เปิดขั้นตอน! บริจาคอวัยวะ -ร่างกาย 'เป็นอาจารย์ใหญ่' ต้องทำอะไรบ้าง?
การให้ที่ยิ่งใหญ่ คือ การบริจาคอวัยวะ บริจาคร่างกาย เป็นกายวิทยาทานก่อนเสียชีวิต เพื่อเป็นอาจารย์ใหญ่ หรือส่งมอบชีวิตให้แก่ผู้อื่น ซึ่งปัจจุบัน ผู้คนสนใจร่วมบริจาคร่างกาย บริจาคอวัยวะจำนวนมาก
Keypoint:
- การอุทิศร่างกายนั้น ถือว่าเป็นการเสียสละอันยิ่งใหญ่ และได้บุญกุศลสูงสุด ซึ่งผู้ที่สามารถบริจาคได้ ต้องปฎิบัติตามขั้นตอนของแต่ละโรงพยาบาล
- 'อาจารย์ใหญ่' คือ ร่างกายของมนุษย์ ผู้ซึ่งแสดงเจตจำนงไว้อย่างชัดเจนในการบริจาคร่างกายเป็น กายวิทยาทานก่อนเสียชีวิต เพื่อให้นิสิตแพทย์ได้ใช้ร่างกายในการศึกษาหาความรู้
- การบริจาคอวัยวะ และบริจาคร่างกาย สามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียว ก็สามารถบริจาคเพื่อส่งต่อชีวิตให้แก่ผู้อื่นได้ แต่ญาติต้องรับรู้
แต่ละโรงพยาบาล มีขั้นตอนในการรับบริจาคร่างกาย ที่อาจจะเหมือน หรือแตกต่างกันออกไป อีกทั้งการบริจาคร่างกาย ใช่ว่า จะสามารถบริจาคได้ทันที มาดูกันว่าจะมีขั้นตอนอะไรบ้าง?
รู้จักการบริจาคอวัยวะ
บริจาคอวัยวะ คือ การบริจาคอวัยวะที่ยังมีสภาพสมบูรณ์เพื่อใช้ในการปลูกถ่ายอวัยวะให้แก่ผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยวิธีอื่น หรือเป็นผู้ป่วยระยะสุดท้าย อาจได้จากอวัยวะของผู้มีจิตศรัทธาซึ่งได้แสดงเจตนารมณ์ในการบริจาคอวัยวะเอาไว้ หรือได้จากญาติที่มีความประสงค์จะบริจาค
การบริจาคอวัยวะถือเป็นการสร้างประโยชน์และความสุขอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เรียกได้ว่าเป็นการให้ชีวิตใหม่ ให้ผู้ป่วยได้กลับคืนสู่สังคมด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ได้ดูแลครอบครัวและคนที่รัก อีกทั้งยังมีโอกาสได้สร้างประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
เมื่อ 'บริจาคอวัยวะ' ไม่ใช่แค่อวัยวะ ที่ถูกนำมาทำการปลูกถ่าย
บริจาคอวัยวะ กับบริจาคร่างกายแตกต่างกันอย่างไร?
การบริจาคอวัยวะกับการบริจาคร่างกายมีความแตกต่างกัน ดังนี้
การบริจาคอวัยวะ
- การมอบอวัยวะ เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยที่อวัยวะนั้นๆ เสื่อมสภาพ
- ผู้บริจาคต้องเสียชีวิตจากภาวะสมองตายเท่านั้น (ยกเว้น ไต 1 ข้าง, ตับ, ไขกระดูก เป็นต้น ที่สามารถบริจาคได้ตอนยังมีชีวิตอยู่)
- หลังผ่าตัดเพื่อนำอวัยวะไปให้ผู้ป่วยที่ได้รับบริจาค แพทย์จะตกแต่งร่างกายของผู้บริจาคให้เรียบร้อย แล้วมอบให้ญาติไปประกอบพิธีทางศาสนา
- รับแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะจากทั่วประเทศ โดยติดต่อได้ที่ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทย, เหล่ากาชาดจังหวัดทุกแห่ง, โรงพยาบาลประจำจังหวัด
การบริจาคร่างกาย
คือ การบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษา คือเป็นการสร้างประโยชน์ให้กับวงการแพทย์และการสาธารณสุขอย่างมาก กล่าวคือเพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน ในการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์ เพื่อเก็บเนื้อเยื่อบางส่วนสำหรับการรักษาทางการแพทย์ เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางได้ทำการฝึกผ่าตัด และเพื่อเก็บโครงกระดูกไปใช้ในการศึกษาต่อไป
- การอุทิศรางกายให้นักศึกษาแพทย์ใช้ศึกษา โดยเรียกกันว่า 'อาจารย์ใหญ่'
- ผู้บริจาคเสียชีวิตจากสาเหตุธรรมชาติ และมีอวัยวะครบ
- หลังจากการเสียชีวิต ต้องแจ้งให้ไปรับร่างภายใน 24 ชั่วโมง หลังการศึกษา 2 ปี ทางคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนั้น ๆ จะประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลให้เอง
- แสดงความจำนงโดยติดต่อได้ที่คณะแพทยศาสตร์ทุกแห่ง ซึ่งแต่ละแห่งมีเกณฑ์การรับอุทิศร่างกายต่างกัน
ใครที่บริจาคอวัยวะ บริจาคร่างกายได้
คุณสมบัติผู้บริจาคอวัยวะ โดยทั่วไปมีรายละเอียด ดังนี้
- อายุไม่เกิน 65 ปี
- เสียชีวิตจากภาวะสมองตาย
- ปราศจากโรคติดเชื้อ และโรคมะเร็ง
- ไม่เป็นโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน, หัวใจ, โรคไต, ความดันโลหิตสูง, โรคตับ และไม่ติดสุรา
- อวัยวะที่จะบริจาคต้องทำงานได้ดี
- ปราศจากเชื้อที่ถ่ายทอดทางการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น ไวรัสตับอักเสบชนิดบี, ไวรัสเอดส์ ฯลฯ
- ควรแจ้งเรื่องการบริจาคอวัยวะให้บุคคลในครอบครัวหรือญาติรับทราบด้วย
ทั้งนี้ การบริจาคอวัยวะต้องบอกญาติให้ทราบ เพื่อเป็นการแสดงความจำนงบริจาคอวัยวะสามารถทำได้ด้วยตนเอง แต่ควรแจ้งให้ญาติทราบด้วย เพราะหากเสียชีวิตและสามารถบริจาคอวัยวะได้ ญาติต้องเซ็นยินยอมบริจาคอวัยวะเป็นลายลักษณ์อักษรอีกครั้งหนึ่ง หรือเป็นผู้แจ้งให้ศูนย์รับบริจาคอวัยวะสภากาชาดไทยทราบว่าผู้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะเสียชีวิต หากญาติิไม่ยินยอมจะถือว่าการบริจาคนั้นเป็นอันยกเลิก
ส่วนการบริจาคร่างกาย ร่างกายของผู้บริจาค สามารถสร้างประโยชน์เพื่อการศึกษา การวิจัย และการรักษาทางการแพทย์ ได้ดังนี้
1. เพื่อการศึกษาของนิสิตแพทย์ และแพทย์ประจำบ้าน
2. เพื่อการฝึกอบรมหัตถการต่างๆ และงานวิจัยทางการแพทย์
3. เพื่อการศึกษาของนักศึกษาด้านการแพทย์และสาธารณสุขอื่น
4. เพื่อเก็บเนื้อเยื่อบางส่วนสำหรับการรักษาทางการแพทย์
5. เพื่อให้แพทย์เฉพาะทางฝึกผ่าตัด
6. เพื่อเก็บโครงกระดูกเพื่อการศึกษาตลอดไป
ขั้นตอนการบริจาคร่างกาย
สามารถแสดงความจำนงในการอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ดังนี้
- นำบัตรประจำตัวประชาชน มาเป็นหลักฐานในการแสดงความจำนงอุทิศร่างกาย
- มาแสดงความจำนงโดยตรงที่สถานรับอุทิศร่างกาย ได้แก่ ศาลาทินทัต หรือฝ่ายกายวิภาคศาสตร์ อาคารแพทยพัฒน์ ชั้น 11 และศูนย์ฝึกอ่าตัด อาคารแพทยพัฒน์ ชั้น 4 ซึ่งจะได้รับบัตรแสดงความจำนงอุทิศร่างกายภายใน 10 นาที หรือ ส่งเอกสารแสดงความจำนงมาทางไปรษณีย์พร้อมจ่าหน้าซองถึงตัวท่านเอง ติดแสตมป์แล้วส่งมาที่แผนกอุทิศร่างกายฯศาลาทินทัต รพ.จฬุาฯซึ่งจะส่งบัตรกลับไปให้ ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 1-2 เดือน
- เมื่อแสดงความจำนงอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษาเรียบร้อยแล้ว ควรแจ้งให้ สามี ภรรยา ทายาท ญาติ หรือผู้ใกล้ชิดทราบไว้ เพื่อที่จะสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเมื่อผู้อุทิศร่างกายฯ ถึงแก่กรรม
บริจาคดวงตาต้องทำอย่างไร?
เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ของ ช่วยให้ผู้ป่วยได้มีชีวิตใหม่ ได้มองเห็นคนที่รักและได้อยู่ดูแลครอบครัว ได้ทำประโยชน์ให้กับสังคมต่อไป
การบริจาคดวงตา เป็นการแสดงความจำนงตั้งแต่ยังมีชีวิต เพื่อมอบดวงตาของตนเองภายหลังจากเสียชีวิตแล้ว ซึ่งทางศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยจะได้นำไปเปลี่ยนให้กับผู้ป่วย เพื่อให้สามารถกลับมามองเห็นได้เป็นปกติอีกครั้ง
ขั้นตอนการบริจาคดวงตา
- ผู้ที่สนใจบริจาคดวงตาสามารถแสดงความจำนงในการบริจาคดวงตาได้คนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ เป็นต้นไป
- เมื่อบริจาคดวงตาแล้วจะได้รับบัตรประจำตัวผู้บริจาคดวงตา ควรพกบัตรผู้บริจาคติดตัวไว้และแจ้งให้ญาติรับทราบว่าได้ทำเรื่องบริจาคดวงตาไว้ในระหว่างมีชีวิต
- ในกรณีบริจาคอวัยวะแทนญาติ กรุณาโทรแจ้งศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทยทันทีที่ผู้บริจาคเสียชีวิต ที่หมายเลข 081 902 5938, 081 836 4927 ตลอด 24 ชั่วโมง
ภายหลังเสียชีวิตดวงตาจะเริ่มเสื่อมสภาพ และเน่าเปื่อย ดังนั้นเพื่อให้ดวงตาที่มีสภาพดีที่สุด ญาติของผู้แสดงความจำนงในการบริจาคควรโทรแจ้งศูนย์ดวงตาทันทีหลังผู้บริจาคเสียชีวิต เพื่อให้ศูนย์ดวงตาได้จัดเก็บดวงตาโดยเร็วที่สุด ซึ่งควรจัดเก็บให้เรียบร้อยภายใน 6-8 ชั่วโมง
ช่องทางการบริจาคอวัยวะ ดวงตา และร่างกาย
สามารถติดต่อแสดงความจำนงอุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ได้ 3 ช่องทาง คือ
- ศาลาทินทัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 – 15.00 น.
วันเสาร์ – วันอาทิตย์ เวลา 8.00 – 14.00 น.
โทร. 02 256 5079 - ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ชั้น 11 และศูนย์ฝึกผ่าตัด ชั้น 4 อาคารแพทยพัฒน์
คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ – วันศุกร์ เวลา 8.00 – 15.00 น. - แจ้งความจำนงอุทิศร่างกายฯ ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ที่ 'คลิก'
เอกสารที่ต้องใช้ยื่นเพื่อแจ้งความจำนงอุทิศร่างกายฯ
- ใช้เพียงสำเนาบัตรประชาชน หรือบัตรราชการ จำนวน 1 ฉบับ เท่านั้น
ช่องทางการติดต่อและร่วมบริจาคทุนทรัพย์
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมการบริจาคดวงตาได้ที่
- ศูนย์ดวงตาสภากาชาดไทย https://eyebankthai.redcross.or.th/
โทรศัพท์ 02 256 4039-40
สามารถบริจาคทุนทรัพย์เพื่อสมทบทุนค่าใช้จ่ายในกระบวนการบริจาคดวงตา โดย
- บริจาคให้ศูนย์ดวงตาฯ โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “ศูนย์ดวงตา สภากาชาดไทย” ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย เลขที่บัญชี 045-231390-2
สามารถบริจาคทุนทรัพย์เพื่อพัฒนาอาจารย์ใหญ่เพื่อการศึกษาด้านการแพทย์
- บริจาคเงินให้กองทุนสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี 'กองทุนสภากาชาดไทยเพื่อการบริจาค' ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขา สภาชาดไทย เลขที่บัญชี 045-288000-6 โดยระบุ วัตถุประสงค์การบริจาค 'เงินบริจาคเพื่อพัฒนาอาจารย์ใหญ่ ฝ่ายกายวิภาคศาสตร์'
บริจาคร่างกาย คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี
ท่านที่สนใจจะบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ สามารถติดต่อขอบริจาคร่างกายได้ 2 ช่องทาง ดังต่อไปนี้
1. เข้ามาติดต่อที่หน่วยงานโดยตรง (Walk-in)
- ติดต่อที่ ห้องเรียนกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 3 Zone A อาคารพรีคลินิก สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
- เตรียม บัตรประชาชนผู้บริจาคตัวจริง (หากอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง)
- กรอก แบบฟอร์มอุทิศร่างกาย จำนวน 2 ชุด และ มีพยานลงนาม 2 คน
- รอรับ บัตรประจำตัวผู้อุทิศร่างกาย ได้ทันที
2. ส่งเอกสารบริจาคด้วยตนเอง ดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่นี่
- กรอก แบบฟอร์มอุทิศร่างกาย จำนวน 2 ชุด ให้ครบถ้วน พร้อมลายเซ็นพยาน 2 คน
- ส่ง แบบฟอร์มอุทิศร่างกาย จำนวน 2 ชุด และ สำเนาบัตรประชาชนจำนวน 1 ชุด มาตามที่อยู่
- 'โรงเรียนแพทย์รามาธิบดี สถาบันการแพทย์จักรีย์นฤบดินทร์ 111 หมู่ 14 ถนนเลียบคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ตำบลบางปลา อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ 10540'
- โดยเขียนมุมซองว่า 'อุทิศร่างกาย'
- รอรับบัตรประจำตัวผู้บริจาคร่างกาย ทางไปรษณีย์
ช่องทางการติดต่อเจ้าหน้าที่
- เบอร์โทรศัพท์ภายใน : 0-2839-6572 และ 0-2839-6573 ในวันและเวลาราชการ (วันจันทร์-วันศุกร์ 08.30-16.30 น.)
- เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ : 06-4585-4026 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
- E-mail : [email protected]
- Line ID : anatomy.cnmi
- Facebook : กายวิภาคศาสตร์คลินิก สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
อ้างอิง : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ สภากาชาดไทย ,คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี