อันตรายใกล้ตัว 'ออกซิเจนในเลือดขาดสมดุล' ส่งผลเสียสุขภาพ
คุณเคยรู้สึกอึดอัด ปวดหัวหรือหายใจลำบากจนอาเจียนออกมาในขณะที่คุณกำลังไปเที่ยวหรืออยู่ในที่สูงและรวมทั้งผู้ที่ป่วยโควิด -19 ที่ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเเละปอด หรือเป็นสัญญาณของภาวะพร่องออกซิเจน
Keypoint:
- ใครๆ ก็เสี่ยงภาวะพร่องออกซิเจนได้ ยิ่งในกลุ่มผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจเเละปอด โรคหอบหืด ถุงลมโปร่งพองเเละโรคหลอดลมอักเสบ ต้องเฝ้าระวั
- หากมีอาการมึนงง ไม่มีสมาธิ มีอาการหายใจถี่เมื่อพักผ่อน เช่น นั่งหรือนอน หายใจถี่อย่างรุนแรงระหว่างการออกกําลังกาย อาจเสี่ยงภาวะพร่องออกซิเจน
- รู้ทัน สังเกต และป้องกัน 'ยิ่งรู้เร็ว ป้องกันได้' ดูแลรักษาระดับออกซิเจนให้อยู่ในระดับปกติอีกตัวชี้วัดการมีสุขภาพที่ควรให้ความสำคัญ เพราะออกซิเจนคือพื้นฐานของการการมีชีวิตและสุขภาพดี
ภาวะพร่องออกซิเจน (Hypoxia) เป็นภาวะที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอกับความต้องการส่งผลให้มีปริมาณออกซิเจน ในเนื้อเยื่อต่ำกว่าปกติ สามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะกับผู้ที่มีปัญหาโรคหัวใจเเละปอด โรคหอบหืด ถุงลมโปร่งพองเเละโรคหลอดลมอักเสบด้วยภาวะพร่องออกซิเจน
การเสียชีวิตอย่างปัจจุบันทันด่วนนี้มีสาเหตุมาจากภาวะพร่องออกซิเจนในเลือดเงียบ หรือ ‘Happy Hypoxia’ซึ่งเป็นภาวะที่ไม่แสดงอาการจนกว่าจะเข้าขั้นวิกฤต จึงทำให้ผู้ป่วยมักได้รับการรักษาไม่ทันการณ์และเสียชีวิต นอกจากนั้น ในช่วงของการระบาด โรงพยาบาลจำเป็นต้องสงวนเตียงไว้รองรับผู้ป่วยที่แสดงอาการรุนแรง ทำให้ผู้ป่วยโรค เสียชีวิตจากภาวะ ‘Happy Hypoxia’ เพิ่มมากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
EA ร่วมกับ มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์ สนับสนุนเครื่องออกซิเจน ช่วยผู้ป่วยในชุมชน
'บีไอจี' เพิ่มจุดเติมออกซิเจนฟรีให้มูลนิธิ-อาสาสมัคร พื้นที่ภาคตะวันออก รับมือโควิด
ระดับออกซิเจนในร่างกายคืออะไร ?
ระดับออกซิเจนในเลือดมีความเป็นปกติ (Normal ABG oxygen level) ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 96-99%เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดต่อร่างกาย เป็นค่าวัดสำหรับผู้ที่มีสุขภาพและปอดที่แข็งแรงจะอยู่ระหว่าง 80 ถึง 100 มิลลิเมตรปรอท หากวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 95-100%
ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ (Hypoxemia) คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยกว่าปกติ คือการมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90% โดยหากระดับออกซิเจนในร่างกายมีค่าต่ำกว่าระหว่าง 90% มีแนวโน้มที่อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน โรคที่เกี่ยวกับปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจ
ระดับออกซิเจนสูง (Hyperoxia) คือ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนมากกว่าปกติ คือมีระดับออกซิเจนในเลือดอยู่สูงว่า 100 มิลลิเมตรปรอท หรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดสูงกว่า 99% มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดภาวะออกซิเจนเป็นพิษ เกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณมากหรือการรับออกซิเจนบริสุทธิ์เป็นเวลานานต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ที่มีสุขภาพดีพร้อมกับปอดที่แข็งแรงเมื่อวัดด้วยเครื่องวัดออกซิเจนในเลือด ควรจะมีระดับออกซิเจนในเลือด 80-100 มม.ปรอท หรือ 95-100% ไม่ควรต่ำหรือสูงมากไปกว่านี้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะบ่งบอกถึงสัญญาณผิดปกติของระดับออกซิเจนในเลือดที่ไม่สมดุล
ระดับออกซิเจนในเลือดเป็นการวัดระดับฮีโมโกลบินที่จับกับออกซิเจนซึ่งจะช่วยบอกว่าเม็ดเลือดแดงขนส่งออกซิเจนไปให้ร่างกายเพียงพอหรือไม่
ระดับออกซิเจนเท่าไหร่ ถึงจะไม่ขาดดุล
ร่างกายของคุณจะควบคุมระดับออกซิเจนและรักษาความสมดุลของเลือดให้พร้อมไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงระบบอวัยวะที่สำคัญในร่างกาย เมื่อใดที่คุณมีอาการผิดปกติหรือปัญหาของสุขภาพ เช่น อาการหายใจถี่หรือเจ็บหน้าอก เวียนหัวเรื้อรัง เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย เจ็บป่วยง่าย อย่างไม่ทราบสาเหตุ
รวมถึงผู้ที่มีภาวะสุขภาพเรื้อรังอื่นๆ อาจจะต้องติดตามระดับออกซิเจนในเลือด ด้วยการตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดของคุณ ซึ่งสามารถช่วยคัดกรองโรครุนแรง เช่น โรคหอบหืด โรคหัวใจ และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ได้ก่อนโรคเหล่านี้จะกำเริบรุนแรง พร้อมกับการติดตามหลังการรักษาได้เช่นกัน
การวัดค่าออกซิเจนในเลือดเรียกว่าระดับความอิ่มตัวของออกซิเจน ในทางการแพทย์ อาจเรียกว่า ค่าความดันแก๊สออกซิเจนในเลือด (PaO2) และ ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด O2 sat (SpO2) โดยมีหลักเกณฑ์ที่จะช่วยให้เข้าใจว่าผลลัพธ์ที่จะได้รับจากการตรวจประเมินสุขภาพ
"ระดับออกซิเจนในเลือดมีความเป็นปกติ (Normal ABG oxygen level) ค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 96-99% เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สุดต่อร่างกาย เป็นค่าวัดสำหรับผู้ที่มีสุขภาพและปอดที่แข็งแรงจะอยู่ระหว่าง 80 ถึง 100 มิลลิเมตรปรอท หากวัดระดับออกซิเจนในเลือด (SpO2) ค่าปกติจะอยู่ระหว่าง 95-100%"
หากเกิดสัญญาณของโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือโรคปอดอื่น ๆ อาจจะต้องได้รับการยืนยันจากแพทย์และผู้เชี่ยวชาญสุขภาพ เพราะหากวัดได้ค่าระหว่าง 88-92% หรือยิ่งต่ำลงเท่าใดก็มีแนวโน้มที่จะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะพร่องออกซิเจน โรคปอดหรือโรคระบบทางเดินหายใจที่จะรุนแรงขึ้นตามลำดับเปอร์เซ็นต์ที่ลดต่ำลง
สาเหตุที่ทำให้เกิดออกซิเจนในเลือดต่ำ
1.ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย
สาเหตุที่ทำให้ออกซิเจนในเลือดต่ำเกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนน้อย พบว่าเป็นสาเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย อาจมีสาเหตุมาจากการอยู่ในบริเวณที่มีอากาศเบาบาง เช่น การอยู่บนที่สูง การอยู่บนยอดตึก การปีนเขาหรือขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เป็นต้น
2.ความผิดปกติของปอด
สาเหตุออกซิเจนในเลือดต่ำอาจเกิดจากปอดทำงานผิดปกติ อย่างเช่น พื้นที่ที่ใช้ในการแลกเปลี่ยนก๊าซระหว่างปอดกับกระแสเลือดนั้นลดลง เกิดจากผู้ป่วยที่มีอาการปอดแฟบหรือมีลมในปอด รวมไปถึงภาวะที่มีออกซิเจนไม่สามารถซึมผ่านจากถุงลมปอดไปสู่กระแสเลือดได้สะดวกมากขึ้น เกิดกับกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปอดบวมหรือเป็นโรคเยื่อไฮยาลีน เป็นต้น จนมีผลทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้
3.สาเหตุเกิดจากระบบไหลเวียนเลือด
ผู้ที่มีภาวะค่าออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจมีสาเหตุมาจากระบบไหลเวียนเลือดในร่างกาย โดยมีสาเหตุมาจากความบกพร่องในการนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงยังเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เช่นจำนวนเม็ดเลือดแดงในเลือดลดลง เป็นโรคโลหิตจางเกิดการเสียเลือดมากกว่าปกติ เกิดภาวะผิดปกติของฮีโมโกลบิน ตลอดจนการที่ร่างกายได้รับสารเคมีบางอย่าง
4.ผลข้างเคียงจากยา
ผู้ที่มีปัญหาระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ อาจมีสาเหตุมาจากผลข้างเคียงจากการใช้ยา ยกตัวอย่างเช่น ยาในกลุ่มซัลฟานิลาไมด์ เป็นยาที่ใช้รักษาการติดเชื้อในช่องคลอด ช่วยลดอาการอักเสบและอาการคันที่ช่องคลอด รวมถึงการตกขาว เป็นต้น การซื้อยาใดๆ ก็ตามมารับประทานเองควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ
5.ติดเชื้อ โควิด-19
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โควิด-19 ส่งผลทำให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำได้เช่นเดียวกัน หากร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอก็อาจส่งผลทำให้ผู้ป่วยอยู่ในภาวะรุนแรงได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว อาจส่งผลทำให้เสียชีวิตได้เลย
ระบบออกซิเจนในเลือดสมดุล ดีต่อร่างกายอย่างไร?
ผลดีต่อร่างกาย
- สมองทำงานดี สดชื่นกระฉับกระเฉง การคิดวิเคราะห์และความจำดี การเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว
- ผิวพรรณดี
- ร่างกายแข็งแรงในทุกระบบ เช่น ระบบเผาผลาญพลังงานมีประสิทธิภาพ เซลล์ต่างๆ ซ่อมแซมตัวเอง เอนไซม์ต่างๆ ทำหน้าที่ได้อย่างไม่บกพร่อง
- เพิ่มระดับพลังงาน ปรับความสมดุลทางอารมณ์ และสมาธิ
- ลดความตึงเครียด ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวและไมเกรน ส่งเสริมการนอนหลับที่ดีขึ้น
ข้อควรระวัง ระดับออกซิเจนในร่างกายที่ขาดความสมดุล
ความเสี่ยงและอาการของระดับออกซิเจนในเลือดต่ำ
ระดับการสังเกต
- มีอาการมึนงง ไม่มีสมาธิ
- มีอาการหายใจถี่เมื่อพักผ่อน เช่น นั่งหรือนอน
- หายใจถี่อย่างรุนแรงระหว่างการออกกําลังกาย
- ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยการหายใจถี่หรือเกิดความรู้สึกสําลักของเหลว มีอาการไอหัวใจเต้นเร็วหรือช้ามาก หรือใจสั่น
ระดับขั้นรุนแรง
- มีอาการเกิดรอยคล้ำหรือแดงตามร่างกาย เช่น เล็บมือเล็บเท้า ริมฝีปาก ผิวหนังส่วนต่างๆ เป็นต้น
- เกิดอาการหายใจถี่อย่างรุนแรงและฉับพลัน
- เป็นลมหรือหมดสติ
แนวทางการป้องกันความเสี่ยง
ตรวจโรคและการติดตามอาการ จากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ โดยกลุ่มอาการของโรคที่อาจจะเสี่ยง ได้แก่
- กลุ่มโรคปอด เช่น โรคโควิด-19 ภาวะ Long COVID (อาการหลังป่วยโควิด) มะเร็งปอด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคผังพืดที่ปอด ถุงลมโป่งพอง ปอดบวม การอุดตันของหลอดเลือดแดงในปอด ปอดอักเสบจากติดเชื้อ มีภาวะน้ำท่วมปอด เป็นต้น
- กลุ่มโรคระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคโลหิตจาง โรคความดันสูง
- กลุ่มโรคหัวใจ รวมถึงโรคหัวใจพิการแต่กําเนิด
- กลุ่มอาการหายใจลําบากเฉียบพลัน (ARDS)
- กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจทำงานผิดปกติ โรคหอบหืด
- ภาวะภูมิแพ้อาหารฉับพลัน
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- ยารักษาโรคบางชนิด
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่เสี่ยง
- นำพาตนเองออกจากพื้นที่ที่ออกซิเจนในอากาศไม่เพียงพอ ที่เริ่มทำให้รู้สึกอึดอัด มึนงง และต้องหายใจถี่ เช่น พื้นที่ที่มีความรุนแรงของการปนเปื้อนฝุ่น PM 2.5 รวมถึงมลพิษทางอากาศต่างๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้ หากจำเป็นต้องผ่านหรือเข้าพื้นที่ดังกล่าวจำเป็นต้องป้องกันตนเองอย่างมิดชิด
- ทำความรู้จักข้อมูลเกี่ยวกับสารเคมีและสารพิษที่อาจจะเสี่ยงต่อการสัมผัสสารหรือสูดดมหรือเป็นสารต้องห้ามตามประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม เช่น สารไซยาไนด์ เมทานอล น้ำมันก๊าด ยาเบื่อหนู เป็นต้น ที่อาจจะเจอกับการปนเปื้อนของสารดังกล่าวทั้งในอาหาร น้ำดื่ม และทางอากาศ เพื่อไม่ให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ และไม่ควรมีไว้ครอบครองสำหรับบุคคล เสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมาย
การดูแลรักษาระดับออกซิเจนในร่างกายให้สมดุลเพื่อสุขภาพ
- งดการสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่มือสอง
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป
- กรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดหรือเป็นโรคปอด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพอย่างเคร่งครัด
- ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อวัน เพราะน้ำมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบหลัก จึงช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกายได้อย่างทันที
- หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงภัย การปนเปื้อนสารพิษในอาหาร เครื่องดื่ม อากาศ ที่จะส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ
- เลือกบริโภคอาหารที่ช่วยสนับสนุนในเรื่องของการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย คือ เหล็ก วิตามินบี 12 วิตามินซี CoQ10 ไนอาซิน แมกนีเซียม โดยแหล่งอาหารควรเป็นแหล่งอาหารจากธรรมชาติ เช่น ผักสีเขียว บรอกโคลี พืชตระกูลถั่ว ปลา เนื้อสัตว์ ไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม และผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี่ แบล็คเบอรี่ แอปเปิ้ล มะเขือเทศ และกีวี
- ออกกำลังกายพร้อมกับฝึกลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ เช่น การออกกำลังกายแบบแอโรบิก การฝึกโยคะ เป็นต้น
- หมั่นตรวจสุขภาพเป็นประจำ
ตรวจสุขภาพเพื่อความสมดุลของระดับออกซิเจนในร่างกาย
ความสมบูรณ์ของเลือด (Complete Blood Count: CBC)
- ตรวจวัดระดับฮีโมโกลบินในเลือด
- ตรวจวัดจำนวนเม็ดเลือดแดง ( Total RBC: Total Red Blood Cell Count)
- ตรวจวัดระดับความเข้มข้นเลือด (PCV: Packed Cell Volume)
- ตรวจวัดขนาดเม็ดเลือดแดง (MCV: Mean Corpuscular Volume)
- ตรวจความซีดจางเม็ดเลือดแดง (MCHC: Mean Corpuscular Hemoglobin Concentration)bulll
ระดับสารอาหารที่จำเป็นในร่างกาย (ระดับวิตามินและแร่ธาตุ)
สารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอต่อการสร้างความแข็งแรงของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่จะสามารถการรักษาความสมดุลของออกซิเจนในร่างกาย ได้แก่
- ธาตุเหล็ก
- ทองแดง
- วิตามิน A (VIT A: Vitamin A)
- วิตามินบี 9 (VIT B9: Folic Acid)
- วิตามินบี 12 (VIT B12: Vitamin B12 Test)
- วิตามินซี (VIT C: Vitamin C Test)
- เกลือแร่ในเลือด (Electrolyte Test) (โซเดียม โปแตสเซียม คลอไรด์ ไบคาร์บอเนต) (Na,K,Cl,CO2)
การรักษาภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ
ปัจจุบันออกซิเจนในเลือดต่ำรักษาได้ตามความรุนแรงของอาการ หากผู้ป่วยมีภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำควรไปพบแพทย์ วิธีรักษาออกซิเจนในเลือดต่ำแพทย์จะทำการเพิ่มความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดด้วยวิธีการต่างๆ ขึ้นอยู่กับสาเหตุ อาการ รวมถึงระดับความรุนแรงและดุลยพินิจของแพทย์ด้วย หากผู้ป่วยเกิดความผิดปกติแพทย์จะตรวจวินิจฉัยและรักษาโรค
ตัวอย่างเช่น หากออกซิเจนในเลือดต่ำจากโรคหอบหืด หลอดลมตีบ แพทย์จะใช้ยาขยายหลอดลมพ่นทางจมูก ซึ่งตัวยานี้จะทำให้หลอดลมขยายและช่วยทำให้ผู้ป่วยหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกวิธีที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อย ก็คือการให้ออกซิเจนกับผู้ป่วยด้วยการใช้เครื่องผลิตออกซิเจน ถังออกซิเจน หรืออุปกรณ์ช่วยหายใจ เพื่อเพิ่มปริมาณของออกซิเจนในร่างกายให้สูงขึ้น
วิธีเพิ่มออกซิเจนในเลือด ช่วยลดการเกิดออกซิเจนในเลือดต่ำ
- เพื่อป้องกันภาวะออกซิเจนในเลือดต่ำ ควรออกกำลังกายเป็นประจำ ด้วยกีฬาหรือท่าออกกำลังกาย ที่เหมาะสม เพื่อเสริมสร้างระบบหายใจและระบบไหลเวียนเลือดให้แข็งแรง
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการรับควันบุหรี่ รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หมั่นตรวจระดับออกซิเจนในเลือดสม่ำเสมอ สามารถใช้เครื่องวัดออกซิเจนในเลือดได้
- กรณีที่ผู้ป่วยเป็นโรคหอบหืดหรือเป็นโรคปอด ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และควรได้รับการพ่นยาตามคำสั่งของแพทย์อย่างสม่ำเสมอด้วย
- เพื่อป้องกันภาวะพร่องออกซิเจนหรือออกซิเจนในเลือดต่ำ แนะนำให้ดื่มน้ำให้เพียงพอ เพราะในน้ำนั้นจะมีออกซิเจนเป็นส่วนประกอบหลัก จึงช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกายได้
อ้างอิง: pathlab , มูลนิธิโครงการสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และ โรงพยาบาลศรีนครินทร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น