หายเจ็บคอ ไม่ง้อยาอักเสบ กินอะไร? ช่วยบรรเทา
ร่างกายของทุกคนเมื่อใช้งานหนักมากเกินไป ก็มักจะมีสัญญาณเตือนที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายคนคงเคยมีอาการเจ็บคอ อาการที่เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือเป็นหวัดนิดหน่อย อาการเจ็บคอจะแสดงขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ
Keypoint:
- อาการเจ็บคอ เป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นว่าร่างกายของเรากำลังเผชิญไวรัส และต้ องดูแลสุขภาพอย่างเร่งด่วน เพราะอาการเจ็บมาจากหลายสาเหตุ ไม่ได้เกิดจากไข้หวัดเพียงอย่างเดียว
- การรักษาอาการเจ็บคอ สามารถรับประทานอาหาร อย่าง น้ำอุ่น ซุปไก่ ชาเขียวอุ่นๆ น้ำขิง หรือใช้เกลือผสมน้ำอุ่นกลั้วคอช่วยบรรเทาอาหารได้
- หากเจ็บคอเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ กินยาไม่หายต้องรีบพบแพทย์
ร่างกายของทุกคนเมื่อใช้งานหนักมากเกินไป ก็มักจะมีสัญญาณเตือนที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายคนคงเคยมีอาการเจ็บคอ อาการที่เมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือเป็นหวัดนิดหน่อย อาการเจ็บคอจะแสดงขึ้นมาเป็นอันดับแรก ๆ
ปกติแล้วเมื่อหวัดหายร่างกายแข็งแรงขึ้น อาการเจ็บคอก็จะหายไปด้วย แต่บางคนกลับมีอาการเจ็บคอต่อเนื่องอีกเป็นอาทิตย์ ซึ่งคงขึ้นอยู่กับการดูแลสุขภาพของแต่ละคนด้วยร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม อาการเจ็บคอ เกิดได้จากหลายสาเหตุ และหากไม่ได้รับการรักษาอาการอาจจะแย่ลงจนทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา
อาการเจ็บคอ หรือ คออักเสบเป็นอย่างไร?
รศ.นพ.จิระพงษ์ อังคะราแพทย์ผู้ชำนาญการด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา
เฉพาะทางเวชศาสตร์การนอนหลับ โรงพยาบาลเมดพาร์ค อธิบายว่า อาการเจ็บคอ หรือ คออักเสบ คือการเจ็บ คัน หรือระคายเคืองภายในลำคอ และมักมีอาการมากขึ้นขณะกลืน สาเหตุของการเจ็บคอที่พบได้บ่อยที่สุดคือการติดเชื้อไวรัส (Viral pharyngitis) จากไข้หวัดซึ่งสามารถหายเองได้
คออักเสบจากเชื้อสเตรป (Streptococcal pharyngitis) เป็นอาการเจ็บคอที่เกิดขึ้นจากการรับเชื้อแบคทีเรียซึ่งพบได้ไม่บ่อยนักและต้องใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน ส่วนการเจ็บคอด้วยสาเหตุอื่นอาจต้องให้แพทย์เป็นผู้ตรวจวินิจฉัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เช็ก 'โรคหน้าฝน' ที่พ่อแม่ต้องระวัง ป้องกันลูกน้อยก่อนป่วย
เบาได้เบา! ทำงานหนักเกินไปเสี่ยงโรคอะไรบ้าง?..ถึงขั้นเสียชีวิต
เช็กอาการ 'คออักเสบ' ไม่ได้เป็นเฉพาะไข้หวัด
'อาการเจ็บคอ' เป็นอาการเจ็บหรือรู้สึกระคายเคืองในลำคอ เพราะมีการอักเสบของเนื้อเยื่อลำคอ เช่น ผนังช่องคอ ต่อมทอนซิล กล่องเสียง ฯลฯ โดยอาการของคออักเสบนั้นจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุ มักมีอาการดังต่อไปนี้
- เจ็บ คัน ในลำคอ
- จุดหนองสีขาวอยู่บนต่อมทอนซิล
- ต่อมน้ำเหลืองที่ขากรรไกรบวม
- กลืนลำบาก
- ต่อมทอนซิลบวมแดง
- เสียงแหบ
อาการคออักเสบจากการติดเชื้อไวรัสมักมีอาการดังต่อไปนี้
- มีไข้ต่ำ
- มีอาการไอ
- อาการน้ำมูกไหล
- อาการจาม
- ปวดตามข้อ
- ปวดศีรษะ
- อาเจียน
โดยส่วนใหญ่ อาการเจ็บคอมักเกิดจากการติดเชื้อไวรัสมากกว่าเชื้อแบคทีเรีย
โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่มักทำให้มีอาการเจ็บคอ ได้แก่
- โรคไข้หวัดใหญ่
- โรคไข้หวัดทั่วไป
- โรคโมโนนิวคลิโอซิส
- โรคหัด
- โรคอีสุกอีใส
- โรคโควิด-19
การติดเชื้อแบคทีเรียอาจทำให้เจ็บคอได้เช่นกัน โดยเชื้อ Streptococcus pyogenes (กลุ่ม A streptococcus) เป็นสาเหตุของอาการเจ็บคอที่พบได้บ่อยที่สุด
สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้คออักเสบ
- โรคภูมิแพ้: อาการคออักเสบเกิดจากการแพ้ต่อ ขนสัตว์ เชื้อรา ฝุ่น และ ภาวะคัดจมูกอาจทำให้คอระคายเคืองจากการหายใจผ่านช่องคอ
- อากาศแห้ง: การคัดจมูกเรื้อรังส่งผลให้ต้องหายใจทางปากอาจทำให้คอแห้งและเจ็บคอได้
- มลพิษทางอากาศ: สารระคายเคืองจากภายนอก เช่น สารเคมีจากควันบุหรี่ การเคี้ยวยาสูบ การดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารรสเผ็ดอาจทำให้ระคายเคืองเยื่อบุในคอได้
- การเกร็งกล้ามเนื้อคอ: การตะโกน พูดเสียงดัง หรือพูดเป็นเวลานานอย่างต่อเนื่องอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองคอได้
อาหารบางอย่างช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
- น้ำอุ่น การดื่มน้ำอุ่น จะช่วยลดการระคายเคือง และทำให้รู้สึกสบายคอ ช่วยลดการอักเสบลงได้ เพราะเมื่อร่างการได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายมีความชุ่มชื้นเพียงพอ สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียได้ดีขึ้นนั่นเอง
- ซุปไก่ อาหารยอดฮิตสำหรับการรักษาอาการเจ็บคอ ในซุปไก่อุดมไปด้วยโซเดียม ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยลดอาการอักเสบลงได้ แถมยังรับประทานได้ง่าย เหมาะสำหรับคนที่มีอาการเจ็บคอมาก ๆ อีกด้วยล่ะ
- ชาเขียว ชาเขียวอุ่น ๆ นอกจากช่วยให้รู้สึกสบายคอแล้ว ตัวชาเขียวยังช่วยรักษาอาการติดเชื้อ และช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอให้ดีขึ้นได้ด้วย
- น้ำขิง น้ำขิง มีสรรพคุณในช่วยรักษาไข้หวัด ฆ่าเชื้อ แถมยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บได้อีก สูตรน้ำขิงแก้เจ็บคอแบบง่าย ๆ เลย คือ น้ำขิง 1 ช้อนชา น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่นประมาณครึ่งแก้ว ค่อย ๆ จิบขณะยังอุ่น ๆ อาการเจ็บคอจะทุเลาลงอย่างแน่นอน
- ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ต นอกจากจะเป็นอาหารที่อ่อนโยนต่อคอที่กำลังเจ็บปวดของคุณแล้ว ยังมีสารอาหาร และไฟเบอร์มากมาย ที่ช่วยให้ร่างกายของคุณกลับมาแข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย
ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล ภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า อาการหวัด ไอ เจ็บคอ ส่วนใหญ่มากกว่า 8 ใน 10 ครั้ง เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะที่ผสมอยู่ในยาอมเป็นยาที่ออกฤทธิ์ฉพาะต่อเชื้อแบคทีเรีย จึงไม่มีผลในการรักษาอาการเจ็บคอที่เกิดจากไวรัส
อาการหวัด ไอ เจ็บคอ หายได้เอง ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
- หากมีอาการระคายคอ ใช้เกลือผสมน้ำอุ่นกลั้วคอ
- หากมีอาการไอ ใช้น้ำผึ้ง 2 ซ้อนโต๊ะผสมน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ชงกับน้ำอุ่นดื่มวันละ 2-3 ครั้ง
- ไม่อยู่ในที่เย็นเกินไป ไม่ให้ลมแอร์เป่าที่หน้าตอนนอน
- ไม่นอนดึกเกินไป พักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดการดื่มน้ำเย็น
- ไม่ตากฝน หรือโดนละอองฝน
- ไม่ตากแดดมากเกินไป
- ไม่อาบน้ำเย็น
- งดสูบบุหรี่
- หากอาการไม่รุนแรง ควรดูแลตนเองโดยไม่ต้องใช้ยา ร่างกายจะฟื้นฟูได้เองด้วยภูมิต้านทานโรค
เจ็บคอนานขนาดไหน? ถึงควรรีบพบแพทย์
เจ็บคอนานๆ แสดงถึงโรคอะไรได้บ้าง !!? เจ็บคอ อาการที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากหวัดเพียงอย่างเดียวอาจเจ็บคอเพราะติดเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งโดยปกติอาการเจ็บคอส่วนใหญ่อาจเป็นการติดเชื้อแค่ระยะสั้นๆ ซึ่งสามารถหายเป็นปกติได้ด้วยวิธีต่างๆ ในการแก้อาการเจ็บคอ แต่หากอาการเจ็บคอของคุณเป็นดังนี้ ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- เจ็บคอติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์
- เจ็บคอบ่อย ๆ กินยาแก้อักเสบก็ไม่หาย
- เจ็บคอ พร้อมมีไข้ติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์
- เจ็บคอ จนเริ่มหายใจลำบาก
- กลืนลำบาก แค่กลืนน้ำลายก็ยังเจ็บ
สำหรับวัยเด็ก ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
- หายใจลำบาก
- กลืนลำบาก
- น้ำลายไหลมากผิดปกติซึ่งเป็นผลมาจากการกลืนไม่สะดวก
- สำหรับวัยผู้ใหญ่ ควรไปพบแพทย์หากมีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการดังต่อไปนี้
- เจ็บคอขั้นรุนแรงหรือมีอาการนานกว่าหนึ่งอาทิตย์
- กลืนลำบาก
- หายใจลำบาก
- อ้าปากยาก
- ปวดเมื่อยตามไขข้อกระดูก
- ปวดหู
- ผื่นขึ้นตามผิวหนัง
- มีไข้สูงกว่า 3 องศาเซลเซียส
- เลือดปนในน้ำลาย
- เสียงแหบเกิน 2 อาทิตย์
- คอบวม
หากมีอาการเจ็บคอลักษณะข้างต้น ห้ามนิ่งนอนใจ เพราะอาการอาจลุกลามใหญ่โตจนรักษาให้หายได้ยาก ทางที่ดีควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
ป้องกัน ดูแลตนเองให้ไม่เป็นโรคคออักเสบ
วิธีป้องกันคออักเสบหรือการเจ็บคอที่ดีที่สุด คือหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่เป็นต้นเหตุและควรปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี ดังต่อไปนี้
- ล้างมืออย่างสม่ำเสมอนานอย่างน้อย 20 วินาทีโดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังใช้ห้องน้ำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ตา จมูก หรือปาก
- หลีกเลี่ยงรับประทานอาหาร หรือใช้แก้วน้ำหรือเครื่องใช้ต่าง ๆ ร่วมกัน
- ควรไอหรือจามใส่กระดาษทิชชู่ แล้วล้างมือให้สะอาด
- ใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์สาธารณะหรือดื่มน้ำก๊อกสาธารณะ
- ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโทรศัพท์ ลูกบิดประตู สวิตช์ไฟ รีโมท และแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์เป็นประจำ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยหรือบุคคลที่ติดเชื้อ
การตรวจวินิจฉัยอาการเจ็บคอ หรือ คออักเสบ
- การใช้อุปกรณ์ส่องไฟตรวจคอ หู และจมูก
- การคลำที่ลำคอเพื่อตรวจหาต่อมน้ำเหลือง (lymph nodes) ที่โตขึ้น
- การใช้เครื่องตรวจฟังเสียงเพื่อฟังการหายใจ
- การใช้ไม้ป้ายคอ (throat swab) เพื่อตรวจหาเชื้อแบคทีเรียสเตรปโทคอกคัสซึ่งเป็นสาเหตุของโรคคออักเสบและเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งโดยใช้สำลีเช็ดหลังคอเพื่อนำไปตรวจอย่างละเอียด
การดูแลตนเองที่บ้านเมื่อเจ็บคอ หรือ คออักเสบ
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและพักการใช้เสียง
- ดื่มน้ำเพื่อลดภาวะขาดน้ำและทำให้ลำคอชุ่มชื้น งดดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- รับประทานอาหารและเครื่องดื่มอุ่น ๆ เช่น ชาที่ปราศจากคาเฟอีน น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง และน้ำซุป
- เพิ่มความชื้นในอากาศ โดยใช้เครื่องทำความชื้น แต่ควรหมั่นทำความสะอาดตัวเครื่องบ่อย ๆ เพื่อป้องกันเชื้อราและแบคทีเรีย
- หลีกเลี่ยงสารระคายเคืองจากควันบุหรี่และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
- พักอยู่บ้านจนกว่าอาการจะดีขึ้น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรค
อาารไม่บรรเทา เตรียมตัวก่อนไปพบแพทย์
ปรึกษาแพทย์หากบุตรหลานของท่านมีอาการเจ็บคอ เช่น กลืนลำบาก หรืออาการอื่นๆ และอาจจำเป็นต้องทำการตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหู คอ จมูก (ENT) หรือด้านภูมิแพ้
การดูแลสุขภาพตนเองเป็นเรื่องสำคัญมากอย่างมาก ถ้ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเจ็บคอใหม่ ๆ แนะนำให้ลองดื่มน้ำอุ่นเยอะ ๆ และหายาอมที่บรรเทาอาการเจ็บคอมาทาน แต่ถ้า 2-3 วันรู้สึกไม่หายเสียที แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ เพื่อทำการตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัดจะดีกว่า
อ้างอิง :โรงพยาบาลศิครินทร์ ,โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ,