์มะเร็งเป็นอมตะ แต่วัฒนชีวา ศ.พิเชษฐ์ กล่าวว่า จากการที่วัฒนชีวิตพัฒนามาจากสูตรที่ใช้จัดการเซลล์มะเร็งมาก่อนและศึกษาพบว่าเพิ่มความยาวเทโลเมียร์ด้วย 

      “วัฒนชีวาจึงเป็นนวัตกรรมที่เพิ่มความยาวเทโลเมียร์อย่างปลอดภัยจากพืช 5 ชนิด โดยเพิ่มให้กับเซลล์ปกติ แต่ไม่เพิ่มให้กับเซลล์ผิดปกติหรือเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ประเทศจีนได้ทำการศึกษาวัฒนชีวาในหนูทดลอง ให้กินในระดับที่มีผลกระทบต่อร่างกาย พบว่าต้องกินถึง 1 กิโลกรัมหรือ 2,000 แคปซูลต่อวัน ขณะที่ในการกินวัฒนาชีวานั้นจะให้กินเพียง 4-6 แคปซูลต่อวัน”ศ.พิเชษฐ์กล่าว 
     อย่างไรก็ตาม ศ.พิเชษฐ์ ย้ำว่า วัฒนชีวาพัฒนาจากสูตรที่เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ดังนั้น ผู้ป่วยโรคแพ้ภูมิตัวเอง หรือโรคอื่นๆที่กำลังสร้างความไม่สบายตัวให้ตัวเอง ยังไม่ควรใช้สูตรวัฒนชีวา ควรไปใช้สูตรปรับภูมิคุ้มกันให้สมดุลก่อน 

      โดยกลุ่มเป้าหมายหลักของวัฒนชีวา โฟกัสที่คนสูงวัย แต่คนในกลุ่มวัยอื่นก็ต้องการชะลอวัยด้วยก็จะมีการพัฒนาสูตรเพื่อกลุ่มทั่วๆไปด้วย
      “ถือเป็นมิติใหม่ในการดูแลสุขภาพ และเข้าใจถึงกลไกการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและบทบาทของเทโลเมียร์ ที่มีความสำคัญยิ่งต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี หากสามารถพัฒนาสุขภาพของผู้ที่ีเข้าสู่ภาวะสูงวัยให้ยังคงแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี จะทำให้การพัฒนาประเทศเจริญเติบโตต่อไป” ศ.พิเชษฐ์กล่าว 

เทโลเมียร์กับการชะลอวัยของมนุษย์

    ร่างกายของมนุษย์ประกอบด้วยเซลล์นับ 100ล้านล้านเซลล์ ในนิวเคลียสของทุกเซลล์มีโครโมโซม 23 คู่ ที่ปลายของโครโมโซม คือ เทโลเมียร์ หรือหมวกหุ้มปลายโครโมโซม ทำหน้าที่ปกป้องโครโมโซม ซึ่งเป็นที่เก็บหน่วยพันธุกรรม หรือดีเอ็นเอ ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเด็กแรกเกิดจะมีเทโลเมียร์ยาวที่สุดและค่อยๆหดสั้นลงตามอายุ แต่ละปีเทโลเมียร์ของคนจะหดสั้นลงเฉลี่ยปีละ 70 Base Pairs แต่หากใช้ชีวิตที่ส่งผลเสียกับสุขภาพเป็นประจำอาจทำให้เทโลเมียร์สั้นลงได้ถึงปีละ 200-300 Base Pairs

     ทั้งนี้ ทุกครั้งที่เซลล์มีการแบ่งตัว โครโมโซมก็จะมีการแบ่งตัวด้วยพร้อมกับการหดสั้นลงของเทโลเมียร์  ส่งผลให้กระบวนการซ่อมสร้างของร่างกายเสื่อม เสี่ยงต่อโรคต่างๆมากขึ้น เมื่อเทโลเมียร์สั้นลงสุดแล้ว เซลล์จะแบ่งตัวต่อไม่ได้ จะเสื่อมสลายไป อย่างไรก็ตาม เอนไซม์เทโลเมอเรส สามารถต่อความยาวของเทโลเมียร์ได้ เมื่อเทโลเมียร์ยาวขึ้นจะทำให้ชะลอวัย

       เมื่อปี 2009 3 นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน ประกอบด้วย Elizabeth H. Blackburn, Carol W. Greider และ Jack W. Szostak ได้รับรางวัลโนเบลทางการแพทย์ จากการค้นพบ การป้องกันเทโลเมียร์ ไม่ให้ถูกทำลายด้วยโครงสร้างเทโลเมียร์ที่ปลายโครโมโซม และเอนไซม์เทโลเมอเรส (Telomerase) ที่ช่วยซ่อมแซมเทโลเมียร์ให้เป็นปกติ ถือเป็นองค์ความรู้ด้านการชะลอวัยครั้งสำคัญ

        รศ.ปรียา  อธิบายไว้ว่า โดยธรรมชาติเทโลเมียร์จะหดสั้นลงเรื่อยๆเมื่อเซลล์มีการแบ่งตัว ซึ่งก็จะหมายถึงความแก่ ชราภาพ และมีโอกาสเกิดโรคเสื่อมถอยต่างๆ ที่เป็นไปตามอายุ นอกจากนี้ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีส่วนสำคัญทำให้เทโลเมียร์สั้นลงเร็วกว่าปกติ ทั้งการกินน้ำตาลมาก สูบบุหรี่มาก  การดื่มแอลกอฮอล์มาก ไม่ออกกำลังกาย นอนน้อยเป็นประจำ และ เครียดตลอดเวลา  โดยคนอ้วนจะมีเทโลเมียร์สั้นลงเร็วกว่าคนน้ำหนักปกติ คนอ้วนจึงมีโรคแทรกมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

     “เทโลเมียร์เป็นตัวชี้วัดหรือบ่งบอกสุขภาพของเราในอนาคต ถ้าแก้ไขให้เทโลเมียร์สั้นช้าลง หรือสามารถทำให้ยาวขึ้นได้ หมายถึงว่าจะช่วยให้เซลล์เสื่อมถอยน้อยลง”รศ.ปรียากล่าว 
      ทั้งนี้  หากเทโลเมียร์ยาว  จะชะลอวัย    ลดริ้วรอย ดูอ่อนกว่าวัย  ลดการเกิดโรคจากความเสื่อม นอนหลับได้ดีขึ้น  แต่หากเทโลเมียร์สั้น ก็จะแก่ก่อนวัย มีริ้วรอย ผิวพรรณเหี่ยวย่น ทำให้เกิดโรคจากความเสื่อม และนอนหลับยาก