‘ไส้ตรง..กินปุ๊ป ออกปั๊ป’ สุขภาพปังจริงหรือ?
หลายคนอาจมองว่าตัวเองโชคดีที่กินอะไรเข้าไป ก็ถ่ายท้องทันที อย่างที่เรียกได้ว่า ‘กินปุ๊ป ออกปั๊ป’ ซึ่งจริงๆ การถ่ายอุจจาระ หรือขับถ่าย ประจำทุกวัน ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณสุขภาพดี
Keypoint:
- หลายครั้งที่พบเห็นคนใกล้ตัวมีอาการ กินปุ๊ป ถ่ายปั๊ป จนเรารู้สึกว่า สุขภาพดีจัง ซึ่งจริงๆ ทางการแพทย์ เรียกว่า ภาวะ 'Gastrocolic reflex' หากถ่ายไม่รุนแรง ไม่เพลีย นั่นถือเป็นอาการปกติ
- ทว่าภาวะดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวกับความอ้วน หรือความผอมของร่างกาย เพราะนั่นเป็นการขับถ่ายของเหลือจากร่างกาย แต่ไม่ได้นำพาเจ้าไขมัน ตามแขน ขา หน้าท้อง หรือในเส้นเลือดของเราไปได้
- การป้องกันไม่ให้เกิดภาวะ'Gastrocolic reflex' ลดอาหารที่เป็นตัวกระตุ้น โดยต้องสังเกตอาการของตัวเอง ขณะเดียวกันควรงดแอลกอฮอล์ ลดความเครียด
ทุกครั้งที่กินอาหารเข้าไป แล้วไม่แน่ใจว่าจะทันย่อยได้ดี ก็ต้องวิ่งเข้าห้องน้ำเสียแล้ว เป็นแบบนี้คงจะลำบากเอาไม่น้อย หากต้องไปทานอาหารข้างนอกบ้าน หรือกินเพื่ออาหารรองท้องระหว่างเดินทางต้องพะวงมองหาห้องน้ำกันให้วุ่นวาย จนบางทีก็แอบสงสัยเหมือนกันหรือเปล่าว่าที่เป็นแบบนี้ร่างกายของเรานั้น 'สุขภาพดีสุดปัง' หรือ เสี่ยงสุขภาพพัง' ?
อาการ 'กินปุ๊บ ปวดท้องถ่ายปั๊บ' ทางการแพทย์ เรียกว่า ภาวะ 'Gastrocolic reflex' เมื่อกินอาหารเข้าไป กระเพาะอาหารจะขยายตัว แล้วส่งสัญญาณไปที่ลำไส้และทวารหนัก ทำให้มีความรู้สึกปวดเบ่ง อยากถ่าย
ใครที่มีอาการแบบนี้ ไม่ต้องกังวลไป เพราะมันถือเป็นกลไกปกติ เพื่อขับอุจจาระเดิมออก และทำให้เรากินเพิ่มได้ ไม่ใช่ผลที่มาจากลำไส้สั้นแบบที่คิดกัน โดยอาการดังกล่าว มักเป็นช่วงกลางวันมากกว่ากลางคืนด้วย ฉะนั้น เวลาไปกินบุฟเฟ่ต์อิ่มๆ ก็อย่าลืมมองหาห้องน้ำไว้ หรือกินเสร็จแล้วจะไปไหน ควรลองแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
Gastrocolic reflex 'กินปุ๊ป ถ่ายปั๊ป' ไม่ใช่อาการผิดปกติ
โดยทั่วไป Gastrocolic reflex ถือเป็นกลไกปกติของร่างกาย แต่ถ้ากลไกนี้ทำงานมากเกินไปก็ถือเป็นความผิดปกติได้ การที่ Gastrocolic reflex ทำงานมากเกินไป (overactive gastrocolic response) อาจจะพบได้ใน 2 โรค คือ
1.โรคลำไส้แปรปรวนชนิดท้องเสียเด่น มีอาการเช่น หลังรับประทานอาหารจะรู้สึกปวดอยากถ่ายมาก กลั้นไม่ค่อยได้ ต้องรีบไปเข้าห้องน้ำทันที อาจมีปวดมวนท้อง ปวดเบ่ง ท้องอืด ร่วมด้วย หลังถ่ายเสร็จอาการมักจะดีขึ้น
2. Dumping syndrome มีอาการปวดเบ่งอยากถ่ายหลังรับประทานอาหารได้เหมือนกัน แต่แตกต่างจากลำไส้แปรปรวนตรงที่ภาวะนี้มักจะมีหน้ามืด เวียนศีรษะ ใจสั่น เหงื่อออก ร่วมด้วย
ในทางกลับกัน ถ้า Gastrocolic reflex ทำงานน้อยไปหรือไม่ทำงาน จะทำให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรังได้ (Chronic constipation)
แต่ถ้ามีการปวดถ่ายแบบนี้บ่อยเกินไป (overractive gastrocolic response) หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆ ด้วย แปลว่าอาจเสี่ยงเป็นโรค ดังต่อไปนี้ และอย่าลืมไปหาคุณหมอเพื่อตรวจเพิ่มเติมกันด้วย
เช็กสาเหตุทำให้ขับถ่ายทันทีรับประทานอาหาร
- ดื่มน้ำเยอะ
- รับประทานผัก และผลไม้เป็นจำนวนมาก
- ความไวที่เกิดจากการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น อาหารรสเผ็ด น้ำส้มสายชู และกาแฟ เป็นต้น
- การออกกำลังกาย
- ท้องเสีย จากระบบทางเดินอาหารติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรีย
- โรคลำไส้แปรปรวน
- ความเครียด
- ผู้หญิงที่ใกล้มีประจำเดือน
อาการขับถ่ายทันทีหลังกินที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของร่างกาย
- รู้สึกอ่อนเพลีย จากการขับถ่าย
- ขับถ่ายเป็นเลือด
- ลักษณะของอุจจาระที่ออกมามีสีดำ เรียวเล็ก คล้ายดินสอ
- รู้สึกขับถ่ายออกไม่หมด เหมือนมีอุจจาระค้างลำไส้
- มีอาการปวดท้อง ขณะขับถ่าย
- น้ำหนักลดลง
หากมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยว่าเกิดจากโรคอะไร และจะได้ทำการรักษาต่อไป อีกทั้งการตอบสนองกลไก Gastrocolic reflex ที่รุนแรง มีอาการขับถ่ายหลังรับประทานอาหารทันที ร่วมกับมีอาการปวดท้อง ท้องอืด และขับถ่ายอุจจาระเหลว นี่อาจเป็นอาการของโรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome : IBS)
ถ่ายหลังมื้ออาหารทันที ไม่ได้ทำให้ผอม
ต่อให้การกินอาหาร และขับถ่ายทันที ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ผอม หรือเป็นกลุ่มคนที่กินเท่าไหร่ ก็ไม่อ้วน เพราะภาวะดังกล่าว ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอ้วน หรือผอม เพราะต่อให้ การขับถ่ายอุจจาระจะเป็นการขับเอา 'ของเหลือ' จากระบบย่อยอาหาร หลังจากที่ร่างกายดูดซึมสารอาหารออกไปหมด แต่ไม่ได้มีการขับไขมันออกมาด้วย
"การถ่ายอุจจาระทำให้น้ำหนักลดลงได้ก็จริง แต่ลดลงแค่เศษเสี้ยวในส่วนที่เราขับถ่ายออกไป ส่วนไขมันจากการทานอย่างอร่อยปาก ยังคงอยู่ตามต้นแขน ต้นขา หน้าท้อง และหลอดเลือด ดังนั้น การขับถ่ายไม่ได้ทำให้ผอม อยากลดน้ำหนักต้องคุมอาหารควบคู่กับการออกกำลังกายจึงจะเห็นผล"
ขับถ่ายแบบไหนที่เสี่ยงโรค
การถ่ายหนักทันทีหลังทานอาหารจะไม่ใช่เรื่องน่ากังวล หากคุณไม่ได้มีอาการเหล่านี้
- ถ่ายบ่อย และมากจนรู้สึกอ่อนเพลีย
- ปวดบิด
- ถ่ายเป็นเลือด
- รู้สึกถ่ายไม่สุด เหมือนมีก้อนอะไรอุดที่รูทวาร
- เบื่ออาหาร
- ท้องอืด แน่นท้อง
- น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ถ่ายกลางคืน ต้องตื่นมาถ่ายบ่อย
- รู้สึกถ่ายไม่สุด เหมือนมีอะไรมาตุงๆที่รูทวาร
- มีภาวะเลือดจาง ไม่ทราบสาเหตุ
- นิสัยการขับถ่ายเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป
แต่เมื่อไหร่ที่มีอาการข้างต้นร่วมด้วยแล้วละก็ คุณอาจกำลังเผชิญกับโรคลำไส้แปรปรวน หรือ Irritable bowel syndrome (IBS) อยู่ก็เป็นได้
ป้องกันการตอบสนอง Gastrocolic reflex ที่รุนแรง
- รับประทานอาการที่มีกากใย (Fiber) ทีละน้อย แต่กินให้บ่อยครั้ง
- รับประทานอาหารประเภทแป้ง และน้ำตาล อย่างเหมาะสม
- ไม่ควรรับประทานอาหารประเภทใดประเภทหนึ่ง เป็นเวลาหลายมื้อ
- ลดการรับประทานอาหารที่กระตุ้นในการเกิด Gastrocolic reflex เช่น นม เนย ครีม และอาหารที่มีไขมันสูง
- งดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กาแฟ และน้ำอัดลม
- ลดความเครียด ทำจิตใจให้ผ่อนคลาย
- ออกกำลังกายจะช่วยให้การทำงานของลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- ปรับอาหาร ลองสังเกตดูว่า อาหารแต่ละชนิดกระตุ้นให้คุณต้องวิ่งเข้าห้องน้ำช้า-เร็ว ต่างกันยังไง แล้วลองค่อยๆ ปรับลดการทานอาหารที่ยิ่งกระตุ้น Gastrocolic reflex โดยเฉพาะในวันที่เร่งรีบ หรือวันที่ภารกิจเรียงคิวแน่นทั้งวัน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทรมานกับการอดทนขนลุกทุกมื้ออาหารไป
อย่างไรก็ตาม การขับถ่ายทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงตอนเช้า เป็นสิ่งดีต่อสุขภาพ แต่ก็มีคำถามที่กังวลใจสำหรับผู้ที่ขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหารในทุกมื้อ ว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่ มีข้อสมมุติฐานมากมาย เช่น การเกิดโรคลำไส้แปรปรวน การที่มีลำไส้ที่สั้นกว่าปกติ แต่ในความเป็นจริงแล้วขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหารสามารถเกิดขึ้นได้เป็นปกติ และแบบผิดปกติ
ในการขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหาร จะเป็นอันตรายหรือไม่นั้น จะต้องมีส่วนประกอบอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของอุจจาระ อาการขณะกำลังขับถ่าย ทั้งนี้หากมีการขับถ่ายทันทีหลังรับประทานอาหาร มากกว่า 3 ครั้ง ควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์จะให้คำปรึกษา และการรักษาจากการตอบสนองที่รุนแรงของ Gastrocolic reflex ได้
อ้างอิง: Health online by หมอเฉพาะทางโรคทางเดินอาหารและตับ ,โรงพยาบาลพญาไท ,โรงพยาบาลเพชรเวช